ตอนเช้า
ผมยืนสูบบุหรี่ตรงระเบียงห้องขณะสองตามองผ่านกระจกใสเข้าไปด้านใน
ยัยเด็กน้อยนั่นยังหลับอยู่ แต่หลายต่อหลายครั้งผมเห็นยัยนั่นดิ้นไปดิ้นมา แถมยังเตะผ้าห่มออกอย่างแรง สงสัยจะฝันร้าย
“เอาเข้าไป” ผมพ่นควันบุหรี่ออกมาอีกครั้งทั้งๆ ที่สายตายังคงโฟกัสยัยตัวเล็กซึ่งกลับมาตัวสั่นดิ๊กๆ เหมือนลูกหมาตกน้ำ ผมปรับแอร์ให้เป็นอุณหภูมิปกติแล้วนะ สงสัยยัยนั่นจะเป็นคนขี้หนาว ผิดจากผมเลย
ยืนดูอยู่สักพักก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย อดไม่ได้ที่จะกลับเข้าไปข้างในแล้วห่มผ้าให้ยัยเด็กขี้เซาที่นอนเหมือนตายมาแล้วสิบวัน
พึ่บ
ทว่าในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ตัวเล็กดันขยับตัวและส่งเสียงครางเล็กๆ อย่างขี้เกียจ ตอนแรกผมคิดว่ายัยนั่นอาจจะแค่ดิ้นตามประสา แต่เปล่า เพราะต่อจากนั้นไม่นานสองตาที่เดิมปิดสนิทก็ค่อยๆ เปิดขึ้น... กระทั่งเราสองคนสบตากันในที่สุด
ผมชะงักอยู่ในท่วงท่าเดิม เหมือนมีอะไรมายึดให้ร่างกายแข็งทื่อเป็นปูนปั้น
นัยน์ตาสีดำสนิทกลมโตราวกับตุ๊กตาค่อยๆ เบิกกว้างในขณะที่ความคิดหนึ่งแทรกเข้ามาในหัว
ตาแป๋วๆ ของตัวเล็กมีพลังการทำลายล้างสูงมาก!
พ่ายแพ้จนอยากจะยกธงขาว... แต่หน้าต้องนิ่งเข้าไว้ ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่คิดอะไรจริงๆ!
“ลุงเป็นใครคะ!!” เสียงเล็กหวีดถามอย่างตื่นตระหนก มือเล็กทั้งสองข้างผลักผมออกเป็นการสำทับจนถลาออกอย่างห้ามไม่ได้
ผมหน้าตึง ทว่ายังมองตามคนตัวเล็กที่วิ่งจู๊ดไปยังมุมห้องและคว้าโคมไฟชี้หน้าผม ท่าทางดูหวาดกลัวผมเอามากๆ เพราะต่อให้ทำท่าเตรียมรบ แต่เนื้อตัวกลับสั่นระริก แบบนั้นหรือเปล่าที่เรียกว่าสั่นสู้
แต่ยังไงก็เหอะ เมื่อกี้เด็กนั่นเรียกผมว่าไงนะ ลุง?
ผมดูแก่ชราขนาดนี้เลยเหรอ... หรือทำงานดึกจนริ้วรอยถามหากันแน่
“เอาโคมไฟไปเก็บดีๆ” ผมใช้เสียงราบเรียบบอกตัวเล็ก รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่ยัยนั่นทำเหมือนจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่เมื่อคืนยั่วได้ยั่วเอา
ดีแค่ไหนแล้วที่ผมยับยั้งตัวเองได้ทัน ไม่งั้นคงโดนกินจนไม่เหลือซากแล้ว จนถึงตอนนั้นตัวเล็กคงไม่มีแรงมาตะโกนคำว่าลุงใส่หน้าผมแบบนี้หรอก
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ ผมก็ทำรอยไว้หลายจุดเหมือนกัน แต่สงสัยคงรุนแรงไปหน่อยมั้ง ตัวน้องเขาถึงช้ำเอาเรื่องอยู่
“ตัวเล็กถามว่าลุงเป็นใคร! ละ แล้วทำไมตัวเล็กมีแต่รอยแดง!” ยัยนั่นสำรวจตัวเองแล้วเบ้ปากจะร้องไห้ทั้งๆ ที่ยังส่งเสียงเกรี้ยว
น่ากลัวมาก น่ากลัวจนอยากกัดให้จมเขี้ยวซะตอนนี้...
“แล้วเราล่ะเป็นใคร” ผมเป็นฝ่ายถามกลับโดยไม่ตอบคำถามยัยนั่น ระหว่างนั้นก็ก้าวเท้าเข้าไปใกล้จนตัวเล็กต้องแนบแผ่นหลังกับผนังอย่างหวาดกลัว เสียงสะอื้นและดวงตาแดงก่ำทำให้ผมรู้สึกละลายไปหมดทั้งหัวใจ แต่ว่านะ... ต้องนิ่งๆ เข้าไว้
จะหวั่นไหวกับคนแปลกหน้าได้ยังไง บ้าแล้ว โคตรบ้าเลย
“ยะ อย่าเข้ามาใกล้ตัวเล็กนะ! ไม่งั้นจะตีจริงๆ ด้วย!” ตัวเล็กแบ่งรับแบ่งสู้อย่างกล้าๆ กลัวๆ โคมไฟในมือบางยังคงชี้หน้าผมอย่างหมายมาดเช่นกัน “ฮือ บอกอย่าเข้ามาใกล้ไง...”
ผมหยุดเท้าลงในครั้งที่ระยะห่างระหว่างเราเหลือเพียงคืบสั้นๆ
ลมหายใจอ่อนละมุนของตัวเล็กเป่ารดหน้าอก และเงาสูงใหญ่ของผมกำลังบดบังแสงอาทิตย์ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง ซึ่งความต่างของส่วนสูงทำให้ยัยเด็กน้อยต้องแหงนหน้าขึ้นมอง ในขณะที่ริมฝีปากเบ้เป็นจานคว่ำเหมือนถูกหักค่าขนม
“ไหนว่าจะตีไง” ผมก้มหน้ามองเด็กน้อยที่น้ำตาคลอเบ้า เห็นแล้วมันเขี้ยวจนอยากงับแรงๆ สักที
“จะตี ฮึก” ยัยนั่นสะอึกสะอื้นพูดจาไม่รู้เรื่อง แถมยังใช้มืออีกข้างยกขยี้ตาตัวเองๆ เพื่อขับไล่หยดน้ำที่กำลังจะไหลออกมา “ตัวเล็กจะตีให้ตายเลย”
ขู่อยู่นั่น แต่ไม่เห็นทำอย่างที่ปากว่าเลย
“เราไม่กล้าหรอก” ผมใช้แรงเพียงน้อยนิดการกระชากโคมไฟกลับมา ตัวเล็กสะดุ้งเฮือกราวกับกลัวว่าผมจะตีให้ตายคามือยังไงยังงั้น
“อย่าทำอะไรตัวเล็กนะ ตะ ตัวเล็กกลัวแล้วค่ะ...” เมื่อครู่นี้ยังขู่ฟ่อเป็นแมวซ่าอยู่เลย แต่เมื่อเห็นว่าผมเหนือกว่า เจ้าตัวจึงทำตาวาวระริกและใช้น้ำเสียงแผ่วเบาอ้อนวอนผม แน่นอนว่านั่นทำให้ลมหายใจของผมทำงานผิดพลาดไปชั่วขณะหนึ่ง
มีใครเคยบอกยัยนี่ไหมว่าตอนทำเสียงแบบนี้... มันยิ่งกว่าล่อเสือเข้าถ้ำซะอีก
ผมแพ้เด็ก แพ้คนขี้อ้อน และยัยนี่มีหมดทุกอย่าง
ภาวนาให้เราเจอกันครั้งนี้ครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายเหอะ ไม่งั้นผมคงไม่กล้ารับประกันเรื่องความปลอดภัย
ทำไมต้องแก้มแดงด้วย ทำไมต้องทำตาแป๋วๆ ใสๆ แบบนั้นด้วยวะ
“พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก แต่บอกมาก่อนว่าเราเป็นใคร ทำไมถึงอยู่ในกล่องนั่นได้” ผมชำเลืองตาไปฝั่งขวามือซึ่งกล่องของขวัญขนาดใหญ่ยังไม่ถูกเคลื่อนย้าย ตัวเล็กเองก็มองตามอย่างว่าง่ายเช่นกัน
“ตัวเล็กไม่รู้ อ๊ะ!” ตอนแรกยัยนั่นส่ายหน้าพรืด แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาก็เบิกตาโพลงเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก “เมื่อวานตัวเล็กโดนลักพาตัว!” ก็คงจะใช่
ดูท่าแล้วยัยเด็กตัวน้อยตรงหน้าคงไม่เสนอตัวเองเพื่อนุ่งน้อยห่มน้อยแบบนั้นแน่ แถมยังถูกยัดกล่องมาราวกับเป็นสิ่งของอีก
“โอเค งั้นบ้านอยู่ไหน เดี๋ยวพี่พาไปส่ง” ผมไม่ซักไซ้หรือถามต่อเพราะแค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว
ผมมีลูกน้องอยู่เยอะพอสมควร ตามหาไอ้ตัวการไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
ถึงเวลานั้น ผมอาจจะเลาะฟันมันสักสามซี่แล้วโยนเข้าตารางซะ
“ดะ เดี๋ยวตัวเล็กจะกลับเอง! ไม่อยากลำบากลุงค่ะ” ตัวเล็กพยายามแทรกตัวออกไป ไม่รู้ว่าผมกำลังทำสีหน้าแบบไหนเพราะดูเหมือนว่ายัยนั่นจะกลัวเอามากๆ
แล้วก็ยังไม่เลิกเรียกผมว่าลุงสักทีด้วย สะเทือนใจโคตร
“ถ้าไม่เลิกเรียกว่าลุง พี่ไม่ปล่อยนะ” ผมโยนโคมไฟลงบนเตียง ก่อนใช้ฝ่ามือทั้งสองยันฝาผนังเอาไว้เพื่อปิดกั้นเส้นทางหลบหนี แถมยังขยับใบหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเราเฉียดกันอีกต่างหาก
ตัวเล็กสะดุ้งจนตัวโยนราวกับกำลังเผชิญหน้ากับภูตผีปีศาจ
แล้วก็นะ ปีศาจบางชนิดมันกินคนเป็นอาหารด้วยนะเผื่อยังไม่รู้
“ฮือ ปล่อยตัวเล็กนะคะพี่ชายยยย เค้ากลัวแล้ว”
[จบบทบรรยาย: จุน]