สวัสดีค่ะ แนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยแล้วกันนะคะ ฉันชื่อเวทมนตร์ เรียกมนตร์เฉย ๆ ก็ได้
ปัจจุบันฉันอายุยี่สิบห้าปีแล้วล่ะ แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ‘พี่ติน’ ผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน เราคบหาดูใจกันมานานตั้งแต่ฉันยังเรียนอยู่มัธยมโน่นแหละ เขาเป็นนักธุรกิจค่ะ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ส่วนฉันน่ะเหรอก็แค่เจ้าของร้านเบเกอร์รี่ทั่วไปเท่านั้นเอง ธุรกิจของครอบครัวก็มีนะคะ แต่ว่าฉันยกให้คาถาน้องชายฝาแฝดของฉันดูแลไปแทนมีบ้างที่มันไม่ไหวฉันถึงจะเข้าไปช่วย
“วันนี้มีประชุมด่วน พี่คงกลับดึกหน่อยนะ”
“ค่ะ เดี๋ยวมนตร์ทำอาหารรอแล้วกันนะคะ”
“น่ารักที่สุด” พี่ตินเอ่ยพลางหอมแก้มฉันแรง ๆ ทั้งสองข้างก่อนจะออกจากบ้านไป
ฉันจับสังเกตได้ว่าเขากลับบ้านดึกแบบนี้มาเกือบสองอาทิตย์แล้วล่ะ เซ้นส์ผู้หญิงมันแรงส์นะ ถึงแม้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาจะไม่เคยนอกลู่นอกทางก็ตาม แต่ใครจะไปรู้ยังไม่เคยก็อาจจะเคยแล้วก็ได้...
นั่งมองนาฬิกาอย่างใจจดใจจ่อ หนึ่งชั่วโมงหลังจากพี่ตินออกจากบ้านไปฉันจึงขับรถไปหาเขาที่บริษัทไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่คิดถึงสามีเฉย ๆ
...: สวัสดีค่ะคุณเวทมนตร์
“ค่ะ”
มาถึงบริษัทพนักงานมากหน้าหลายตาต่างพากันทักทายฉันเฉกเช่นทุกครั้ง ทุกคนที่นี่ต่างรู้ดีว่าฉันเป็นใคร ปลายนิ้วกดไปที่ลิฟต์ชั้นสูงสุดก่อนจะตรงไปยังประตูห้องที่คุ้นเคย
“คะ คุณมนตร์”
“ค่ะ มนตร์เอง” เลขาคนสนิทดูมีพิรุธนะคะ เจอเมียท่านประธานอย่างกับเจอผีงั้นแหละ
ผลัก!
ฉันเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะ จากที่ตั้งใจว่าจะมาเซอร์ไพรส์สามีสักหน่อยแต่เหมือนจะโดนเซอร์ไพรส์เองเลยค่ะ
“มะ มนตร์!”
“เก้าอี้ไม่ว่างสินะถึงได้นั่งตักกันอยู่แบบนั้น” เอ่ยถามอย่างใจเย็นพร้อมกับจ้องมองคนทั้งคู่ไปด้วย เห็นคาตาแบบนี้ต่อให้บอกว่าไม่มีอะไรฉันก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอน
“เอ่อ มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” เขารีบผลักยัยนั่นออกจากตัวก่อนที่เธอจะรีบเดินออกจากห้องนี้ไปเช่นกัน
“เหรอคะ งั้นสงสัยมนตร์คงตาฝาดไปแน่ ๆ เลย”
“...” พี่ตินหน้าเจื่อนไปเลยค่ะ เขาคงไม่คิดว่าฉันจะมาสินะ
“คืนนี้ไม่กลับนะคะ มนตร์จะไปนอนบ้านคุณพ่อ”
“อย่างอนสิ พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” เขาว่าพลางดึงฉันไปกอดจนแน่น แต่เขาจะรู้บ้างไหมว่ากลิ่นน้ำหอมที่มันกำลังติดตัวเขาอยู่ตอนนี้มันชวนอ้วกมากแค่ไหน
ฉันบอกจะค้างบ้านพ่อมันเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละค่ะ
...: นี่ครับ หลักฐานทั้งหมดอยู่ในซองนี้แล้ว คุณเวทมนตร์จะดำเนินคดีตามกฏหมายเลยไหมครับ
“ขอดูพฤติกรรมเขาก่อนแล้วกันนะคะ ส่วนนี่ค่าตอบแทนสำหรับงานนี้ค่ะ” ยื่นเงินปึกหนาจำนวนหนึ่งให้คนตรงหน้า
...: ขอบคุณครับ มีอะไรเรียกใช้ผมได้อีกนะครับ
“ค่ะ” ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าตัวเองจะต้องมาจ้างนักสืบติดตามผัวเหมือนในละครน้ำเน่า!
ฉันเปิดดูรูปภาพในซองสีน้ำตาลด้วยมือที่สั่นเทา ต้องรักมากขนาดไหนถึงซื้อบ้านกับรถให้กัน นี่ฉันกลายเป็นอีโง่ในตำแหน่งเมียหลวงมานานเท่าไหร่แล้ว
ติ๊ง!
[วันนี้กลับดึกนะ ติดประชุมสำคัญ]
[อย่าเพิ่งโกรธนะครับ พี่จะรีบกลับไปง้อ]
[รักหนูนะ]
อ่านแล้วก็ได้แต่ข่มความรู้สึกตัวเองไว้ รักอย่างนั้นเหรอ เหอะ!
ทิ้งตัวลงเหมือนคนหมดแรง คำว่ารักของเขาในตอนนี้มันคงเปรียบเสมือนยาที่คอยสมานบาดแผลในใจของฉันล่ะมั้ง
หันมองภาพแต่งงานของเราสองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกมากมาย หวนให้นึกถึงคำสัญญามากมายที่เขาให้ไว้กับฉัน
“ผมสัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์กับคุณตลอดไป”
ผู้ชายคนนั้นมันหายไปไหนซะแล้ว ร้องไห้จนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีก็เช้าวันใหม่แล้วค่ะ พลางมองที่นอนข้าง ๆ แต่กลับว่างเปล่า สงสัยพี่ตินคงออกไปทำงานแล้วหรือไม่ก็คงยังไม่กลับบ้านสินะ
จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยลงมาด้านล่าง แต่ทว่ากลับเจอพี่ตินอยู่ในครัวค่ะ เขากำลังทำมื้อเช้าอยู่
“คิดว่าพี่ออกไปทำงานแล้วซะอีก”
“เมียไม่สบายทั้งทีก็ต้องอยู่ดูแลสิครับ” พลางยื่นมือมาแตะสัมผัสบริเวณหน้าผากฉันเพื่อวัดอุณภูมิร่างกาย
“แค่ปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“ไปหาหมอกันนะ”
“กินยาสักพักก็คงดีขึ้นเองแหละค่ะ”
“ดื้ออีกแล้วไง เป็นอะไรไปแล้วพี่จะอยู่ยังไงล่ะครับ” พลางสวมกอดฉันไว้อย่างเคย “รักหนูนะ”
“รักพี่เหมือนกันนะคะ”
น้ำตาตกในมันเป็นแบบนี้นี่เอง ในเมื่อมีโอกาสให้รัก ฉันก็จะรักเขาให้มากที่สุด ทนให้มากที่สุด ให้มันคุ้มกับเวลาเจ็ดแปดปีที่ผ่านมา ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ค่อยเจ็บให้มันสุดไปเลยแล้วกัน ฉันไม่ได้โง่นะคะ แค่ใจมันยังรักก็เท่านั้นเอง แล้วก็หวังว่าเขาจะคิดได้และหยุดทำร้านสักที