ยามอู่[1]วันต่อมา
สาวใช้ที่เข้ามาทำความสะอาดเรือนถึงกับผงะกับภาพที่พบเห็น
ในเรือนเต็มไปด้วยน้ำรักที่ราดรดไปทั่วพื้น และยังมีของที่พังเสียหายแตกเกลือนกระจาย
เจียวหมัวมัวคัดเลือกสาวใช้ที่เกิดในจวนแม่ทัพ และเป็นคนสนิทของนางมาสามคนเพื่อทำความสะอาดและรับใช้ฮูหยินและท่านแม่ทัพโดยไม่ให้สตรีที่ยังไม่ออกเรือนเข้ามาใกล้โดยเด็ดขาด
พวกนางล้วนเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว และสามีของพวกนางก็คือทหารอารักขาที่อยู่ในจวนเช่นกัน เห็นภาพคาตาเช่นนี้แล้วก็พลอยคิดถึงสามีของตนเอง
ใครจะไม่รู้บ้างว่าฮูหยินใหญ่กับท่านแม่ทัพร่วมรักกันดุเดือดเพียงใด เสียงครางของฮูหยินยังดังลั่นเรือน บ่าวไพร่ที่อยู่ไม่ห่างจากเรือนแห่งนี้ล้วนได้ยินกันหมด
เพราะเสียงครางอันแสนเร้าใจของฮูหยินจึงเมื่อคืนนี้ ทำให้สามีของพวกนางไม่อาจทนไหว จับพวกนางขย่มไปคนละหลายน้ำตามท่านแม่ทัพ
ถือได้ว่าพวกนางได้รับเมตตาจากฮูหยินในทางอ้อม ทว่าแม้จะรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เมื่อมาเห็นสภาพของเรือนที่ยับเยิน
ผ้าปูที่นอนที่เปียกชื้นยับยู่ยี่ น้ำรักที่เปียกไปทั่วพื้น และยังมีโต๊ะตัวใหญ่ที่หักพังลงมา ทำให้พวกนางคิดถึงท่าทางที่ท่านแม่ทัพกับฮูหยินร่วมมือกันทำไปอย่างถึงอกถึงใจ
อา อยากให้สามีทำเช่นนี้กับข้า ฮูหยินช่างโชคดียิ่งนัก
สาวใช้ต่างเหม่อลอยคิดไปคนละทาง เจียวหมัวมัวกระแอมเอ่ยว่า
“มัวมองสิ่งใด รีบจัดการทำความสะอาดแล้วนำกระถางกำยานเข้ามาเปลี่ยนใหม่ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อย ระยะนี้ให้นำผ้าขาวเช็ดทำความสะอาดมาไว้ในเรือนให้มากหน่อย”
สาวใช้ล้วนรู้หน้าที่พวกนางรับคำแผ่วเบา ด้วยห้องข้างเป็นเรือนที่ใช้อาบน้ำและฮูหยินกำลังปรนนิบัติท่านแม่ทัพอาบน้ำอยู่ภายใน
“เจ้าค่ะ”
สาวใช้สามคนรีบรับคำ บัดนี้ท่านแม่ทัพและฮูหยินกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องข้างจึงได้เรียกพวกนางเข้ามาทำความสะอาด
เจียวหมัวมัวยังมีสีหน้าราบเรียบ มีรอยยิ้มติดที่มุมปากเล็กน้อย แม้จะเห็นสภาพห้องที่ยับเยินและเต็มไปด้วยกลิ่นกาม
ไม่ว่าจะผ่านมาเนิ่นนานเพียงใด ฮูหยินใหญ่ก็เป็นสตรีเพียงคนเดียวที่กุมหัวใจท่านแม่ทัพเอาไว้ได้
เพียงแต่น่าเสียดายยิ่งที่ฮูหยินของนางไม่อาจมีบุตรได้ จึงจำเป็นต้องหาสตรีที่อยู่ในโอวาทมาเพื่อตั้งครรภ์แทน
หลังจากที่สาวใช้ลงมือทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว โต๊ะตัวใหม่ก็ถูกยกเข้ามาพร้อมกับกำยานหอมกรุ่น
ในเรือนกลับมาเป็นปกติเพิ่มเติมมากขึ้นคือกลิ่นหอมของกำยานดอกไม้ที่ซุนหลีเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาด้วยตัวของนางเอง
กลิ่นนี้เมื่อผสานกับกลิ่นกายหอมกรุ่นของฮูหยินใหญ่และกลิ่นกายของซุนหลีแล้วจะทำให้รู้สึกว่ามีความหอมที่แตกต่าง และแน่นอนว่าย่อมทำให้บุรุษหลงใหล
เจียวหมัวมัวเดินไปที่หน้าประตูห้องข้าง ซึ่งห้องนั้นเป็นห้องอาบน้ำที่เจาะบ่อน้ำขนาดใหญ่ไว้สำหรับฮูหยิน นางได้ยินเสียงครางดังออกมาแผ่วเบา
นางกระแอมแล้วเคาะประตูสามครั้งเป็นรหัสให้ฮูหยินใหญ่ได้ทราบ
เมื่อหลันหยาได้ยินเสียงเคาะประตูนางก็รู้ทันใดว่าคือเจียวหมัวมัว
น้ำเสียงสั่นระริกเพราะกำลังถูกท่านแม่ทัพจับนางแยกขาแล้วแทงแท่งหยกเข้ามาทางประตูหลังแล้วซอยสะโพกระรัว นิ้วของเขาข้างหนึ่งยังเอื้อมมาบี้ติ่งเสียวของนางสนนางแทบจะสำลักความเสียวตาย
“ซี้ด จะ เจียวหมัวมัวพูดเถิด”
“ในเรือนทำความสะอาดเรียบร้อย ฮูหยินใหญ่จะให้ตั้งสำรับอาหารเลยหรือไม่เจ้าคะ อาหารเช้าไม่ได้รับประทาน อาหารเที่ยงก็ใกล้จะเลยเวลาแล้วนะเจ้าคะ”
นางเอี้ยวตัวหันไปมองสามี แต่กลับถูกเขาเชยคางแล้วแลกลิ้นรุกรานอย่างหนัก
นางแลบลิ้นรับดูดปากของเขาอย่าตะกละเช่นกัน ตั้งแต่ตื่นมายามสายเขาก็พานางมาเล่นรักในนี้ได้ราวหนึ่งชั่วยามแล้ว
“อ้า หวาน ซี้ด ประตูหลังของเจ้าตอดข้าแน่นจวนจะเสร็จแล้ว อ้า ข้ากำลังกินเจ้าอยู่ ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่”
นางดันใบหน้าของเขาออก แล้วแหย่นิ้วเข้าไปในปากให้สามีดูดกลืนแทนลิ้นของตนเอง
“แต่ท่านไม่ได้พักผ่อน อาหารยังไม่ได้กินน้ำไม่ได้ดื่ม ข้าเองก็หิวเหลือเกินแล้วนะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นก็ให้ตั้งสำรับเถิด”
เขายอมตามใจภรรยา คิดว่าจะกินนางไปกินข้าวไปไม่ปล่อยร่างงามให้หลุดมือแม้แต่ชั่วลมหายใจ
เขาถอนสะโพกออก ฮูหยินใหญ่คิดว่าสามีคงจะพอเพียงแค่นี้ แต่นางยังเสียวอยู่มาก ที่ไหนได้เขากลับยัดแท่งหยกยาวเข้าไปในรูรักด้านหน้าจนสุดลำ
“อ้า ซี้ด เด้าข้าแรง ๆ เจ้าค่ะ เสียวยิ่ง”
เขาก้มลงมาดูดแผ่นหลังของนาง ควงสะโพกกระเด้งเข้าไปในรูรักระรัว
“ซี้ด แน่นมากคนงามของพี่ เจ้าตอดแท่งหยกเก่งเหลือเกิน ซี้ด”
ตั่บ ตั่บ ตั่บ ตั่บ
“อ้า แรง ๆ เจ้าค่ะ สะใจข้ายิ่ง อา ชอบยิ่งท่านพี่เจ้าข้า ซี้ด ลึกมาก ลึกเหลือเกิน อ้ะ แหกแล้ว รูข้าจะแหกอีกแล้ว”
นานชั่วอึดใจนางจึงตะโกนตอบเจียวหมัวมัว เมื่อสตรีนางนั้นเคาะประตูอีกครั้ง
“อ้า ตั้งสำรับเถิด ซี้ด จากนั้นให้ทุกคนออกไป เรียกซุนหลีมาปรนนิบัติเพียงคนเดียว”
“เจ้าค่ะ”
เจียวหมัวมัวได้ยินเสียงครางชัดเจน แต่นางก็ชินเสียแล้วเพราะทุกครั้งท่านแม่ทัพกลับมาย่อมเป็นเช่นนี้
สตรีสูงวัยให้คนไปตามซุนหลีพร้อมทั้งกำชับให้ซุนหลีใส่ชุดที่ฮูหยินเตรียมเอาไว้ให้ด้วย จากนั้นจึงสั่งให้บ่าวรับใช้ตั้งสำหรับไว้ในเรือน
หลังจากสำรับตั้งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซุนหลีก็เดินมาถึง นางแต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดกระโปรงยาวปักลายเมฆาเหิน ผมถูกถักเป็นเป็นเล็ก ๆ สองข้างที่ด้านหน้าจากนั้นจึงรวบผมส่วนหน้าขึ้นไปพร้อมเปียปล่อยผมด้านหลังให้ยาวสยายระบั้นเอว
ใบหน้าของนางแต่งแต้มแป้งชาดเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากแดงระเรื่อโดยธรรมชาติ
บนศีรษะของนางมีปิ่นปักผมหยกซึ่งนางมักจะใช้อยู่เสมอ เพราะเป็นปิ่นที่ซุนโหวมอบให้
แต่ท่าเดินของนางค่อนข้างประหลาด และนางยังเผลอทำใบหน้าเหยเกอยู่หลายครั้ง
เจียวหมัวมัวย่อมรู้เพราะเหตุใด
“คารวะเจียวหมัวมัวเจ้าค่ะ”
“เจ้ามาแล้วหรือ ต่อไปหน้าที่รับใช้ฮูหยินใหญ่และท่านแม่ทัพมอบให้เจ้าแล้ว”
ซุนหลีรู้สึกประหม่า นางย่อมได้ยินข่าวว่าท่านแม่ทัพกลับมาถึงช่วงกลางดึกของเมื่อคืนด้วยม้าเร็วพร้อมกับองครักษ์ของเขาที่ติดตามเพียงสองนายเท่านั้น
ในขณะที่ขบวนแม่ทัพยังอยู่นอกเมืองและอีกหลายวันกว่าจะเดินทางมาถึง
วันนี้นางจะได้เห็นท่านแม่ทัพตัวเป็น ๆ แล้ว
มือของนางสั่นเล็กน้อย เจียวหมัวมัวย่อมสังเกตเห็น นางจับมือของซุนหลีแล้วบีบเบา ๆ
“เจ้าแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นไม่ต้องกลัวไป มีฮูหยินอยู่ด้วย”
“เจ้าค่ะ”
เจียวหมัวมัวสั่งให้ทุกคนออกไปแล้ว นางจึงเดินไปเคาะประตูห้องน้ำอีกครั้ง
“ซุนหลีมาแล้ว เช่นนั้นบ่าวให้คนออกไปทั้งหมดนะเจ้าคะ”
เจียวหมัวมัวได้ยินเสียงอืมออกมาเบา ๆ น้ำเสียงนั้นไม่ชัดจนนักท่าทางเหมือนว่าฮูหยินใหญ่จะถูกบางสิ่งบางอย่างอุดปากอยู่เป็นแน่
เจียวหมัวมัวล่าถอยออกมา นางสบตาซุนหลีก่อนจะออกจากเรือนแล้วปิดประตู
ห้องรับประทานอาหารแยกถัดออกมาจากห้องนอน หลังจากแม่ทัพใหญ่ทำให้ฮูหยินของตนน้ำแตกออกมาแล้วจึงจับมือกันเคลียคลออ้อยอิ่งออกมารับประทานอาหาร
คนทั้งสองสวมเพียงเสื้อคลุมผืนบาง เส้นผมยังเปียกชื้น ภายในเรือนยังตั้งเตาอุ่นอยู่เรียงรายอากาศภายในจึงอบอุ่นยิ่งนัก
ฮูหยินใหญ่เห็นซุนหลียืนรอปรนนิบัติอยู่แล้ว นางยิ้มแล้วเอ่ยว่า
“ซุนหลี เจ้ามาแล้วหรือ”
ซุนหลียังก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้ใด ใจของนางเต้นระรัวราวกับกลอง ตรงกึ่งกลางร่างกายกำลังเสียดสีกับเม็ดไข่มุกที่ร้อยเรียงอยู่ตรงเป้ากางเกง บัดนี้น้ำหวานของนางจึงฉ่ำเยิ้ม
ในยามที่เดินก็แทบจะทำให้ข้อเข่าพับลงมาด้วยความเสียวจนสุดทน
“ซุนหลีคารวะท่านแม่ทัพ คารวะฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”
ซุนหลีใบหน้าแดงก่ำ นางกัดปากตนเองอยู่หลายครั้ง ฮูหยินหัวเราะในลำคอ
“ไม่ต้องกลัวไป สามีของข้าไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ท่านพี่ดูสิท่านทำซุนหลีน้อยของข้ากลัวแล้ว”
เขายิ้มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เขามองซุนหลีเพียงผ่าน ๆ รู้ว่างดงามไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอีก ยามนี้มีเพียงฮูหยินคนเดียวเท่านั้นที่เขาต้องการ
“ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้คนของฮูหยินหวาดกลัวเสียหน่อย”
ซุนหลีรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขามิใช่น้ำเสียงของคนชรา ยังมีเสียงทุ้มต่ำกังวาลน่าฟังอย่างประหลาด นางอยากมองใบหน้าของท่านแม่ทัพให้ชัดเจนแต่นางไม่กล้าเงยหน้า
หลันหยาเกรงว่าซุนหลีเห็นท่านแม่ทัพแล้วจะหวาดกลัว ด้วยหนวดเคราของเขายังไม่ถูกโกน
ด้วยเมื่อยามที่อาบน้ำเขาเอาแต่จับนางหันหลังแล้วซอยสะโพกเข้าใส่รูรักทั้งสอง ทั้งด้านหน้าและด้านหลังจนรูนางยังเสียวสั่นไม่หาย
ใบหน้าของเขายามนี้จึงดูดุร้ายหน้ากลัวยิ่งนัก แน่นอนว่านั่นเป็นความคิดของผู้อื่น สำหรับนางแล้วสามีที่มีหนวดรุงรังสร้างความเร้าใจให้นางไปทุกพื้นที่ร่างกายที่ใบหน้าของเขาสัมผัส
แต่ถึงเขาจะเร้าใจเพียงใด แต่นางก็คิดถึงซุนหลี นางพยายามขจัดหนวดนี้ไปหลายครั้งแต่เขากลับเอาแต่รังแกนาง จนนางลืมสิ้นทุกอย่างนอกจากเสียงคราง
ฮูหยินใหญ่จึงไม่มีโอกาสที่จะขจัดเส้นขนที่ขึ้นรอบปากของเขาออกไปอย่างที่ใจนางคิด
หลันหยาดึงมือของแม่ทัพให้นั่งลง อาหารบนโต๊ะส่งกลิ่นหอมฟุ้งเห็นแล้วก็บังเกิดความหิว
โจวซีฉือยกร่างบอบบางลอยขึ้นแล้ววางนางไว้บนตักของเขา แล้วซุกใบหน้าลงมากัดติ่งหูจากนั้นจึงดูดที่ลำคอของนาง
หลันหยาขนลุกชัน ถูกลิ้นของเขาไล้เลียก็บังเกิดความเสียวซ่านขึ้นกลางร่างกาย
นางหันไปมองซุนหลีที่ยังเอาแต่ก้มหน้าแล้วเอ่ยเสียงดังจงใจให้ซุนหลีได้ยิน
“ท่านพี่กินดี ๆ ได้หรือไม่เจ้าคะ ท่านจะทำข้าแฉะอีกแล้ว”
“ข้าจะกินเจ้าไปด้วย กินข้าวไปด้วยไม่ได้หรือ”
หลันหยาหัวเราะเล็กน้อย ปล่อยให้เขาล้วงมือเข้าไปกุมเต้าของนางแล้วควักออกมาดูดแรง ๆ
“ซี้ด อ้า ตามใจท่านพี่เจ้าค่ะ”
จากนั้นนางจึงหันมาสนทนากับซุนหลีด้วยน้ำเสียงสั่นเสียว
“ไปนำผ้ามาเช็ดผมให้ท่านแม่ทัพ”
“เจ้าค่ะ”
ซุนหลีได้ยินที่พวกเขาสนทนากันได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นชัดเจน ยังแอบชำเลืองมองท่านแม่ทัพกำลังใช้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดของเขากลืนกินเต้าถันของฮูหยินใหญ่
นางบังเกิดอารมณ์เสียวซ่าน น้ำหวานของนางหลั่งไหลราวเขื่อนแตก ร่างกายผ่าวร้อนแทบระเบิด
นางอยากถูกดูดนมเหมือนฮูหยินใหญ่บ้าง ปากที่เต็มไปด้วยหนวดเคราจะให้ความรู้สึกตื่นเต้นเพียงใดกันนะ
คงเพราะถูกฮูหยินกระตุ้นร่างกายนางอยู่เสมอ อาหารที่ซุนหลีกิน ล้วนแต่เป็นอาหารที่กระตุ้นกำหนัด
สองสามปีที่ผ่านมานางดื่มกินแต่อาหารประเภทนี้บัดนี้จึงเหมือนดินระเบิดที่รอวันถูกจุดจนระเบิดออกมา
นางเดินหนีบขาที่เปียกชื้น เข้าไปยังห้องเก็บอาภรณ์ที่อยู่ด้านข้างห้องอาบน้ำ ครานี้หลันหยาหันมามองสามีนางเห็นเขาจับจ้องซุนหลีไม่วางตา
“งามหรือไม่เจ้าค่ะ”
ท่านแม่ทัพพยักหน้า
“เป็นหญิงงามที่หายากยิ่ง และเหมือนนางกำลังทรมาน เจ้าทำสิ่งใดกับนางหรือ”
“ข้าก็แค่ให้นางเล่นสนุกเล็กน้อย ประเดี๋ยวท่านพี่จะได้เห็น ดูเหมือนท่านก็กระหายในตัวนางเช่นกันนะเจ้าคะ”
โจวซีฉือเชยคางฮูหยินของตนเองขึ้นมา
“ถึงข้าจะรู้สึกว่านางงาม แต่ที่งามกว่าคือฮูหยินของข้า”
“ท่านพี่ปากหวานยิ่งนัก ข้าเห็นว่าท่านยังจ้องนางอย่างตกตะลึง เช่นนี้จะบอกว่าข้างามกว่าได้อย่างไร”
แม่ทัพใหญ่หัวเราะเสียงดัง ใบหน้าอ่อนโยนก้มต่ำลงมาจุมพิตภรรยารักอย่างดูดดื่ม
“มองก็ส่วนมอง แต่เรื่องถูกใจกลับกลายเป็นอีกเรื่อง มีเพียงฮูหยินของข้าที่ข้าถูกใจ”
“ท่านจะบอกข้าว่ายามที่ท่านอยู่ชายแดนมิเคยหลับนอนกับสตรีอื่นหรือเจ้าคะ”
“ก็แค่ระบายกำหนัด แต่แทบจะไม่ได้แตะต้องตัวคนเลย หากฮูหยินหึงหวงข้าจะไม่เข้าใกล้สตรีอื่นอีกต่อไปดีหรือไม่”
ฮูหยินใหญ่ถอนหายใจยาว
“จะหึงหวงได้อย่างไรเจ้าคะ สตรีที่ฝ่าบาทพระราชทานข้าล้วนเต็มใจที่จะให้ท่านรับมา ตัวข้าไม่อาจมีบุตรสืบสกุลให้ท่านได้ อย่างไรก็ต้องอาศัยสตรีอื่น เพราะเรื่องนี้ทำให้ข้ารู้สึกผิดต่อท่านนัก”
“ข้ามีแค่เจ้าก็พอ ไม่สนใจเรื่องอื่นทั้งนั้น”
“ท่านพี่ แต่ข้าละอายใจ สกุลโจวของท่านจะมาจบสิ้นเพราะข้ามิได้”
“เป็นฮูหยินของข้า ไม่อนุญาตให้เจ้าละอายใจสิ่งใด”
“ท่านพี่จะเอ่ยเช่นนี้ไม่ได้ บุตรสืบสกุลสำคัญยิ่งท่านกำลังทำให้ข้าได้รับคำตำหนิจากฝ่าบาทนะเจ้าคะ อย่างไรท่านก็เป็นพระญาติ”
“เรื่องของข้ามิได้เกี่ยวข้องกับฝ่าบาท สกุลของข้าไม่จำเป็นให้ฝ่าบาทต้องมากังวล”
“ท่านพี่!”
จู่ ๆ หลันหยาก็รู้สึกขัดใจ ทุกครั้งที่เขากลับมามักได้รับพระราชทานหญิงงามเข้าจวนแต่ท่านแม่ทัพกลับนอนกับนางเพียงคนเดียว
สตรีอื่นไม่แตะต้อง ไม่ยุ่งเกี่ยว เขาดีจนนางรู้สึกผิดขึ้นทุกวัน
“ท่านพี่หากข้าเตรียมสตรีไว้ให้ท่านแล้วเล่า”
เขาลูบศีรษะของนางแผ่วเบา
“เป็นนางผู้นั้นหรือ ทั้งรูปร่างหน้าตาเป็นในแบบสตรีที่ข้าชอบ ทว่าข้าต้องการเพียงแต่เจ้าเท่านั้น อย่าลำบากเพราะเรื่องนี้อีกเลย”
เพราะหลันหยารู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้นางจึงได้เตรียมความพร้อมของซุนหลีเอาไว้แล้ว
อย่างไรนางก็ยังอยากเห็นสามีของตนเองทำให้ซุนหลีร้องคราง และที่สำคัญกว่านั้นนางอยากเห็นซุนหลีคลอดบุตรที่มีหน้าตาเหมือนกันกับท่านแม่ทัพออกมา
“นางก็คือเชลยที่ท่านส่งเข้าจวนมาหลายปีก่อน บุตรสาวของแม่ทัพแคว้นเจ้านามว่าซุนหลี”
“ที่แท้นางก็เติบโตขึ้นเพียงนี้ ทั้งยังเป็นสตรีที่งดงามเพียงนี้”
“เพราะท่านพี่กำชับข้ามามิใช่หรือว่าให้อบรมสั่งสอนนางให้ดี ข้าก็ได้ทำตามแล้ว หากท่านไม่สนใจนางไยจึงสั่งมาเช่นนั้นเล่า”
โจวซีฉือเอ่ยว่า
“ถึงจะเป็นเชลยแต่บัดนี้สองแคว้นรวมเป็นหนึ่ง บิดาของนางก็ยังเป็นนักรบที่กล้าหาญ โดยส่วนตัวแล้วข้านับถือเขายิ่ง มีคราหนึ่งในตอนที่ข้าออกลาดตระเวน บังเกิดพายุฝุ่นคละคลุ้งทำให้ม้าของข้าเตลิดเข้าไปในดินแดนแคว้นเจ้า ข้าได้พบกับพี่ชายของนางและบิดาของนางโดยบังเอิญ เพราะพายุโหมกระหน่ำสองแคว้นพักรบกันในช่วงเวลานั้น พวกเขายึดถือสัจจะยิ่ง นอกจากจะไม่สังหารข้าแล้ว บิดาของนางยังเลี้ยงดูสุราอาหาร ข้าและพี่ชายของนางยังได้ร่ำสุราด้วยกันจนถึงเช้า นับเป็นมิตรภาพที่ไม่มีวันลืม นี่จึงเป็นสาเหตุที่ข้านำนางคนของสกุลซุนมาที่นี่ เพื่อตอบแทนบุญคุณในครานั้น หากไม่ได้พบคนที่ยึดถือสัจจะข้าคงไม่ได้มีโอกาสกลับมาหาเจ้าแล้ว”
เขาไม่ได้เล่าให้ฮูหยินของตนเองฟังว่า วันนั้นนอกจากจะร่ำสุรากันในฐานะสหายแล้ว ซุนโหวยังส่งมอบหญิงงามให้เขาและพวกเขายังได้ร่วมเสพสุขกับสตรีนางเดียวกันอย่างถึงอกถึงใจเพราะความเมาเป็นเหตุ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
“ใช่ ข้ามิได้คิดอื่นใดนอกจากตอบแทนบุญคุณ ข้ายังอยากพบกับซุนโหวอีกครั้ง เขานับเป็นสหายน้อยผู้รู้ใจของข้า เขาคงสบายดีใช่หรือไม่”
เมื่อได้ยินคำว่า ซุนโหว หัวใจของฮูหยินใหญ่พลันสั่นระรัว นางรู้สึกร้อนวาบที่หลังคอ รู้สึกเหมือนกำลังถูกจับจ้องเรื่องที่นางคบชู้และทำผิดต่อสามี
“ข้าย่อมต้องดูแลเขาอย่างดีตามคำสั่งของท่าน”
“ไม่ผิดหวังเลยที่เจ้าเป็นฮูหยินที่ข้าไว้ใจที่สุด”
ซุนหลีไม่ได้ยินที่พวกเขาสนทนากัน เมื่อนางออกมาท่านแม่ทัพก็ไม่เอ่ยคำใด
นางเห็นเพียงด้านหลังของท่านแม่ทัพผมของเขายังดำขลับยาวสลวยไม่มีเส้นผมหงอกปะปนมาให้ระคายแม้แต่เส้นเดียว
รูปร่างของเขาภายใต้เสื้อผ้าไหมคลุมร่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ไหล่กว้างผึ่งผาย ประกายความสูงส่งถูกขับออกจากร่าง
นางเห็นใบหน้าของเขาที่ยังมีหนวดเคราเฟิ้ม จึงไม่รู้ว่าภายใต้หนวดนั้นเขาจะหล่อเหลาหรือดูไม่ได้กันแน่
“ฮูหยินใหญ่ ซุนหลีนนำผ้ามาแล้วเจ้าค่ะ”
“ดี เช่นนั้นเจ้าเช็ดผมให้ท่านแม่ทัพ ส่วนท่านพี่เช็ดผมให้ข้า ระหว่างนี้ข้าจะป้อนอาหารให้ท่านเอง”
ท่านแม่ทัพมิได้สนใจซุนหลี เขามองใบหน้างามของภรรยาแล้วดึงเสื้อคลุมของนางให้แยกออก
“อยากให้นางทำสิ่งใดพี่ล้วนไม่ขัด เพียงแต่ว่า...”
เขาทอดสายตาหวานเชื่อมมองฮูหยินของตน นางยิ้มแล้วเอ่ยถาม
“เพียงแต่อะไรหรือเจ้าคะ”
“ ในระหว่างที่นี้จะให้ฮูหยินขย่มเอ็นของข้าไปด้วยระหว่างกินอาหาร”
ซุนหลีตกใจไม่น้อยคิดไม่ถึงว่าเขาจะเล่นบทรักอันร้อนแรงกับฮูหยินใหญ่ต่อหน้านาง
ในยามนั้นนางได้เห็นแท่งหยกของเขาเต็มสองตา ช่างใหญ่โตมโหฬารจนนางต้องตกตะลึง
[1] ยามอู่เวลาประมาณเที่ยงวัน