มืออีกข้างรั้งกางเกงผ้ายืดร่นลงต่ำ สอดมือข้างที่วางใต้ชั้นในผ้านุ่ม เขาเกลี่ยไล้ปลายนิ้วกับเนินอวบนูน แทรกปลายนิ้วผ่านขนเส้นเล็กอ่อนนุ่ม เกลี่ยปลายนิ้วไปมาจนคนใต้ร่างเริ่มครางกระเส่า เธอแอ่นกายเสียดสี ครางเสียงระงม ขุนเขาดันเอวกางเกงต่ำลงไปสุดปลายขา และแทรกตัวเข้าไปกั้นกลาง มือกับปากของเขาทำงานสัมพันธ์กันอย่างดิบดี
ผิวเนื้อที่สัมผัสเนียนนุ่มและเรียบลื่น ยิ่งเสียดสีอารมณ์ก็ยิ่งฮึกเหิมจนไม่สามารถหยุดความปรารถนาในกายลงได้ “อืมมมม อ่าว์” เสียงครางของเธอปลุกเร้าอารมณ์ฝ่ายต่ำ จนขุนเขาไม่คิดอะไรอีก เขาเสือกตัวลงต่ำ ตวัดปลายขาของหญิงผู้นั้นขึ้นพาดบ่า ก่อนจะฝังหน้าของตัวเองลงบนเนินสวาท ปลายลิ้นของเขาตวัดเลียถี่ๆ เอวของเธอยกลอยสูงและส่ายร่อนไม่ติดพื้น
ทุกสัมผัสเป็นสิ่งแปลกใหม่ ขุนเขาแน่ใจนับครั้งได้กับการปรนเปรอคู่นอนด้วยการรักหล่อนด้วยปลายลิ้น หากไม่สนิทใจจริงๆ เขาไม่เคยทำเช่นนี้ ขณะที่เขาตวัดลิ้นเลียไล้ ขุนเขาเองก็ยงแปลกใจตนเอง อะไรทำให้เขาทำเช่นนี้กับผู้หญิงแปลกหน้า
ขุนเขาสะบัดหน้า เสียงครางหวานแหลมกระตุ้นให้เขาเดินหน้าต่อ เขาสอดมือช้อนแก้มก้นเธอแนบใบหน้ามากขึ้น ห่อปลายลิ้นเสือกลงแอ่งสวาทที่มีน้ำรักไหลรินปริ่ม เขากวาดต้อนหยาดน้ำที่ไหลออกมาทุกหยด ดูดดื่มความหวานจากติ่งเกสรกลางร่างสาว พร้อมกับเคล้นคลึงเต่งเต้ากลางร่างสาวรัวๆ
ตอนที่เขาเสือกตัวขึ้นมาด้านบน เขาบดจูบกลีบปากอุ่นนิ่ม และกระแทกบั้นเอวใส่เธอแรงๆ
มือเล็กๆ ยกขึ้นดันบ่าดวงตาเธอเบิกกว้างเสียงครางกระท่อนกระแท่นฟังไม่ได้ศัพท์ ขุนเขากดตัวตนลึกลงไปสุดทาง ตอนที่เขาเริ่มขยับ “ยะ อย่า เจ็บ ริดเจ็บ” เธอคนนั้นครางเสียงสั่น สีหน้าแหยเกและบิดเบี้ยว
เขากดจูบปิดปากกลั้นเสียงห้ามนั้น พร้อมกับโหมตัวใส่สุดแรง แม้จะรู้สึกแปลกๆ กับสภาพร่างกายของเธอ มันคับแคบและแน่นเกินกว่าทุกครั้งที่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกับเพศตรงข้าม ขุนเขาพยายามไม่คิดลึก เขาคงไม่ได้มือดีคว้าสาวใจแตกที่อยากเก็บแต้มตั้งแต่ยังไม่ทันเป็นสาวมาหรอกนะ เขาไม่เคยหละหลวมขนาดนั้น
ความสะท้านสะเทือนดำเนินต่อไป ทั้งเขาและเธอดื่มด่ำกับความรัญจวนที่ไม่มีจุดสิ้นสุด แรงขยับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขากัดฟันโหมใส่จนเหงื่อหยด เสียงครางผสมเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยดังก้อง
ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงปลายทางพร้อมๆ กับหญิงผู้นั้น
“อ้ายยยย...” เสียงหวีดร้องร่างกายเกร็งสะท้าน ตัวเธอกระตุกถี่ๆ ขุนเขาสาวบั้นเอวกดตัวตนใส่สุดทาง เขาฉีดพ่นสายธารสวาทอัดใส่เส้นทางสวรรค์พร้อมกับเสียงครางยาวเหยียด...
ตอนที่ 5.ผู้หญิงปริศนา
ระหว่างที่ยกมือเกาใต้ปลายคาง สายตาเขาทอดมองเตียงนอน ร่องรอยบางอย่างทำให้ขุนเขาใจหายแว๊บ! ครั้งนี้เขามาธุระด่วน ตั้งใจว่าเสร็จธุระก็จะรีบกลับ งานของเขากำลังยุ่ง ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวเช่นนี้ แทบไม่มีเวลาหายใจ ดังนั้นอะไรที่ควรพกก็ไม่ได้เอาติดมาด้วย
คราบและร่องรอยที่ปรากฏบนเตียง ทำให้หนุ่มนักรักเริ่มไม่สบายใจ
ความทรงจำดื่มด่ำที่ตามมานั่นอีก คืนนั้นเขาไม่ได้หิ้วใครติดมือมาด้วยเลย ผู้หญิงที่อยู่บนเตียง เขาช่วยหล่อนมาจากน้ำมือผู้ชายสารเลวคนหนึ่ง แล้วเขาอีกนั่นแหละ ที่เป็นคนป้ายรอยราคีนั่นให้หล่อนเสียเอง
“กูทำห่าอะไรลงไปวะ”
เขาบ่นเสียงเคร่ง ทิ้งตัวลงนั่ง ยกมือขยี้ผมบนศีรษะแรงๆ
หากเป็นผู้หญิงที่คุ้นเคยกับเรื่องเพศสัมพันธ์ ขุนเขาคงไม่มานั่งกลุ้มใจแบบนี้หรอก แต่นี่... ร่องรอยที่เห็นทำให้เขาคิดจนหัวจะแตก คราบเลือดจางๆ กับคราบแห้งกรังที่ตัวตนของตัวเอง เขาไม่ได้ใช้หมวกกันน็อก และถ้านั่นเป็นครั้งแรกของหญิงคนนั้น เธอจะรู้จักการป้องกันไม่ให้ตนเองตั้งครรภ์หรือเปล่า?
“โอ้ยยยย คงไม่ซวยมั้ง”
“กลับมาแล้ว หิวไหมริด นารอริดทั้งคืนเลย” เสียงผสมความห่วงใย แถมแววตานั่นก็มีความเป็นห่วงจริงๆ ปนอยู่
คริษฐาส่ายหน้า “ครั้งหน้า ริดจะโทร.มาบอกนาก่อน หากต้องทำโอที” เธอกลืนความเสียใจเก็บไว้ในใจ ปัญหาครั้งนี้มันน่าละอายเกินกว่าจะโพนทะนาให้คนรอบตัวรู้
“โหมทำงานมากเกินไปหรือเปล่า ไม่ดีต่อสุขภาพนะ นาเป็นห่วง”
“อืม...มันสุดวิสัยน่ะ ปฏิเสธไม่ได้” คริษฐาแสร้งเดินเลยไปด้านใน เธอฉวยผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
“หิวไหม นาซื้อข้าวเผื่อไว้ อยู่ในตู้นั่นแหละ”
เสียงณาราดังอยู่ด้านนอก คริษฐายกมือปิดปาก เปิดก๊อกน้ำใส่ศีรษะยกมือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น น้ำล้างคราบสกปรกด้านนอกได้ แต่คราบความโสมมที่ฝังลึกอยู่ในใจ ต่อให้ใช้น้ำหมดทั้งโลก ก็ไม่สามารถล้างร่องรอยเหล่านั้นได้เลย
สามสิบนาทีสำหรับการอาบน้ำครั้งนี้ เป็นครั้งแรกสำหรับเธอเชียวแหละ เพราะธรรมดาแล้ว คริษฐาไม่ใช่คนรักสะอาดจนใช้เวลาในการอาบน้ำนานเท่านี้ คงเพราะมีบางอย่างที่เธออยากล้างออกไปให้หมด ทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่มีทางทำเช่นนั้นได้เลย แต่เธอก็ยังฝืนเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
“อากาศร้อนจนน่ารำคาญเลยเนอะ” ณาราชวนคุย สายตาไม่ได้ละออกมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เลยไม้ทันได้เห็นร่องรอยบางอย่างที่คริษฐาพยายามปกปิดไว้
“อบอ้าวนิดหน่อยแต่พอทนได้” ความจริงวันนี้อากาศร้อนมากกว่าทุกวัน แต่เพราะความจำเป็นคริษฐาเลยจำใจต้องสวมเสื้อแขนยาว บางทีอาจมีร่องรอยบางอย่างหลงเหลืออยู่ ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะอธิบายอะไรทั้งนั้น เธออยากฝังกลบความทรงจำไปเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะทำไม่ได้ไงเลยรู้สึกกระอักกระอ่วนเช่นนี้
“ไม่หิวเหรอ” ไม่มีเสียงขยับตัว พอณาราหันไปมองด้านหลังเลยเห็นว่าเพื่อนอนขดตัวอยู่มมุมห้องแล้ว
“อืม...ง่วงน่ะ” คริษฐาตอบเสียงแผ่ว กลั้นสะอื้นไว้ พยายามไม่แสดงพิรุธ
“งั้นนาเบาเสียงลงหน่อยก็ได้ นอนไปเถอะ ริดอดนอนติดๆ กันหลายคืนแล้วนี่”
ณาราขยับปิดลำโพงครอบหูฟังไว้บนศีรษะ หมดความสนใจเพื่อนสนิท ลืมกระทั่งคำถามที่อยากรู้ ท่าทางคริษฐาเหนื่อยอ่อนจนอดสงสารไม่ได้ ความสูญเสียของเพื่อคงต้องใช้เวลาเยียวยา
นับจากวันนั้นคริษฐาพยายามกดความไม่สบายใจไว้ให้ลึกที่สุด เธอนับวันรอบางสิ่ง ยิ่งใกล้กำหนดวันยิ่งตื่นเต้น
เธอถอนใจแรงๆ ก้มมองเป้ากางเกงชั้นในที่ปราศจากสิ่งที่ตัวเองตั้งตารอ มือสั่นๆ ยกขึ้นปิดปาก พยายามปลอบใจตัวเอง เธอคงไม่ถึงคราวซวยขนาดนั้นหรอก ประสบการณ์บัดซบนั่นเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวไม่ใช่เหรอ ความเครียดอาจจะส่งผลให้สิ่งที่ควรมาคลาดเคลื่อนก็ได้
“ใจเย็นๆ ไว้ริด...อาจจะมาช้าก็ได้”
คริษฐากดชักโครก ดึงกางเกงชั้นในมาสวมไว้ หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยก็รีบออกมาด้านนอก เธอล้างมือที่อ่างล้างหน้า มองรอยดำๆ ใต้ตาด้วยแววตาว้าวุ่น
“ท่าทางไม่ดีเลยนะริด”
เพื่อนเรียนกระซิบถาม แววตาปนความเป็นห่วง
“ช่วงนี้โหมทำพาร์ทไทม์มากไปหน่อยน่ะ ใกล้สอบแล้วจะได้มีเวลาเตรียมอ่านหนังสือ”
“แบ่งความขยันมาให้นาบ้างสิ” เสียงกระเซ้าดังขึ้นรอบตัว พลอยทำให้คริษฐาคลายความอึดอัดในใจ
“ริดมีเวลาไม่มากแล้ว อยากจบเร็วๆ” รายจ่ายรายรับไม่สมดุลกัน ความเป็นอยู่ไม่เหมือนเมื่อก่อน แม้จะมีทุนสำรองก้อนหนึ่งที่มารดาทิ้งไว้ให้ก็เถอะ
“อย่างริดน่ะ คงจบ แต่พวกเราสิไม่รู้จะไหวไหม”
เด็กเรียนอย่างคริษฐาที่ไม่เคยเกเร แถมคะแนนไม่เคยตก มีหรือที่จะเรียนไม่สำเร็จ ไม่เหมือนเด็กเกเรอย่างพวกเธอที่ห่วงเที่ยวมากกว่า
คริษฐายิ้มแหยๆ เธอภาวนาให้ความกังวลในใจเป็นแค่เรื่องที่ตนเองกลัวไปเอง คงไม่ซวยซ้ำซ้อน จนชีวิตสะดุดเพราะเรื่องผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ภูผามองหน้าน้องชายซ้ำหลายรอบ ตั้งแต่กลับจากในเมืองขุนเขาเงียบขรึมและมักจะเหม่อลอยบ่อยๆ ไม่น่าใช่เรื่องงานและไม่น่าใช่เรื่องส่วนตัว หลายปีตั้งแต่โตเป็นหนุ่ม ขุนเขาจัดการตัวเองได้ดี ไม่เคยมีปัญหากวนใจ จนทำให้เกิดอาการเช่นนี้
“ขุน มีปัญหาอะไรไหม?” ภูผาตัดสินใจถาม
ขุนเขาสะดุ้ง รีบส่ายหน้าปฏิเสธ “เปล่าคิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะพี่ภู”