เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นมา ส่งผลให้เจ้าของห้องละสายตาจากเอกสารในมือ เงยหน้าขึ้นไปมองทางประตูที่กำลังเปิดเข้ามา ตามด้วยร่างสูงโปร่งระหงของชนัญธิดา
ตระการยิ้ม เมื่อเห็นว่าคนที่เขาอยากเจอ มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สายตาคมจ้องมองร่างบางที่ยืนตัวตรงจ้องมองเขาอย่างหงุดหงิด เขารู้ได้ทันทีเลยว่า อารมณ์ของชนัญธิดาอยู่ในระดับไหน
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะษร”
“ท่านประธานมีธุระอะไรกับดิฉันหรือค่ะ” ชนัญธิดาเอ่ยถาม ทันทีที่เห็นหน้าท่านประธานใหญ่ ดวงตากลมโตสบตาเข้มด้วยความไม่พอใจ พาลนึกไปถึงเมื่อเช้า ไม่คิดว่าดวงมันจะซวยขนาดนี้ เมื่อเช้าเธอขยิบตาขวาก่อนออกมาจากบ้าน
ยังไม่ทันเที่ยงดวงซวยก็เริ่มมาเยือน และเป็นความซวยที่เธอไม่อยากเจอเสียด้วย ซวยอะไรไม่ซวย ดันมาซวยเรื่องนี้ มีหวังกลับไปหัวหน้าแผนกด่าเธอยับแน่ อีกอย่างไม่รู้ว่าผู้ชายที่ชื่อสุทัศน์ พูดอะไรไปหรือเปล่า
“ทักทายชะห่างเหิน เลยนะษร” เขายังเอ่ยถามชนัญธิดา อย่างอารมณ์ดี
“ท่านประธานไม่มีสิทธิ์มาเรียกชื่อ ดิฉันแบบนี้นะคะ มันไม่เหมาะ”
“ไม่เหมาะยังไง”
“ก็เอาเป็นว่ามันไม่เหมาะก็แล้วกัน” เสียงหวานเริ่มเขียว “ถ้าเรียกมาแค่นี้ ดิฉันขอตัว เที่ยงแล้วหมดเวลางานค่ะ ดิฉันจะไปทานข้าว”
ตระการจ้องใบหน้าสวยคม ที่ยืนหน้าบึ้งตึงใส่เขาอยู่แบบนี้ ด้วยความไม่พอใจ เพิ่งจะมีผู้หญิงคนนี้แหละที่แสดงกริยาไม่ดีกับเขา ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินมาหยุดตรงหน้าชนัญธิดาอย่างมาดหมาย
“แค่อยากเจอหน้าไม่ได้หรือไง”
“คุณ...” ชนัญธิดาถึงกับพูดไม่ออก เจอคำตอบแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมมันถึงได้กลับตาลปัตรแบบนี้
“ผมรอษรไปทานข้าวด้วยกันนะ นี่ก็จะเที่ยงแล้ว เราไปกันเถอะ”
“คุณจะบ้าเหรอ ฉันไม่ไปกับคุณหรอก คุณไปชวนแฟนคุณสิ เสียเวลาจริงๆ เรียกมาพบด้วยเรื่องแค่นี้เนี้ยนะ”
“เรื่องแค่นี้เหรอ” เจ้าของเสียงเข้มถามขึ้นอย่างไม่พอใจ
นาวีและสุทัศน์ถึงกับเงียบหุบยิ้มอัตโนมัติพอสายตาอาฆาตจากเจ้านายหนุ่มแบบนี้ หันไปมองหญิงสาวที่กำลังยืนต่อปากต่อคำกับเจ้านายอย่างสงสัย อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า เจ้านายหนุ่มจะทำอะไรเธอหรือเปล่า
“สุทัศน์ นาวี นายสองคนออกไปข้างนอกก่อน ถ้าฉันไม่เรียกไม่ต้องเข้ามา อีกอย่างล็อคประตูด้วย ฉันมีอะไรจะคุยกับคุณษรเสียหน่อย”
“ครับนาย/ครับนาย” สองหนุ่มรับคำนาย ก่อนจะหันมามองคุณษรของเจ้านายอย่างสงสาร เห็นแล้วอดเป็นห่วงหญิงสาว เกิดเจ้านายทำอะไรเธอไปมีหวังเรื่องคงยุ่งน่าดู...‘เพราะดูแล้วคุณษรของเจ้านายก็ใช่ย่อยเหมือนกัน’
ตระการมองจนลูกน้องปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ก็ก้มลงมามองร่างบางตรงหน้าอย่างเจ้าเล่ห์ เอื้อมมือหนาขึ้นไปจับมือบาง พร้อมกับดึงให้เดินตาม แล้วนั่งลงบนโต๊ะทำงาน ลอบมองหน้างาม ที่จ้องมองเขาอย่างบึ้งตึง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายชัดบนใบหน้าคมสัน
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ อะไรกันผมแค่อยากเห็นหน้าษรเองนะ”
“แต่ดิฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ!”
“ทำไม!” น้ำเสียงเข้มพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้ไม่อยากเจอหน้าเขา เป็นไปได้ยังไงกัน
“เราไม่ได้สนิทกันและอีกอย่างคุณเป็นเจ้านาย ดิฉันเป็นลูกน้อง คุณควรจะเข้าใจว่ามันไม่เหมาะสม” ชนัญธิดาพูดแต่สายตาจ้องมองชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ “ปล่อยมือได้แล้ว เกิดใครมาเห็นเข้ามันน่าเกลียด ”
“อะไรที่เรียกว่าไม่เหมาะสม คุณไม่เหมาะสมกับผม หรือ ผมไม่เหมาะสมกับคุณ” เขาถามด้วยน้ำเสียงกร้าว ไม่สบอารมณ์กับอาการและท่าทางของเธอเลย แบบนี้มันหยามกันชัดๆ คนเขามีความรู้สึกดีๆ แต่เธอกับทำมันพัง
“ดิฉันอยากให้ท่านประธานเข้าใจนะคะ ว่าดิฉันเป็นพนักงานของที่นี่ ส่วนท่านประธานก็เป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้เหมือนกัน มันเป็นการไม่เหมาะสม หากพนักงานและเจ้าของบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแบบนี้”
ชนัญธิดาอธิบายเสียยืดยาว แต่ดูเหมือนตระการจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด สายตากร้าวที่ส่งมาให้ กลับทำให้เธอเริ่มกลัวผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูก เมื่อวานไม่น่าทำอะไรโง่ๆ เลยจริงๆ ไม่อย่างนั้น เธอคงทำงานที่นี่ได้อย่างสบาย จากนี้ไปจะทำยังไง
“ฉันไม่เข้าใจทำไมไอ้โตกับคุณษาถึงคบกันได้”
“ก็...”
“พูดไม่ออกล่ะสิหยุดหาเหตุผลที่มันฟังยังไงก็ไม่ขึ้นเสียที” ตระการชิงพูดตัดปัญหาก่อนจะพูดอีกว่า “ผมหิวข้าวแล้วเราไปทานข้าวกันเถอะ”
“แต่...”
“ไม่มีคำว่าแต่ ชนัญธิดา นี่เป็นคำสั่ง ถ้ายังไม่เชื่อฟังกัน ผมจะทำให้คุณ...”
“คุณจะทำบ้าอะไร...ฉัน...ฉันไม่ยอมคุณหรอก” ชนัญธิดาเริ่มเดือดกับคำพูดชวนหาเรื่องของตระการ เขาเป็นเจ้านายเธอมาทำแบบนี้มันไม่ถูกสิ ใครรู้เข้าเขาจะคิดยังไงพนักงานระดับล่างอย่างเธอมาสนิทกับท่านประธานใหญ่ของบริษัท
“จะลองดูกันไหมชนัญธิดา ว่าคนอย่างฉัน สามารถทำอะไรเธอได้บ้าง” ตระการพูดอย่างเป็นต่อ เริ่มเข้าใจสิ่งที่รัชวินพูดแล้ว ว่าทำไมชนัญธิดาถึงไม่ต้องการเข้าใกล้เขา เพราะแบบนี้เองหรอกหรือ เขานี่แหละจะทำให้เธอดูว่าปัญหาระหว่างลูกน้องและเจ้านายนะมันไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรคสำหรับความรัก
//////////
ตระการเดินลากชนัญธิดาออกมาจากห้องทำงาน เดินผ่านโต๊ะเลขาสาวตรงไปยังลิฟต์ที่เปิดรอรับพวกเขาอยู่ นาวีและสุทัศน์นั่นเองเป็นคนรีบวิ่งไปกดลิฟต์ให้เจ้านาย
ท่านประธานใหญ่ลากผู้หญิงคนหนึ่งผ่านหน้าห้องไป จะว่าเป็นบรรดาคู่ควงก็ไม่ใช่ ผู้หญิงคนนี้ร่างสูงโปร่ง ผมยาวเกือบกลางหลัง หน้าตาก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว แล้วทำไมถึงโดนท่านประธานลากออกจากห้องทำงานไปแบบนั้น อารยาได้แต่สงสัยแกมอยากรู้ แต่ยังไม่ทัน ประตูลิฟต์จะปิด ร่างสูงของคนสนิทของท่านประธานก็เร่งฝีเท้าเดินตรงมาทางเธอ
“มีอะไรค่ะคุณนาวี”
“บ่ายนี้ท่านประธานจะไม่เข้าบริษัทแล้ว มีอะไรคุณก็โทรฯ หาเบอร์ผมก็แล้วกัน”
“แล้วท่านประธานจะไปไหนค่ะ” อารยาถามขึ้นอย่างสงสัย
“ท่านประธานพาภรรยาไปทานข้าวแล้วไปซื้อของเข้าบ้าน”
“ภรรยาเหรอค่ะ” น้ำเสียงแหลมถามกลับอย่างไม่เชื่อหู ถ้าเธอได้ยินไม่ผิด ผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาของตระการ วีรกิจ
“ครับ” นาวีพยักหน้าตอบก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตรงไปยังลิฟต์ที่เปิดรอเขาอยู่
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...