ร่างระหงชวนสะดุดตาในชุดนักศึกษา เสื้อนักศึกษาเข้ารูปเล็กน้อยไม่ได้เห็นสัดส่วนจนเกินงาม ขณะที่กระโปรงทรงพลีทจีบรอบ ความยาวเหนือเขาเผยให้เห็นโคนขาเรียวสีผ่อนนวลตาไร้ตำหนิ ไม่ต่างจากการแต่งกายของเธอที่เรียบร้อย ตามระเบียบของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
สำหรับ เจณิสตา หรือ เจณิส เธอไม่จำเป็นต้องแต่ตัววาบหวามให้เปลืองตัวเพื่อดึงดูดสายตาของผู้ใด เพราะลำพังการเป็นเจ้าของส่วนสูง 169 cm. รูปร่างผอมเพียวอรชร หน้าอก เอว สะโพก เนื้อนมไข่มีพร้อมสรรพชนิดที่ไม่ต้องเสริมแต่งให้เจ็บตัว
ทั้งเครื่องหน้าที่สวยเฉี่ยว เรือนผมสีดำขลับที่ยาวสลวยทิ้งน้ำหนักไปถึงเอว ตัดกับผิวกายที่ขาวอมชมพูดูเรียบเนียนน่าสัมผัส
ทุกอย่างสวยสมบูรณ์พร้อมโดยธรรมชาติ แม้ไม่มีตำแหน่งดาวมหา’ ลัยพ่วงท้าย แต่ทุกการย่างก้าวของเธอล้วนดึงดูดให้บางคนที่อยู่ในมหา’ลัยนี้จ้องมองราวกับโดนมนต์สะกดก็มิปาน
“แม่เจ้าเว้ย! คนหรือนางฟ้าวะนั่น”
เสียงซุบซิบของนักศึกษาหนุ่มที่นั่งจับกลุ่มอยู่หน้าคณะ ร้องแซวไม่ขาดปาก
ทว่าคนที่กำลังเป็นจุดเด่น ที่ไม่ได้ต้องการให้ตนตกเป็นเป้าสายตาจนถูกคุกคามทางอ้อมเช่นนี้ กลับรีบซอยเท้าเดินหนีขึ้นตึกไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนชั้นปีสอง ที่นั่งจับกลุ่มเม้าท์มอยอยู่ใต้ตึกเรียน
ระหว่างทางเดินสวนกับอาจารย์ศรันย์ อาจารย์หนุ่มแว่นตาหนาจอมจุ้น ที่สอนวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิกในภาคเรียนนี้
เจณิส ยกมือไหว้ทักทายเขาตามมารยาท เนื่องจากในช่วงสายของวันนี้เธอมีเรียนคาบของเขา นักศึกษาสาวพยายามเดินเลี่ยงไม่กล้าสบตา เกรงว่าอีกฝ่าจะทวงถามถึงการบ้านที่สั่งไว้
“คุณเจณิสตา คาบเรียนวันนี้กรุณาส่งงานด้วยนะครับ เพราะถ้าไม่ส่งผมจะจำเป็นจะต้องหักคะแนนส่วนนี้ของคุณ ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่เข้าใจตรงไหนรึเปล่า?”
“ไม่มีค่ะ...หนูจะรีบทำให้ทันส่งวันนี้ค่ะ” เจณิสถึงกับหลบตาเพราะยังไม่พร้อมส่ง แต่จะตอบไปตามตรงก็ไม่ได้
“ก็ดี งั้นเอาเป็นว่าไม่เกินเย็นนี้ ถ้าช้ากว่านี้ผมไม่รับ เพราะหลังจากวันนี้เป็นวันหยุดยาว ผมไม่ได้แวะเข้ามาที่มหา’ ลัย ยังไงรบกวนนักศึกษา แจ้งกับเพื่อนปีสองให้รีบส่งงานวิชาของผมด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ อาจารย์....”
“ฝากด้วยนะครับ” อาจารย์หนุ่มย้ำก่อนเดินจากไป
๐๐๐๐๐
ไม่ไกลกันนั้น นักศึกษาชายปีหนึ่งกลุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ใต้อาคารต่างก็นำเรื่องของพี่เจณิส รุ่นพี่ปีสองคณะนิเทศศาสตร์ มาพูดหยอกแซวกันในหมู่เพื่อนฝูงอย่างสนุกปาก
“ผู้หญิงอะไรสวยชะมัด แฟนกูปั้นหุ่นได้แบบนี้เมื่อไหร่ กูจะไม่ลืมพระคุณเด็ดขาด”
“เออก็ว่างั้นแหละ มองไม่เบื่อเลยเว้ย หุ่นเจ๊แก่แม่งน่าล่อชิบหาย อิจฉาผัวแก รุ่นพี่แกมีแฟนรึยังวะ มีใครเคยเข้าไปจีบป่ะ สวยขนาดนั้นกูว่าคงมีแล้วแน่ ๆ”
“แต่กูว่าไม่น่ามีหรอกมั้ง หยิ่งขนาดนั้น กูไม่เห็นรุ่นพี่เขาจะสุงสิงกับผู้ชายคนไหนเลย แว่วๆ มาว่าเจ๊แกเป็นเบี้ยนว่ะ!”
“จริงดิ! ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เสียดายของชิบหาย”
“ให้ตายสิถ้าได้ล่อพี่แกสักครั้ง กูสัญญาว่าจะบวชให้10 วันเลย--”
โป๊ก โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก!
กระดาษที่ถูกม้วนจนแข็งฟาดลงกลางหัวของนักศึกษาชายกลุ่มดังกล่าวราวกับเป็นเกมตีตัวตุ่น
“โอ๊ย! เจ็บนะ ‘จารย์ ฟาดมาได้พรุ่งนี้ฉี่รดที่นอนทำไง”
“ที่นี่มันสถานศึกษา แล้วคนที่พวกนายพูดถึงอยู่ก็เป็นผู้หญิง จะพูดจะจาอะไรควรให้เกียรติเขาหน่อย เขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่ ลองถ้ามีผู้ชายคนอื่นมาพูดถึงน้องสาว พูดถึงแม่ พูดถึงแฟนของพวกนายแบบนี้ ยังจะระรื่นได้อยู่มั้ย ผีเจาะปากจริงนะพวกนาย อยากโดนหักคะแนนรึไง เจ้าเด็กเวรพวกนี้!”
อาจารย์หนุ่มสี่ตาเทศนาเหล่าลูกศิษย์ปากไวของตัวเองอย่างเอือมระอา ก่อนเดินไปทักทายอาจารย์ที่รู้จัก โดยปล่อยให้นักศึกษาหนุ่มลูบหัวปอยๆ ด้วยความงุนงง
“อะไรของเจ้าแว่นนั่น เมียไม่ให้ล่อรึไง ดุเป็นเสือแต่เช้า”
“กูว่าไม่ใช่เมียแต่เป็นผัวพี่แกมากกว่า แต๋วขนาดนั้น ฮะ ฮะ ฮ่า” เสียงหัวเราะชอบใจของนักศึกษาชายกลุ่มนั้นดังลั่นไปทั่วบริเวณ
๐๐๐๐๐
เขาชื่อ ศรันย์ อายุ 28 ปี เป็นอาจารย์พิเศษสอนที่มหาวิทยาลัยนี้มาได้ปีกว่า ๆ แล้ว สอนวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิกและมัลติมีเดียซึ่งเป็นสายวิชาที่เรียนจบโดยตรงมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากต่างประเทศ
เขาไม่ได้อยากเป็นครูสอนใคร ก่อนหน้านี้คนรู้จักแนะนำให้ไปช่วยเป็นครูสอนพิเศษเด็กม.ปลายที่โรงเรียนเอกชนอยู่ครึ่งเทอม แต่ภายหลังได้ขอลาออก เพราะเบื่อกับกฎระเบียบที่เข้มงวด
ทว่าด้วยวุฒิการศึกษาและความสามารถในสายงานที่ร่ำเรียนมาอย่างเชี่ยวชาญ ทำให้ว่างงานอยู่ไม่กี่เดือนก็ถูกเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จัก แนะนำให้ลองยื่นใบสมัครมาเป็นอาจารย์วิชาความรู้ให้กับเด็กระดับอุดมศึกษาดูบ้าง
เดิมทีแค่ลองสมัครมาเล่น ๆ แต่ไม่คิดว่าทางมหาวิทยาลัยแห่งนี้จะรับเข้าทำงานจริง ๆ เพราะค่าตอบแทนจากการว่าจ้างที่เรียกไป ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูงมากทีเดียว
นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้รับจ๊อบสอนแค่ที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังรับทำงานฟรีแลนซ์ในการสายกราฟิกและมัลติมีเดียให้กับบริษัทชั้นนำ ที่ให้ค่าตอบแทนสูงอีกหลายแห่ง
ใต้ตึกเรียนของคณะนิเทศฯ
เจณิส นั่งรวมกลุ่มกับเหล่าเพื่อนสนิทปีสอง เร่งปั่นงานที่คั่งค้างแข่งกับเวลา ในขณะที่หัวข้อบทสนทนาของเพื่อนร่วมกลุ่มในเวลานี้กำลังลุ้นไประทึกกับเรื่องเล่าสุดร้อนแรงของ อิงฟ้า เพื่อนสนิทในกลุ่มเดียวกันที่อายุมากกว่าหนึ่งปี ซึ่งเคยเป็นนักศึกษารุ่นพี่ที่ย้ายมาจากคณะอื่น
โดยวันนี้เจ้าแม่นักรักอย่างอิงฟ้า ได้หยิบเอาประสบการณ์นัดยิ้มกับผู้ชายในแอพพลิเคชั่นหาคู่ มานั่งเม้าท์ให้กลุ่มเพื่อนสาวได้รับฟังอย่างออกรส
“พอฉันไปเจอผู้ชายคนนั้น คือแบบ.... แบบว่า แบบว่า....”
“แบบว่าอะไร! หล่อนนี่ก็ยึกยักซะจริง อีพี่อิงฟ้า! คนฟังยิ่งลุ้น ๆ อยู่ ซู๊ดดดด” วินดี้ นักศึกษาสาวผมซอยสั้น ที่มีนิสัยห้าวกว่าใครเพื่อน เร่งเร้าอย่างขัดใจคนเล่าที่มัวแต่ยึกยักมากท่า
“แหม...แบบว่าตรงปกเว่อร์ ดีเกินคาด ดีลเลยค่ะตอนนั้น”
“แล้วเป็นไง...ไอ้นั่นน่ะ...เด็ดมั้ย?” ทับทิม เพื่อนสาวร่างอวบซักถามด้วยแววตาเป็นประกาย
“ที่สุด~ คุณพี่นี่ร้องกรี๊ด! เลยล่ะ ขนาดเท่านี้ได้ละมั้ง” นักศึกษาสาวเจ้าของเรื่องงอมือเทียบขนาดอวัยวะเพศของชายหนุ่มที่ตนมีสัมพันธ์ด้วยให้เพื่อนสาวดู
“ต๊าซซซ! ปังมากแม่! จุกแทนเลยง่า กรี๊ดดด!” ทับทิมหวีดร้องแซว
“แต่หน้ากับหุ่นว่าปังแล้ว ไอ้นั่นปังกว่าจ้า ใหญ่ยาวไม่พอ แถมอึดอีกต่างหาก แรงดีไม่มีตก ถุงยางหมดกล่องอ่ะคิดดู~”
นักศึกษาสาวผู้เจนจัดในเรื่องคาวโลกีย์สาธยายฉากร่วมรักของตนกับคู่นอนหนุ่มให้สหายสาวฟังอย่างถึงพริกถึงขิง เรียกเสียงหวีดร้องด้วยความชอบอกชอบใจจากเหล่าเพื่อนสาวได้ดีทีเดียว
“แซ่บเว่อร์!!!”
“พูดแล้วเปรี้ยวปากอยากกินอีก ~” อิงฟ้าบ่นพลางเลียริมฝีปาก
“เบาได้เบาแม่ มีผัวแล้วนะเราอ่ะ” วินดี้สกัดความคันของเพื่อนสาวด้วยการตอกย้ำความจริงของอีกฝ่าย
“แหม~ ก็นิดนึง” อิงฟ้าขยิบตายิ้มหวาน
“ปุ๊บปั๊บอีกไม่นานก็จะสอบไฟนอลแล้ว เร็วชะมัด ว่าแต่วันหยุดยาวนี้ พวกแกไปที่ไหนกันบ้าง มีใครอยู่กรุงเทพฯ ป่ะ? หรือออกไปต่างจังหวัดกันหมด วันหยุดตรงกับวันเกิดเจณิสด้วยนี่ จะฉลองรึเปล่า? ร้านเดิมดีมั้ย?” วินดี้หันมาถามเพื่อนที่ถูกตั้งฉายาว่าเป็นคุณหนูประจำกลุ่ม
“ยังไม่รู้เลย เอาไว้โทร. นัดกันอีกทีนะ” เจณิสตอบแบ่งรับแบ่งสู้
“อะไรกันมีแพลนเสียตัวฉลองวันเกิดรึไงยะ แม่ลูกคุณหนู มีอะไรให้เจ้สอนก็บอกได้นา~” อิงฟ้า ออกปากแซวแรง
“เปล่าซะหน่อย ใครจะเหมือนเจ้ล่ะคะ” คนถูกแซวปฏิเสธทันควันพลางส่ายหัวให้กับมุกหยอกเย้าของเพื่อนรุ่นพี่
“อีเจ้ ฉันว่าหล่อนอย่าสอนคนอื่นเลย นู่น...เอาเวลาไปดูผู้ของตัวเองก่อนมั้ย ตะกี้ฉันเห็นพี่กันย์มันนั่งหลีสาวที่หน้าตึกบริหารมากับตา ว่าจะบอกอยู่แต่ก็ลืม” วินดี้เปิดประเด็นรายงานกลางวงสนทนา ทำเอาอิงฟ้าหูผึ่งก่อนจะรีบยกมือถือขึ้นโทร. หาแฟนหนุ่มขี้หลีของตนทันทีทันใด
“เฮ้อออ~ อยากให้ถึงชั่วโมงปรัชญาเร็วๆ จัง” ทับทิมพูดพลางทำหน้าเพ้อ
“แกอยากเรียนวิชาปรัชญา หรือว่าอยากดูกล้ามล่ำเป้าแน่นอาจารย์เฉินกันแน่ยะ นังทับทิม!” วินดี้ คนปากไวตอกกลับอย่างเพื่อนสาว
“กรี๊ด! เป้าอะไรยะ! ลามก อย่ามาใส่ร้ายอิเพื่อนชั่ว! ฉันเป็นคนใส ๆ ไม่เคยมีความคิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย” ทับทิมแก้ต่างให้กับตัวเอ็งเสียงกร้าว
“สาบานให้บ้านบึ้มสิ” วินดี้แดกดันอย่างรู้ทัน
“แหม มันก็นิดๆ หน่อยๆ เองน่ะ ฉันไม่ชอบพวกละอ่อนไก่อ่อนนี่นา เพราะงั้นอาจารย์หนุ่ม ๆ นี่แหละสเปกเลยจ้า ในบรรดาอาจารย์ผู้ชายที่สอนเรา อาจารย์เฉินนี่แหละน่าสนใจกว่าใครเพื่อนแล้ว อายุยังน้อยแถมยังไม่มีครอบครัว แอ๊วได้ไม่ผิดผี~” ทับทิมเถียงหน้าตาย
“แต่ฉันว่าอาจารย์ศรันย์ ก็น่าสนใจดีนะ...”
คำตอบเรียบเฉยของคุณหนูประจำกลุ่มที่นั่งเป็นผู้ฟังอยู่นาน ทำเอาเพื่อนในวงสนทนาขำก๊าก เพราะไม่คิดว่าเพื่อนสาวจะประชดความหื่นกามของเพื่อนฝูง ด้วยการเสนอชื่ออาจารย์หนุ่มมาดเนิร์ดขึ้นมากลางวงสนทนา
“โธ่! ยัยเจณิส ฉันส่องผู้ค่ะ ไม่ใช่หาพระ อาจารย์ศรันย์ผิวดี รูปร่างดีก็จริง แต่ไม่ใช่แนวฉัน ติ๋มไป อีกอย่างข่าวลือเรื่องที่พี่แว่นแกเป็นเก้งยังไม่จางเลยด้วยซ้ำ หนุ่มติ๋มหน้าจืดที่วันๆ เอาแต่ป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ชิดกับนักศึกษาผู้ชาย ฉันว่าเขาอาจชอบผู้ชายก็ได้นะ อยู่ที่ว่าจะรุกหรือรับ” ทับทิมร่ายยาว
“แต่ฉันว่าอาจารย์ก็คงไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอกมั้ง” เจณิส ออกความเห็นแย้งเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจัง
“เห? ยังไงเนี่ย? ทำไมคนที่ไม่สนใจผู้ชายเอเชีย แถมมี สเปกเป็นหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวอย่างแก จู่ ๆ ถึงได้ออกตัวแก้ต่างให้เจ้าแว่นนั่นได้ล่ะ หืม?” วินดี้หลิ่วตามองหมายจ้องจับผิด
“คิดมากไปแล้ว ฉันก็แค่จำมาจากคำพูดของเจ้อิงฟ้าต่างหากล่ะ” เจณิส ชี้แจงก่อนก้มหน้าทำงานต่อ
“โอ้ย! นังวินดี้แกอย่าไปเซ้าซี้มันเลย เรด้าร์สแกนเก้งกวางบ่างชะนีของยัยเจณิสมันดีซะที่ไหน หล่อนจำไม่ได้รึไง เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน แม่นี่ยังเข้าใจผิดคิดว่าน้องรุจปีหนึ่งในคณะเราเป็นชายแท้หนุ่มแมน ๆ อยู่เลย จนฉันกับแกต้องมาไล่เปิดเว็บที่น้องรุจเขาเป็นดาวให้นางดูถึงยอมตรัสรู้ได้ซะทีไม่ตรงปก!”
“เออ ก็จริงของแก น้องรุจนั่นสินะ ฮะ ฮะฮะ!”
วินดี้หลุดขำเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เช่นเดียวกับทับทิมที่ตอนนี้นั่งหัวเราะจนต้องเอามือกุมท้องเพราะฮาจัด
“โอ้ย! คิดแล้วฮาชะมัด ฉี่จะเล็ดแล้วเนี่ย ฮะ ฮะ ฮะ” ทับทิมหัวเราะแซว ส่วนคนที่เป็นสาเหตุให้เพื่อนซี้หัวเราะร่วน ทำหน้างอรู้สึกเคือง ๆ ที่ถูกเพื่อนหยิบเอาเรื่องน่าอายนี้ขึ้นมาพูดอีก
“จ้า จ้า จ้า ผิดเองที่ดูคนไม่เก่ง แต่ผิดพลาดแค่ครั้งเดียว แซวยันลูกบวชเลยนะ” เจณิส ประชดเพื่อนอย่างหมั่นไส้