Lavender ลาเวนเดอร์ 1

1194 คำ
Lavender ลาเวนเดอร์ 1 “ตัวเล็กมากินข้าวกัน” “เหมยกินข้าวครับ” เสียงเรียกชื่อตัวเองดังมาจากหน้าห้องนอน เหลือบสายตามองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้จะสองทุ่มแล้ว ฉันกลับมาที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่สี่โมงเย็น มาถึงก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหน กระทั่งได้ยินเสียงเรียกทั้งสองครั้งเมื่อสักครู่ เสียงเรียกแรกน่าจะเป็นพี่ชายคนรอง ส่วนเสียงที่สองคงเป็นพี่คนโต แต่ว่าฉันน่ะไม่อยากจะออกไปเลยสักนิด จึงเลือกส่งข้อความเข้าไปยังไลน์กลุ่มที่มีสมาชิกทั้งหมดสามคน คือฉันและพี่ชายทั้งสองคน บอกเพียงแค่ว่ากินข้าวแล้วให้กินกันเลย ทั้งที่ความเป็นจริงฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็น ทุกครั้งที่อยู่ในห้องนอน ฉันจะทำความสะอาดห้องเก็บห้องให้เป็นระเบียบอยู่เสมอ เพราะหากกลับมาฉันมักจะใช้ชีวิตภายในห้องแห่งนี้อยู่ตลอด และถ้าจะถามว่าที่นี่คือที่ไหน ก็คงต้องบอกว่าที่นี่คือบ้านของพี่ชายคนโตที่ซื้อไว้ แล้วย้ายออกมาอยู่ที่นี่ ฉันอยากเช่าหอพักอยู่คนเดียว แต่พี่ชายทั้งสองคนไม่ยอมพี่คนโตเลยซื้อบ้านแล้วย้ายออกมาอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางความไม่พอใจของที่บ้าน แล้วก็เหมือนเคยที่ฉันจะโดนด่าโดนเปรียบเทียบกับพี่ชายทั้งสองคน ตลกดี พวกเขาทำเหมือนฉันไม่ใช่ลูกหรือหลานเลยล่ะ บ้านหลังนี้สวยมากเลยนะ ฉันมีโอกาสออกไปอยู่ข้างนอกห้องนอนบ้างหากพี่ชายทั้งสองคนไม่อยู่ แต่เมื่อไหร่ที่ทั้งคู่กลับมาฉันจะกลับเข้าห้องนอนตัวเอง ถามว่าทำแบบนี้ทำไม ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ใช่ไม่รักพี่ ๆ แต่เพราะกลัว กลัวจะโดนเปรียบเทียบ กลัวจะโดนคนอื่นด่าว่าทำให้พี่ชายเดือดร้อน ฉันเลยเลือกที่จะอยู่ห่างจากพี่ชายที่คอยช่วยเหลือฉันอยู่ทุกอย่าง พวกเขาดีกับฉันมาก จนฉันไม่อยากเข้าใกล้พวกเขา เพราะความกลัวและความกังวล “เหมย พี่ซื้อผลไม้มา มากินด้วยกันนะครับ” เสียงพี่ชายคนโตอย่างพี่มีนเอ่ยชวนและเคาะห้องสองสามที “...” ฉันยังนั่งเงียบอยู่บนเตียงนอนมองไปยังประตูบานใหญ่ที่ขวางกั้นฉันและพี่ชายไว้ “ที่นี่มีแค่พี่สองคนกับเหมยนะ ไม่มีใครเลย ออกมากินข้าวกินขนมด้วยกันนะเหมย” และเป็นอีกครั้งที่พี่ชายคนรองอย่างพี่มาร์เอ่ยชวนฉัน “...” “หนูไม่สบายใจใช่ไหม? พี่เองก็ไม่สบายใจและเป็นห่วงหนูมาก ๆ เรามาคุยกันดีไหมเหมย พี่สองคนรักหนู มีแค่หนูแล้วนะ” “ขอโทษนะที่ทำให้ไม่สบายใจ แต่พี่มีน้องสาวแค่คนเดียว พี่ไม่อยากให้เหมยเจ็บปวดเพราะคนพวกนั้นอีกแล้ว” “...” “เด็กดี เรามาคุยกันเถอะนะ” “...” “พวกพี่จะรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นนะครับ” เสียงทั้งสองคนเงียบไปแล้ว และมีเพียงฉันที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ กี่ปีแล้วนะ กี่ปีแล้วที่ระยะห่างของฉันและพี่ชายมันกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความกลัวของฉัน สิ่งที่ฉันเจอมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะคำพูด สายตาหรือการกระทำ ทุกอย่างล้วนเกิดจากที่ฉันเกิดมาเป็นผู้หญิง แต่พี่ชายก็บอกว่าไม่เป็นอะไรยังไงฉันก็เป็นน้องสาวของพี่ ๆ แต่เมื่อช่วงสิบปีก่อนฉันไปเดินเล่นกับพี่ชายกลับบ้านมา ฉันโดนตีอย่างหนักโดยที่ทันตั้งตัว และทุกคนเอาแต่บอกว่าฉันพาพี่ชายเกเร คนพวกนั้นตีฉันด้วยความเกลียดจัง และไม่คิดฟังคำอธิบายจากฉันเลยสักครั้ง ฉันจำความเจ็บปวดเหล่านั้นได้อย่างดี เพราะฉันเจ็บปวดมากจนสลบไป ตื่นมาอีกทีก็อยู่โรงพยาบาล และตั้งแต่วันนั้นฉันเองก็ไม่อยากเข้าใกล้พี่ชายแล้ว ฉันกลัว กลัวว่าฉันจะสลบไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีก หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเกือบห้าปี พี่ชายก็ชวนออกมาอยู่บ้านหลังนี้ บ้านที่พี่ชายฉันซื้อด้วยตัวเองและไม่ให้คนที่บ้านนั้นมายุ่งวุ่นวาย เราอยู่บ้านหลังนี้มาได้ห้าปีกว่าแล้วล่ะ เป็นระยะเวลาห้าปีที่ฉันกล้าหายใจแรงขึ้น แต่ยังคงไม่กล้าเข้าใกล้พี่ชาย ระหว่างที่นั่งทบทวนความคิดกับตัวเองอยู่นั้น สักพักน้ำตาที่ไหลอาบแก้มถูกเช็ดออกเบา ๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินไปใกล้ประตูแล้วเปิดออกช้า ๆ แม้ตอนนี้จะยังรู้สึกกลัวแต่ก็ไม่อยากให้พี่ชายเสียใจไปมากกว่านี้แล้ว จังหวะที่ก้าวลงบันไดอย่างเชื่องช้านั้นก็ได้ยินเสียงของพี่ชายทั้งสองคนคุยกันอยู่แผ่วเบา “ทำไมพี่ถึงไม่ได้เรื่องแบบนี้วะมาร์ แค่น้องสาวคนเดียวทำไมพี่ถึงดูแลน้องไม่ได้” “พี่เก่งแล้วพี่มีน คนพวกนั้นต่างหากที่แย่” “น้องเจออะไรมามากมาย แต่ตอนนั้นพี่กลับช่วยอะไรน้องไม่ได้เลย พี่มันโคตรแย่เลยว่ะ” “ผมเองก็แย่เหมือนกัน น้องต้องการเราขนาดนั้น ตอนนั้นทำไมเราไม่ทำอะไรสักอย่าง ถึงตอนนี้หากน้องจะไม่เปิดใจให้เราผมก็ไม่โกรธน้องเลย เพราะเราเองที่ทำให้น้องไม่เชื่อใจ” “ทำยังไงดีมาร์ พี่ไม่อยากให้น้องเจ็บปวดแบบนี้เลย” เสียงพี่ชายที่นั่งคุยกันอยู่ห้องนั่งเล่นนั้นฟังดูสั่นเครือไม่น้อย ฉันทรุดนั่งที่ขั้นบันไดก่อนจะหลุดเสียงสะอื้นร้องไห้ เป็นเพราะฉันอีกแล้วใช่ไหมพี่ชายถึงได้เสียใจและไม่สบายใจอยู่แบบนี้ “ฮึก” แม้จะกลั้นเสียงสะอื้นไว้แต่ก็ไม่เป็นผลเท่าไหร่เมื่อพบว่าตัวเองนั้นร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างหนัก ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าพี่ชายทั้งสองคนเดินมาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่ชายทั้งสองคนโอบกอดฉันไว้แล้วเราทั้งสามคนนั่งร้องไห้ด้วยกันที่บันได ฉันร้องไห้สะอื้นจนรู้สึกแน่นหน้าอกไปหมด พี่ชายทั้งสองคนของฉันร้องไห้เช่นเดียวกัน เพียงแค่ไม่ได้สะอึกสะอื้นเหมือนอย่างที่ฉันเป็น แต่ตลอดเวลาที่ร้องไห้นับเป็นครั้งแรกที่มีคนโอบกอดฉันไว้ ไม่ใช่ฉันที่คอยโอบกอดตัวเองอย่างที่เคยเป็นมา “เด็กดี คนเก่งของพี่ หนูเก่งมากเลยครับ” “เหมยเหมยของพี่เก่งที่สุดแล้ว เก่งมากเลยนะ” “เหมยยังมีพวกพี่อยู่นะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ พี่จะจับมือหนูไว้เองเหมย” เสียงปลอบโยนของพี่ชายยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม