เทียนษา
“บางทีฉันก็เบื่อเธอมากเลย!” คุณปกป้องพูดขึ้นอย่างไม่ปี่มีขลุ่ยทำให้ฉันต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ฉันไปทำอะไรให้คุณอีกล่ะ” ฉันถามกลับคนที่เริ่มเมาออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“เหอะ!” อะไรคือการแค่นเสียงออกมาแบบนี้ แล้วฉันจะเข้าใจไหมล่ะ
“เมาแล้วกลับไปนอนไหม” ฉันถามเขาขึ้น เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว ขืนปล่อยให้นั่งกินต่อจนผับปิดฉันว่าต้องเมากว่านี้แน่
“ยังไม่อยากกลับ!” แล้วทำไมต้องทำเสียงเข้มขนาดนั้นด้วยล่ะ ฉันไปทำอะไรให้ไม่พอใจอีก
“โอเคค่ะ ไม่กลับก็ไม่กลับ” ฉันตอบกลับก่อนจะหันมานั่งจิบแก้วตัวเองต่อ แต่ก็ได้แค่จิบเท่านั้นแหละ เพราะคนที่ไปรับฉันดันเมาแล้วนี่
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ในที่สุดสิ่งที่ฉันคิดก็เป็นจริง เพราะตอนนี้คุณปกป้องได้เมาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปกติเวลามาไม่เคยกินให้เมาเลยสักครั้ง แล้ววันนี้เป็นอะไรไปล่ะ ทำไมถึงได้หมดสภาพแบบนี้ไปได้ นี่ถ้ามีพนักงานบริษัทมาเห็นเข้า หมดความน่าเชื่อถือกันพอดี
“เธอน่ะ แม่ง!” เขาพูดขึ้นหลังจากฉันให้เด็กในร้านช่วยแบกเขามาขึ้นรถ
“ฉันอะไรคะ” ไม่อยากพูดกับคนเมาเท่าไหร่หรอก พูดไปก็ไม่รู้เรื่อง แต่ดูเหมือนกับเขาไม่พอใจอะไรฉันอยู่ไง เพราะเขาบ่นอะไรใส่ฉันมาสักพักแล้ว แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที
“เบื่อเธอว่ะเทียนษา” เห็นไหม แล้วจะให้ฉันคิดอะไรได้
“เห้อ!” ฉันได้แต่ส่ายหัวให้กับเขาก่อนจะเลือกขับรถกลับคอนโดของเจ้านายเพื่อไปส่ง
“เดินไหวไหมคะ” ฉันถามเขาขึ้นหลังจากมาถึงคอนโดแล้ว
“อืม!” เขาตอบออกมาห้วน ๆ หลังจากฉันถาม ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป ฉันเลยรีบลงตามไปติด ๆ กลัวจะล้มหัวฟาดพื้นไปก่อนนะสิ
“เดินดี ๆ สิคะ” ฉันเข้าไปประคองคนที่บอกว่าเดินได้ แต่เดินเซไปเซมาไม่หยุดอยู่นี่แหละ แถมตัวก็หนักอีก นี่ถ้าล้มมาฉันว่าต้องปล่อยให้เขานอนตรงนี้แหละ
“ฉันช่วยไหม” แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทำให้ฉันหันไปมองทันทีก่อนจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันเจอในผับ
“อ๋อ ขอบคุณค่ะ” ฉันรับคำอย่างไม่เรื่องมาก อย่างน้อยแรงผู้ชายก็มากกว่าแรงผู้หญิงอย่างฉันอยู่ดี
“คุณพักที่นี่” เขาถามขึ้น
“เปล่าค่ะ ที่นี่คอนโดเจ้านายฉัน” ฉันตอบกลับคุณนาวินอะไรนั่นกลับไป ยังไงธุรกิจบ้านเขาก็เป็นลูกค้าบริษัทที่ฉันทำงานอยู่นี่เนอะ อีกอย่างเขาก็มีน้ำใจไม่ได้ทำตัวแย่อะไร ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่ออกห่างจากเขา
“ดูแลเจ้านายดีขนาดนี้แฟนเธอไม่ว่าอะไรหรอ” แล้วเขาก็พูดขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองเขาอีกครั้งทันที
“.....” ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากยิ้มให้เป็นมารยาทก่อนจะหุบยิ้มทันทีเพื่อเป็นการบ่งบอกให้เขารู้ ว่าฉันไม่ต้องการพูดเรื่องส่วนตัวกับคนไม่สนิท
“เป็นเลขาฉัน เธอต้องห้ามมีแฟน” แล้วเสียงของคุณปกป้องก็ดังขึ้นพร้อมกับมองฉันอย่างไม่พอใจ
“อะไรของคุณเนี่ย” ฉันได้แต่ว่าให้เขาอย่างเหนื่อยใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“เข้าใจที่ฉันพูดไหม!” แล้วเขาก็ถามขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงเข้มกว่าเดิม
“เมาแล้วก็เงียบไปเถอะค่ะ” ฉันว่าให้เขาอย่างหนักใจอีกครั้ง ถ้ารู้ว่าเมาแล้วเลอะเถอะแบบนี้ไม่ปล่อยให้เมาแล้ว
ติ๊ง แล้วเสียงลิฟท์ก็ดังขึ้นหลังจากถึงชั้นของคุณปกป้อง
“เดี๋ยวฉันไปส่งที่ห้องเป็นเพื่อนดีกว่า” แล้วคุณนาวินก็พูดขึ้น
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ” ฉันพูดขึ้นหลังจากเห็นสีหน้าของผู้หญิงข้างกายเขาที่ดูเหมือนจะไม่พอใจเท่าไหร่
“ผู้ชายเมาไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง เธอไม่รู้หรอ” แล้วเขาก็พูดขึ้น ซึ่งอันนี้ฉันก็พอเข้าใจได้นะ อีกอย่างตั้งแต่ทำงานกับคุณปกป้องมาเขาก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมาเลย นี่ก็พึ่งเคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน
แล้วอยู่ ๆ คุณนาวินก็ออกแรงประคองคุณปกป้องเดินนำฉันไปก่อนทันที ทำให้ฉันต้องรีบเดินตามไปอย่างพูดอะไรไม่ได้ พอมาถึงหน้าห้องฉันก็สแกนลายนิ้วมือตัวเองเข้าไปทันที เพราะคุณปกป้องให้ฉันสแกนไว้เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน
“หึ” แต่อยู่ ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากคุณนาวินทำให้ฉันอดจะหันไปมองเขาไม่ได้ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร นอกจากเลิกคิ้วเป็นคำถามใส่ฉัน
ฉันไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป แล้วพาคุณปกป้องเข้าไปส่งที่ห้องนอนทันที
“ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วย” ฉันพูดขึ้นหลังจากวางคุณปกป้องลงเตียงแล้ว
“แล้วเธอจะกลับตอนไหน” แล้วคุณนาวินก็ถามฉันออกมา
“เดี๋ยวก็กลับค่ะ” ฉันพูดขึ้น เพราะเดี๋ยวจะเปลี่ยนเสื้อให้คุณปกป้องแล้วก็เช็ดตัวให้เขานิดหน่อยก็กลับเลย
“ฉันเห็นเธอขับรถเจ้านายเธอมา แล้วจะกลับยังไง” เขาถามต่อ
“ก็คงเอารถคุณป้องไปก่อน” มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอยู่แล้ว เพราะรถเขาน่ะ ฉันขับพอ ๆ กับเจ้าของเลยแหละ
“ฉันไปส่งดีกว่า เป็นผู้หญิงขับรถคนเดียวอันตราย” แล้วคุณนาวินก็พูดขึ้น
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ” เพราะแค่เขามาช่วยฉันแค่นี้ผู้หญิงของเขายังทำหน้าไม่พอใจขนาดนั้น ขืนให้เขาไปส่งฉันอีก ผู้หญิงคนนั้นได้จำหน้าฉันแล้วมาฉีกอกฉันทีหลังแน่
“เอาแบบนี้แล้วกัน”
“นี่คุณ!” ฉันร้องเรียกเขาขึ้นหลังจากอยู่ ๆ เขาก็พูดเองเออเองก่อนจะดึงกระเป๋าสะพายของฉันไปแล้วเดินออกจากห้องนอนไปทันที
ฉันหันกลับมามองคุณปกป้องที่หลับไปแล้วตั้งแต่หัวถึงหมอน ก่อนจะเดินเข้าเอาผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วออกมาเพื่อเช็ดตัวให้เขา
ฉันถอดเสื้อให้เขาจะได้ไม่อึดอัด พร้อมกับถอดเข็มขัดออกเพราะว่ามันคงเจ็บแน่เวลานอนทับ
“นี่หน้าที่ของเลขาด้วยหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ฉันต้องหันไปมองด้วยความตกใจ ก็เมื่อกี้เขาเดินออกไปข้างนอกแล้วนี่ ใครจะไปคิดว่าเขาจะกลับเข้ามาคืน
“.....” ฉันไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะหันกลับมาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้เขานิดหน่อยจนเสร็จ แล้วก็เอาผ้าไปตาก ก่อนจะออกจากห้องเขา
“คุณไปส่งฉันได้จริง ๆ หรอ” ฉันถามเขาออกไปอีกครั้ง
“ได้สิ” เขาตอบกลับออกมาอย่างไม่ใช่ปัญหาอะไร ส่วนผู้หญิงของเขาตอนนี้ไม่เห็นแล้วล่ะ
“ค่ะ” ฉันตอบกลับก่อนจะยอมลงไปข้างล่างพร้อมกับเขาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
แล้วถ้าถามว่าทำไมฉันถึงได้กล้านั่งรถมากับเขาทั้งที่พึ่งรู้จักกัน ก็คงเพราะว่าฉันก็พอรู้จักครอบครัวเขามั้ง(รู้จักในวงการธุรกิจ) อย่างพี่ชายเขาที่เคยเห็นก็เป็นคนน่าเชื่อถือมาก แล้วก็ยังเป็นสุภาพบุรุษพอตัวด้วย
ส่วนพ่อของเขาที่ฉันได้เห็นเวลาออกงานท่านก็ดูภูมิฐานและมีความน่าเคารพเกรงขามพอตัว พ่อกับพี่ชายเป็นแบบนี้ แล้วน้องชายจะต่างกันได้ยังไงล่ะ ใช่ไหม