“รดาทราบดีค่ะ...”
“รู้ก็ดีแล้วล่ะ ตัดใจซะ แล้วชีวิตของเธอจะมีความสุขมากกว่านี้”
ลิโอเนลยิ้มบางๆ พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รดารักษ์เป็นสาวใช้วัยรุ่นเพียงคนเดียวในการ์รัสโซ่ พาราไดส์ ปกติที่นี่จะไม่รับคนใช้ที่เป็นผู้หญิงมากนักเพราะพวกหล่อนๆ มัวแต่จะมาจ้องมองพวกเขาจนน่ารำคาญ ดังนั้นในการ์รัสโซ่ พาราไดส์ คนใช้แปดสิบเปอร์เซ็นต์จึงเป็นผู้ชาย ส่วนอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือผู้หญิงวัยเลยสี่สิบปีไปแล้วทั้งนั้น ยกเว้นรดารักษ์เพียงคนเดียว และที่แม่สาวน้อยคนงามได้รับสิทธิ์นี้ก็เพราะว่าหล่อนคือหลานสาวของป้ามูนาแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่นั่นเอง
“รดาจะพยายามค่ะ...” ตอบออกไปเสียงเศร้านัก จนคนฟังอดเวทนาไม่ได้
“แค่พยายามไม่พอหรอกรดา เธอต้องทำให้ได้ ไม่อย่างนั้นเจ็บจนตายนั่นแหละ” แม้จะรู้ว่าผู้ชายที่หล่อระเบิดไม่แพ้ราฟาลตรงหน้านั้นพูดด้วยความหวังดี แต่หัวใจไม่รักดีของหล่อนมันกลับไม่ยอมเชื่อฟัง เพราะจังหวะการเต้นของมันยังคงเป็นชื่อของราฟาลไม่เปลี่ยนแปลง
“พี่ราฟไม่มีทางรักเธอ... พอๆ กับที่เขาไม่มีทางรักผู้หญิงคนไหนในโลกนี้นั่นแหละ”
ลิโอเนลถอนใจออกมาหนักหน่วง ก่อนจะยกมือขึ้นกุมหัวไหล่บอบบางของหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้อย่างให้กำลังใจ ขณะที่รดารักษ์กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“หากอยู่ที่นี่รดาคง... ตัดใจไม่ได้”
“อย่าบอกนะว่าเธอจะลาออก...”
หญิงสาวพยักดวงหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาช้าๆ “ค่ะ หากจะให้รดาทำตามคำแนะนำของคุณลีโอ รดาก็คงต้องไป ต้องไปจากที่นี่...”
“ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ... จำเอาไว้นะฉันหวังดีกับเธอ...”
ชายหนุ่มลูบศีรษะทุยสวยของหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู ก่อนจะยัดเหยียดผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้กับเจ้าหล่อน
“รดารับไม่ได้หรอกค่ะ...”
“เอาไปใช้เถอะน่า จะใช้สั่งขี้มูกฉันก็ไม่ว่าหรอก เพราะไม่ต้องเอามาคืน...”
ความใจดีของลิโอเนลยิ่งทำให้รดารักษ์สะอื้นไห้หนักมากขึ้นไปอีก หากราฟาลใจดีกับหล่อนได้สักครึ่งหนึ่งของลิโอเนลหล่อนก็คงจะไม่รู้สึกย่ำแย่แบบนี้
“ขอบคุณมากค่ะ... ขอบคุณจริงๆ” หญิงสาวยกผ้าเช็ดหน้าสีเข้มในมือนั้นขึ้นซับน้ำตาตัวเอง แต่กระนั้นก็ยังร้องไห้ไม่หยุด
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกน่า ฉันอยากมีน้องสาวหน้าตาน่ารักแบบเธอ... เอาล่ะเลิกร้องได้แล้ว...”
ในที่สุดลิโอเนลก็ดึงร่างอรชรที่สะอื้นไห้จนตัวโยนเข้ามาสวมกอดเอาไว้ ลูบหัวลูบไหล่ปลอบประโลมด้วยความเวทนาสงสาร แต่คนที่พึ่งก้าวออกมาจากห้องรับแขกกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกันแม้แต่นิดเดียว ดวงตาสีเดือนดับมืดดำล้ำลึกจนน่ากลัว
“หากจะพลอดรักกัน... ก็ควรให้ลับตาเสียหน่อย” เสียงกระด้างของราฟาลทำให้สองร่างแยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว ลิโอเนลหมุนตัวหันกลับไปยักไหล่กว้างของตัวเองให้กับพี่ชายที่ยืนหน้าไร้ความรู้สึกอยู่เบื้องหลัง ก่อนจะปล่อยคำพูดติดตลกออกมา
“หึงหรือครับ...”
“นายก็รู้ดีว่าพี่ไม่มีทางรู้สึกแบบนั้น...”
น้ำเสียงของเขาว่าเย็นชาแล้ว แต่สายตาที่เขามองจ้องมาที่หล่อนนั้นช่างเย็นชามากกว่าอีก รดารักษ์หน้าร้อนผ่าวกับคำกล่าวหาที่ราฟาลซัดเข้าใส่ทางสายตา หล่อนกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ก่อนจะรีบเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ลิโอเนลกำลังจะร้องเรียก แต่ก็ถูกราฟาลหยุดเอาไว้ซะก่อน
“พี่รู้ว่านายอยากจะคุย... หรือบางทีอาจจะอยากทำอะไรต่อ แต่พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับนาย...”
ผู้เป็นน้องชายระบายยิ้มบางๆ หรี่ตามองพี่ชายอย่างจับพิรุธ “พี่ราฟแน่ใจนะว่าไม่ได้รู้สึกอะไรที่เห็นผมกอดกับรดา...”
ผู้เป็นพี่ชายไหวไหล่กว้างอย่างไม่แยแส “พี่ยินดีด้วย หากนายจะได้นางบำเรอเพิ่มอีกคน...” พูดจบราฟาลก็ก้าวยาวๆ กลับเข้าไปในห้องรับแขก ลิโอเนลรีบเดินตามเข้าไป
“ถ้ารดายอมก็ดีสิครับ”
“แล้วทำไมหล่อนจะต้องขัดขืนด้วยล่ะ ในเมื่อนายทั้งหล่อทั้งรวย...” ราฟาลแสดงท่าทางทางไม่แยแสแม้แต่นิดเดียวเมื่อพูดถึงรดารักษ์
‘แต่ผมไม่ใช่พี่...’ ลิโอเนลอยากจะเถียงออกไปแบบนี้นัก แต่ก็ยั้งปากเอาไว้ได้ทัน
“เอาล่ะครับพี่ราฟ...”
หนุ่มผู้น้องกระแทกกายใหญ่โตลงบนโซฟานุ่ม เงยหน้าขึ้นมองพี่ชายสุดหล่อที่ยืนอยู่กลางห้อง ก่อนจะถามออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ
“แล้วที่พี่ราฟบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับผมน่ะ เรื่องอะไรหรือครับ”
“พี่จะไม่อยู่อิสตันบลูสองอาทิตย์...”
คิ้วเข้มที่ยาวขนานกับดวงตาคมกริบแต่หวานฉ่ำประดุจอิสสตรีของลิโอเนลเลิกขึ้นสูง ความกังขาอัดแน่นอยู่เต็มกระแสเสียง
“ทำไมไปนานจังล่ะครับ...”
“พี่มีนัดคุยกับซับพลายเออร์ที่ผลิตชิ้นส่วนเรือยอร์ช...”
จริงสินะ ตอนนี้การ์รัสโซ่ได้ขยายสาขาบริษัทผลิตเรือยอร์ชเพิ่มขึ้นอีกห้าแห่งแล้วนี่ ดังนั้นการติดต่อหาซับพลายเออร์ที่ผลิตชิ้นส่วนเรือยอร์ชที่มีคุณภาพจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่สุด และแน่นอนว่าสำหรับราฟาลแล้วทุกอย่างจะต้องมีแต่คำว่ายอดเยี่ยมเท่านั้น
“อ๋อ แล้วนี่พี่ราฟจะไปที่ไหนบนโลกนี้ล่ะครับ”
“พี่จะไปกับ Arcadia of the Seas”
ราฟาลเอ่ยถึงชื่อเรือสำราญลำใหญ่ที่สุดของตระกูลการ์รัสโซ่ เรือสำราญที่ถูกขนาดนามว่าคือพระราชาแห่งมหาสมุทร เนื่องจากมันทั้งอลังการ หรูหราและทันสมัยมากที่สุดในบรรดาเรือสำราญจำนวนครึ่งร้อยของตระกูลการ์รัสโซ่ ในปีหนึ่งๆ เจ้าธุรกิจเดินเรือสำราญนี้มันช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเงินในธนาคารให้กับพวกหนุ่มๆ การ์รัสโซ่ทั้งหลายมหาศาลเลยทีเดียว
“งั้นก็รอบโลกเลยสิครับ”
“ไม่... ครั้งนี้แค่ไม่นานหรอกแค่อาทิตย์เดียว งานทางนี้คงต้องฝากพวกนายดูแล”
ลิโอเนลระบายยิ้มกว้าง “พี่ราฟไม่ต้องห่วงหรอกครับ พวกผมไม่มีทางปล่อยให้ธุรกิจแสนล้านของครอบครัวล่มจมลงไปต่อหน้าได้หรอกน่า ถึงแม้พวกผมจะยังไม่เก่งเท่ากับพี่ราฟก็ตาม...”
“ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเก่งหรือไม่เก่ง แต่มันขึ้นอยู่กับว่านายจะเข้าประชุมแทนพี่ได้ไหมต่างหาก เพราะหากนายโดดประชุมไปเที่ยวล่ะก็ พี่จะชัดนายให้เละเลยคอยดูสิ...”
ราฟาลเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันความคิดของน้องชาย ลีโอเนลมีธุรกิจเป็นของตัวเองนั่นก็คือการบริหารโรงแรมหรูระดับเจ็ดดาวที่ริมชายหาดทะเลมาร์มารา ซึ่งแค่นั้นก็ยุ่งจนหัวบานแล้ว แต่พ่อน้องชายตัวแสบยังชอบปลีกวิเวกไปนอนอาบแดดตามลำพังบนเกาะส่วนตัวทางตอนใต้อีก
ลิโอเนลหัวเราะร่วน “บางครั้งผมก็ชอบความเป็นส่วนตัวนี่ครับ แต่พี่ราฟไม่ต้องเป็นห่วงยังมีเจ้าคาล เจ้าแดน และเจ้าเอดี้อีกตั้งสามคนที่จะช่วยเข้าประชุมแทนพี่...”
“แต่พี่ว่าต้องเป็นนายลีโอ... เพราะนายเข้าใจธุรกิจเรือสำราญไม่น้อยไปกว่าพี่...”
เมื่อเห็นพี่ชายยืนกรานเสียงหนักแน่น ผู้เป็นน้องจึงต้องพยักหน้ารับปากออกไป “โอเคครับ ผมจะดูแลบริษัทฯ ให้พี่ราฟภายในสองอาทิตย์นี้ พอใจหรือยังครับพี่ชายสุดหล่อ...”
ราฟาลแค่นยิ้ม ขณะทิ้งกายใหญ่โตที่ล่ำสันไปซะทุกสัดส่วนลงบนโซฟานุ่มตัวตรงข้ามกับน้องชาย ใบหน้าหล่อเหลาเครียดเขม็งจนลิโอเนลอดถามไถ่ไม่ได้