“ปุ๊บปั๊บ...ปุนต์...สวัสดีคุณ...เอ้อ...เอ้อ...”
“สวัสดีคะ...คุงลุง”
“สวัสดีคับ...”
เด็กทั้งสองยกมือไหว้โดยเฉพาะเด็กหญิงตัวน้อยที่ย่อตัวลงโดยที่คุณยายยังไม่ทันได้แนะนำชายแปลกหน้าให้รู้จักด้วยซ้ำ วินาทีนั้นเองที่แมทเทียสได้ยินเสียงเล็ก ๆ ใสแจ๋วของหนูน้อยทั้งสองชัดเจน เขาบิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์พร้อมรอยกดลึกบนสองข้างแก้ม สักครู่เด็กชายก็ฉีกยิ้มอวดฟันขาวและถามว่า
“คุงลุง...มาจากไหนฮับ?”
“กรีซ”
“กี๊ด?”
ลักษณ์เอียงคอ เสียงเล็ก ๆ ของเด็กชายและคำพูดที่ยังไม่ชัดถ้อยจุดรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา หากทว่าเขากลับสังเกตว่าเด็กหญิงมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ ราวกับไม่ไหว้ใจ รัชนีฝืนยิ้มท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยและเอ่ยว่า
“นี่คือลักษมีกับลักษณ์ค่ะ...ปุ๊บปั๊บกับปุนต์...เด็กสองคนเป็นฝาแฝดกัน”
คำบอกเล่านั้นจุดประกายวาบไหวในดวงตาของชายหนุ่มขณะจ้องมองเด็กทั้งสองด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ ลักษณ์นารามีลูกฝาแฝดหน้าตาน่าชัง เขาแทบอยากคว้าตัวเด็กทั้งสองเข้ามาแนบไออกในวินาทีนั้นหากทว่าก็ยังไว้ท่าทีและรู้สึกว่ามันอาจเร็วเกินไปที่เขาจะแสดงตัวว่าเป็นใคร ทว่าเมื่อเขาหันกลับไปยังลักษณ์นาราริมฝีปากหยักหนากลับราบเรียบลง ชายหนุ่มจ้องมองร่างเล็กบางตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้าก่อนเขาจะถามขึ้น
“คุณกำลังจะไปไหนหรือเปล่า ลิลลี่?”
“ฉันกำลังจะไปทำงานค่ะ”
“ถ้าผมจะขอเวลาคุยกับคุณ”
“เอ้อ...แมทเทียส คุณพึ่งเดินทางมาถึง จะทานอะไรก่อนสักหน่อยไหมคะเดี๋ยวฉันจะไปจัดมาให้”
รัชนีแทรกขึ้น หญิงวัยกลางคนมองลูกชายคนเดียวของเจ้านายเก่าด้วยความทึ่ง เขาดูแปลกตาไปจากเมื่อห้าปีก่อน แมทเทียสเข้มขรึมและน่าเกรงขามขึ้นทว่าความหล่อเหลาของเขานั้นกลับทวีมากขึ้นตามไปด้วย
“ไม่ต้องครับ ผมตั้งใจมาเพื่อจะได้พบหน้าลูกและ...พูดคุยกับ...เมียของผม”
“คุณสบายดีใช่ไหมคะ?”
“ครับ...ผมสบายดี”
“แล้ว...คุณเอเรียลล่าก็สบายดีใช่ไหมคะ?”
“คุณแม่สบายดี”
เขาตอบสั้น ๆ สีหน้านั้นเยียบเย็นจนรัชนีเกิดความรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็ก ๆ หากแต่ก็ยิ้มให้ด้วยมารยาทของคนเคยรู้จักกันเป็นอย่างดี เธอหันไปมองหน้าลักษณ์นาราที่ยืนนิ่งเงียบและหันกลับมายังร่างสูงสง่าอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวฉันจะพาปุ๊บปั๊บกับปุนต์ไปวัดก่อนค่ะคุณแมทเทียส”
รัชนีกล่าวและดึงมือน้อยของลักษมีไปกุมไว้ แมทเทียสหันไปปรายยิ้มให้ผู้เป็นยายและหลานอีกสองคนทว่านัยน์ตาสีสนิมเหล็กจับจ้องที่หนูน้อยทั้งคู่ตลอดเวลา
“ครับ...ว่าแต่คุณจะกลับมาตอนไหน”
“ก็...เอ้อ...เสร็จธุระแล้วก็คงต้องรีบกลับมาล่ะค่ะเพราะต้องพาเด็ก ๆ กลับมากินข้าวเที่ยง”
“ผมจะรอ”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบเสียจนคนฟังไม่รู้เลยว่าการพบกันครั้งนี้ทำให้เทพบุตรหนุ่มกรีกดีใจหรือรู้สึกอย่างไรกันแน่ รัชนีจูงมือหลานสาวตัวเล็กที่ช่วยหิ้วชั้นปิ่นโตออกไปหน้าประตูรั้วหากก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองสองหนุ่มสาวที่ยังยืนหน้าประตูบ้านและก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่ามีชายชาวต่างชาติร่างใหญ่อีกสองคนยืนอยู่ที่รถเอสยูวีสัญชาติยุโรปซึ่งจอดอยู่ที่หน้ารั้วบ้านพอดี หญิงวัยกลางคนรีบจูงหลานทั้งสองเดินออกไปด้วยความรู้สึกว่าการมาครั้งนี้ของแมทเทียสอาจมีอะไรมากกว่าการได้พบกันกับลูกชายเจ้านายเก่าโดยไม่คาดฝัน เมื่อทั้งสามยายหลานไปแล้วก็ยังเหลือเพียงลักษณ์นาราที่ยืนประจันหน้าบุรุษหนุ่มผู้ซึ่งเธอไม่เคยลืมเลือนเขาได้แม้แต่วินาทีตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน
“แมท...”
“สบายดีไหมลิลลี่...ดูเหมือนคุณจะสบายดี”
เขาถามและตอบในคราวเดียวกัน นัยน์ตาสีสนิมเหล็กไม่ส่อแสดงความรู้สึกใด มันนิ่งเหมือนวาจาที่เปล่งออกมาหากแต่ลักษณ์นารากลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่แอบซ่อนภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาเพียงแต่เธอยังไม่แน่ใจเพราะตอนนี้ความตื้นตันมันล้นขึ้นมามากกว่าความรู้สึกใดที่เธอจะนึกได้ หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ
“ค่ะ...ฉันสบายดี”
“ตกใจหรือเปล่าที่เห็นผมมาที่นี่”
หญิงสาวช้อนตามองเขา ตกใจหรือ...ใช่...เธอทั้งตกใจ ประหลาดใจ และความรู้สึกที่แอบซ่อนในส่วนลึกคือความรู้สึกดีใจจนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ในตอนนี้
“ก็...ค่ะ...คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันอยู่ที่นี่”
“คุณจะไปไหนได้ถ้าไม่กลับมาอยู่บ้าน ว่าแต่...จะไม่เชิญผมเข้าไปนั่งในบ้านของคุณสักหน่อยหรือ”
“คะ...เอ้อ...ค่ะ...เข้าไปนั่งข้างในก่อนสิคะ”
ลักษณ์นาราเงอะเงิ่น เธอทำอะไรไม่ถูกและลืมแล้วด้วยซ้ำว่าเธอกำลังเตรียมตัวออกไปทำงาน หญิงสาวเดินนำเข้าไปในห้องรับแขกภายในบ้านไม้หลังเล็กติดริมฝั่งแม่น้ำที่ไหลเอื่อย เธอยินเสียงฝีเท้าของเขาที่ก้าวตามเข้ามา ร่างบอบบางกำลังจะหันกลับไปแต่ก็ต้องตระหนกเมื่อจู่ ๆ ก็รู้สึกถึงแรงกระชากจากมือหนาหนักที่คว้าแขนของเธอจนเซกลับไปด้านหลัง
“แมทเทียส!”