ลักษมีส่ายหน้า “ไม่...ปุ๊บปั๊บไม่เอาบาร์บี้...ปุ๊บปั๊บมี จูน แจง จุ๊บ จอย... มี้ขาตัดชุดให้ใหม่...ทุกวัน”
“หืมม์?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วแต่ก็ยิ้มหวานก่อนหันไปทางแฝดน้อง
“แล้วนี่ปุนต์ยังดูดนมจากขวดอยู่อีกหรือครับ?”
“ปุนต์ชอบดูดนม...คุงลุงลองดูมั้ยฮับ...อาหย่อย”
เด็กน้อยยื่นขวดนมให้ ลักษณ์นาราออกอาการตกใจเพราะกลัวว่าแมทเทียสจะไม่พอใจที่เห็นลูกชายของเขายังไม่ทิ้งขวดนมแต่ที่ไหนได้ชายหนุ่มกลับเอาปากของเขาสัมผัสกับจุกนมอย่างไม่นึกรังเกียจ เขาทำท่าเหมือนดูดนมจากจุกและยิ้มหวาน ในเวลานั้นปุนต์ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
แต่แล้วร่างสูงกลับจับมือหนูน้อยไว้อย่างถนอม ลักษณ์ไม่มีอาการตกใจ หนูน้อยมองเขาด้วยแววตาไร้เดียงสาพร้อมรอยยิ้ม แฝดน้องมีท่าทีเหมือนว่าอยากทำความคุ้นเคยกับชายแปลกหน้า มันอาจเป็นความลึกซึ้งในสายสัมพันธ์ทางสายเลือดแต่ลักษมีกลับมีแววตาที่ยังเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง แฝดพี่เข้าไปดึงมือแผดน้องออกห่างจากแมทเทียสและถามเขาว่า
“วันนี้เราจะไปไหนกันคะ?”
“วันนี้ลุงจะพาพวกหนูกับมี๊ไปทำหนังสือเดินทางออกนอกประเทศ”
เขาอธิบายขณะลักษณ์นาราเผลอหลั่งน้ำตาออกไม่รู้ตัว เธอได้ยินเขากล่าวออกมาเสียงแผ่วต่ำ
“ลุงจะพาพวกหนูกลับกรีซ...แต่พวกหนูต้องเรียกลุงว่า...ปาปี๊”
©©©©©©©©
บทที่ 3
แด่รักด้วยเกลียดชัง
ลักษมีเอียงคอและหันไปมองหน้าแฝดน้องเมื่อได้ยินคำร้องขอจากร่างสูงใหญ่ที่จ้องมองประกายใสแจ๋วในดวงตาสีน้ำตาลทองเป็นประกายสุกใสเช่นเดียวกับสีผมขับใบหน้าเล็ก ๆ ขาวผ่องงดงามจับใจผู้เป็นพ่อที่พยายามแสดงตัวตนหลังจากไม่ได้พบหน้าตั้งแต่หนูน้อยลืมตาดูโลกตราบถึงวันนี้
“เรียกคุณลุงว่าปาปี๊ซีคะ”
ลักษณ์นาราพยายามกล่อมลูกน้อยขณะเด็กหญิงเงยหน้าและมองมารดาด้วยความประหลาดใจ
“ปาปี๊แปลว่าอารายคะ?”
ลักษมีถามด้วยความไม่เดียงสา คำถามนั้นทำให้รัชนีถึงกับกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่จนต้องเข้ามาประคองไหล่ของหลานทั้งสองขณะโน้มตัวลงพูดกับหลานสาวเบา ๆ
“ปาปี๊...ก็...แปลว่าพ่อยังไงล่ะจ๊ะปุ๊บปั๊บ”
“แล้ว...ดี๊ขาของปุ๊บปั๊บลาคะ ดี๊ขาเปง...คุงพ่อของปุ๊บปั๊บ...ม่ายช่ายหราคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกนะ”
แมทเทียสแทรกขึ้นและยิ้มอ่อนโยนขณะบีบมือหนูน้อยเบา ๆ เด็กหญิงคงไม่ทันตั้งตัวที่จู่ ๆ ก็ต้องพบกับเขาซึ่งสำหรับลูกสาวและลูกชายตัวน้อยแล้วเขาคือคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพานพบกันมาก่อน ถึงตอนนี้เรื่องเดียวที่เขายอมรับได้โดยไม่มีข้อแม้คือท่าทีและความรู้สึกของลักษมีและลักษณ์
ไม่ว่าลักษณ์นาราจะเลี้ยงดูหรือสั่งสอนหนูน้อยมาเช่นไรแต่เขาก็เต็มใจรอคอยที่จะได้ยินคำคำนั้นในสักวัน ขณะนั้นเองรัชนีย่อตัวลงและกอดหลานสาวจากข้างหลัง นางอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาเมื่อรู้ว่าการจากลาไม่ว่าด้วยเหตุผลใดที่แมทเทียสจะพาหลานทั้งสองและลักษณ์นารากลับไปกำลังจะเกิดขึ้นในอีกสามวันนับจากนี้ หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามเสียงเครือ
“แมทเทียส...คุณจะพาปุ๊บปั๊บกับปุนต์ไปอยู่ที่โน่นนานแค่ไหนกันคะ?”
“ผมยังบอกไม่ได้ แต่ลิลลี่กับลูกต้องกลับกรีซพร้อมผม”
“ฉันรู้สึกว่ามันเร็วมากเลยค่ะ ยังไม่ทันตั้งตัวเลยว่าหลานแฝดของฉันต้องไปอยู่ที่อื่น ที่ไม่ใช่ที่นี่”
“เด็ก ๆ อยู่ที่นี่นานพอแล้ว และสำหรับผมมันเหมือนตลอดทั้งชีวิตที่ไม่ได้...เห็นหน้าพวกเขา”
เสียงเขาหนักแน่นและหน่วงตอนท้ายขัดกับใบหน้าที่แสดงความอ่อนโยนทั้งแววตาที่มองเลือดเนื้อของเขาตรงหน้าตลอดเวลาราวกับว่ากลัวลักษมีและลักษณ์จะหายไปจากสายตาในทุกวินาที รัชนีพยักหน้าอย่างยอมรับ แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เข้าใจว่าแมทเทียสอาจคิดถึงลูกกับเมียที่ไม่ได้พบหน้ากันเป็นเวลาเกือบห้าปี เขาอาจทนรอไม่ไหวที่จะพาหัวใจกลับบ้านและเป็นสิ่งที่ตัวเธอเองไม่อาจปฏิเสธหรือขัดขวางได้
“เราจะไปกันหรือยังคะ”
ลักษณ์นาราเป็นฝ่ายถามทั้งพยายามกดความตื่นเต้นระคนเจ็บปวดลึกลงไป เก็บงำความหวั่นกลัวไม่ให้มารดาเห็นเพราะตัวเธอเองก็ไม่รูว่าจะต้องพบเจอกับอะไรต่อไปในเวลาข้างหน้า สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือทำอย่างไรก็ได้ให้รัชนีเห็นว่าทุกอย่างเป็นปกติ แมทเทียสยืดลำตัวขึ้นยืนเต็มความสูงและเมื่อเขาเหลียวกลับไปยังหญิงสาวแววตาของเขากลายกลับเป็นดุดันแทบจะในทันที
“คุณคงอยากกลับไปเต็มทีแล้วสินะ และผมก็คิดว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น การได้กลับไปในที่ที่คุณเคยอยู่และมันคือบ้านของ...ลูก”
“ฉันคงไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าหรืออะไรไปเลยอย่างนั้นสินะคะ”
เขาส่ายหน้า แววตาอาบความอาฆาตที่มีเพียงลักษณ์นาราคนเดียวเท่านั้นมองเห็น ริมฝีปากที่หยัดขึ้นบนใบหน้าคร้ามเข้มราวกับรอยแย้มยิ้มของจอมซาตาน
“ไม่จำเป็นเพราะผมเตรียมทุกอย่างไว้ให้คุณกับลูกหมดแล้ว...ผมจะไปรอที่รถ”
เขาตัดบทก่อนหันกลับมายังรัชนีที่มองลูกสาวและหลานสาวอย่าเศร้า ๆ
“ผมจะพาเด็ก ๆ กับลิลลี่ไปทำเอกสารการเดินทางก่อนนะครับ...คุณแม่”
ร่างสูงใหญ่ก้าวออกไปขณะลักษณ์นารามองตาม รัชนีผละจากลักษมีเข้ามาจับมือลักษณ์นาราไว้และมองลูกสาวอย่างให้กำลังใจทั้งที่เธอเองน้ำตาไหลเต็มหน้า
“ลักษณ์...มันเร็วเหลือเกินแต่แม่ก็คงจะห้ามอะไรไม่ได้ใช่ไหมลูก”
“ค่ะ...เรายังมีเวลาอีกสามวันค่ะแม่...เอ้อ...”
หญิงสาวทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “ฝากบอกกานต์ด้วยนะคะว่าหนูกับลูกต้องกลับกรีซสักระยะ แล้วก็...บัตรกดเงินสดของหนูเก็บไว้ในลิ้นชักอยู่ในตู้ แม่เก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายช่วงที่หนูไม่อยู่นะคะ”