ตอนที่ 6 งานแต่งงานของเรา พี่ไม่ยกเลิกมันหรอกนะ 2/2

3122 คำ
ชายหนุ่มและหญิงสาวย้ายสถานที่มายังด้านหลังของร้านบ้านเพื่อน แม้จะไม่ได้สวยงามเหมือนหน้าร้าน แต่ที่นี่ร่มรื่นด้วยต้นหูกระจงแผ่กิ่งกว้างจนบังแดดแรงในยามสายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งพื้นหญ้าแสนนุ่มถูกดูแลโดยไม่ขาด ไม่มีแม้แต่วัชพืชขึ้นมาให้กวนใจ ต้องยกความดีความชอบให้เจ้าของคนเก่า ต่อให้ตึกสองชั้นแห่งนี้ไม่ได้ทำกำไรให้แล้ว แต่ก็ยังแวะมาดูแลเรื่อย ๆ ทำให้ทั้งสองสาวแทบไม่ต้องลงทุนตกแต่งภายนอกสักเท่าไหร่ โต๊ะกลมขนาดเล็ก พร้อมเก้าอี้เหล็กดัดสีขาว ตัดกับสนามหญ้าสีเขียว ถูกวางเอาไว้แค่สามชุดเท่านั้น เพราะไม่ค่อยมีใครอยากออกมาสู้แดดข้างนอกสักเท่าไหร่ สู้นั่งรับอากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศภายในร้านจะดีกว่า ทั้งสองนั่งลง และยังคงเงียบอยู่สักพัก ตอนนี้อคิราห์ไม่ค่อยกล้าสบตาชายตรงข้ามมากนัก เธอกำลังทิ้งสายตาบนลวดลายบนโต๊ะกลมเหล็กดัดสีขาวแทน เพราะเวลาที่เห็นดวงตาเฉี่ยวคมของเขาทีไร... มันนึกถึงแต่เรื่องที่แม่ตนพูดไม่หยุด ‘แม่อยากให้เอมแต่งงานกับราม’ ถึงแม้อคิราห์จะรู้จักรามสูรคนนี้มาตั้งแต่เด็กก็ตาม แต่จะให้แต่งงานอย่างที่คนเป็นแม่ต้องการ… มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งมาอยู่ตรงหน้าอย่างนี้แล้วด้วย… เธอยิ่งพูดไม่ออก ถ้าปฏิเสธไป… จะดีหรือเปล่า รามสูรจะคิดว่าเธอรังเกียจเขาไหม ทั้ง ๆ ที่เจ้าหล่อนเองไม่ได้คิดรังเกียจเขาเลย แต่ถ้าจะให้ตกลงแต่งงาน… อคิราห์ก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน เพราะความกลัวที่ตนเองหนีมาหรือเปล่า หรือเพราะ... กลัวใจตัวเองกันแน่ “คุณป้าได้คุยกับเอมเรื่องการแต่งงานของเราแล้วใช่หรือเปล่า?” เห็นนั่งเงียบอยู่นาน และดูท่าทีหญิงสาวตรงหน้าไม่มีทางพูดก่อนแน่ รามสูรจึงพูดออกไป… แถมยังตรงกับเรื่องที่กำลังกังวลพอดีเป๊ะ!! ก็แน่ล่ะ มันเป็นเรื่องที่ชายหนุ่มต้องการมากที่สุดนี่! “อะ… อืม” เธอกังวลจนออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน “แล้วเอมคิดว่าอย่างไร?” “เอมไม่อยากแต่งค่ะ” อคิราห์ตอบทันที “อืม… พี่ก็คิดว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผลจริง ๆ ถ้าต้องแต่งงานเพราะสะเดาะเคราะห์แบบนั้น” รามสูรพูดกับตัวเอง… เสียงดังแบบจงใจให้คนตรงหน้าได้ยินชัดเจน “เดี๋ยวนะคะ… หมายความว่าอย่างไรคะพี่ราม สะเดาะเคราะห์อะไรหรือคะ?” คราวนี้เจ้าหล่อนกล้าสบตากับชายหนุ่มแล้ว หลังจากก้มมองพื้นโต๊ะกลมอยู่นานสองนาน “แล้วคุณป้าไม่ได้บอกเอมเหรอ? ว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร?” ตอนนี้อคิราห์ค้างไปทันที ตั้งแต่เธอขึ้นห้อง เจ้าตัวก็ไม่ลงมาอีกเลย แม้กระทั่งมื้อเย็นเธอยังไม่แตะ เพราะไม่อยากลงไปตอบคำถามของแม่ตนเอง จนลืมคิดไปว่าผู้เป็นแม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องการให้เธอแต่งงานกับรามสูรกันแน่ สำหรับรามสูรนั้น เขารู้ดีว่าแม่ของหญิงสาว ไม่มีทางที่จะพูดเรื่องดวง หรือเรื่องความเชื่อกับลูกสาวเด็ดขาด และการที่เจ้าหล่อนคิดมากแบบนี้ เหมือนเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอกำลังคิดมากเรื่องที่จะต้องแต่งงานอยู่กินกับตัวเองไปจนวันตายนั่นแหละ… ดังนั้น ‘ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน ค่อยเริ่มรุกหลังแต่งก็ไม่สาย’ “เอม… ไม่ได้ถาม เอมคิดว่า…” เธอไม่กล้าพูดต่อว่าตนเองคิดไปไกลแค่ไหน แต่ถ้ามันแค่เรื่องเคราะห์อย่างที่ชายหนุ่มว่า เรื่องแต่งงานอะไรนั่น… มันก็ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น… หรือเปล่า? “คิดว่าอะไรเอม?” “ปะ… เปล่าค่ะ แฮะ ๆ” ในที่สุดหญิงสาวก็ยิ้มออกมาเสียที “สำหรับพี่จะยังไงก็ได้ ตอนนี้อยู่ที่เอมแล้ว จะแต่งงานให้ผู้ใหญ่สบายใจ หรือจะไม่แต่งก็แล้วแต่เอมเลย” รามสูรเปิดทาง… เพื่อตะล่อมเหยื่อ “แต่มันเรื่องใหญ่นะคะ แต่งงานเลยนะ สำหรับเอมที่เป็นผู้หญิง ยังไงก็มีแต่จะเสียหาย ถึงจะบอกว่าแต่งเพื่อสะเดาะเคราะห์ก็เถอะ ใช่ว่าทุกคนจะรู้เหมือนกันนี่คะ” โดยเฉพาะคนที่มีคดีเก่าอย่างอคิราห์ เรื่องที่เจ้าหล่อนโดนทิ้ง แถมยังมีข่าวลือแปลก ๆ ว่าไปเป็นเมียน้อยคนอื่นมาแล้วด้วย การแต่งงานครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่เป็นผลดีต่อทั้งตัวเธอ และรามสูรสักเท่าไหร่ “พี่ราม~ ไม่มีวิธีอื่นเลยหรือคะ? ทำไมต้องแต่งงานด้วย เอมว่ามันอาจจะมีวิธีอื่นก็ได้” เสียงใสเริ่มอ้อน ตอนนี้เธอเบาใจไปกว่าครึ่ง ถ้าแค่เรื่องสะเดาะเคราะห์ล่ะก็ รับรองว่าลูกอ้อนของเธอใช้ได้ผลแน่นอน เว้นแต่… “พี่รามก็ไม่อยากแต่งใช่หรือเปล่าคะ?” “พี่ยังไงก็ได้” ...รามสูรไม่ค่อยจริงจังกับปัญหานี้เลยสักนิด “ไม่ยังไงก็ได้สิคะ พี่รามไม่ได้อยากแต่งจริง ๆ หรอก… เพราะพี่รามก็มีคนที่พี่รามชอบไม่ใช่เหรอ? แต่งงานกับเอม… ไม่เป็นผลดีหรอกนะ” เธอยังคงพูดอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง ยิ่งเป็นเรื่องผู้หญิงคนเก่าที่ลือให้ทั่ว เจ้าหล่อนยิ่งไม่อยากพูดถึง… เพราะอะไรนั้น ตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน “ถ้าเรื่องนั้น… พี่ไม่เคยมีใครที่ชอบเลยนะ เอมจะเชื่อข่าวลือ หรือว่า… เชื่อพี่กันล่ะ?” รามสูรกรีดยิ้มขึ้นมุมปากเล็กน้อย มองคนทำตาเลิ่กลั่กเจ้าตัวคงไม่ได้อัปเดตข่าวลือเลยสินะ ว่าตอนนี้เขาโสดแล้ว โสดพร้อมแต่งเต็มที่ “เอาเถอะ เอมจะลองคิดก่อนก็ได้ พี่ไม่ได้กดดันเอมขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร… พี่ก็ยังอยากแต่งงานกับเอมนะ” ‘แย่ล่ะ เผลอพูดเรื่องที่ต้องการออกไปเสียได้!’ “คะ?” อคิราห์สะดุ้งเมื่อได้ยินประโยคของชายหนุ่มแบบเต็มสองหู ก่อนรามสูรจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “มะ… เมื่อกี้… พี่รามพูดว่าอะไรนะคะ?” “พี่ไปก่อนดีกว่า เอมคิดได้อย่างไรก็มาบอกพี่นะ” แล้วเขาก็หันหลังเดินจากไป… พร้อมใบหน้าแดงก่ำจนถึงใบหู “ให้ตายเถอะ! ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปไม่ใช่เหรอ ไอ้ราม!?!” ส่วนคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม พร้อมถ้อยคำของชายหนุ่มยังหมุนวนเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง แก้มทั้งสองตอนนี้ร้อนฉ่าไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ “ดะ… แดดแรงจังเลยนะ” ใช่… ฟ้าครึ้มเชียว ฝนคงตกจริง ๆ นั่นแหละ เมื่อวันใหม่มาถึง บรรยากาศรอบกายของหญิงสาวกลับมาเป็นปกติเรียบร้อย ไม่ต้องฝืนตัวเองตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นเพื่อหนีหน้าใครบางคน แถมตอนนี้... ยังอยู่บนรถยนต์คันใหญ่ของเขาอีกต่างหาก “มันไม่ได้มีแค่วิธีแต่งงานนะคะ ยังมีอีกตั้งหลายวิธี เอมลองหารีวิวพระอาจารย์ดัง ๆ แล้ว” เจ้าหล่อนหันหน้าจอแท็บเล็ตซึ่งสรุปโดยย่อและเข้าใจง่ายเอาไว้เรียบร้อยให้คนกำลังมองทางข้างหน้าดู “ไม่เห็นต้องแต่งงานเลย” “แต่อย่างไรพี่ก็ยังอยากแต่งงานกับเอมนะ คุณป้ายังพอว่า แต่คุณแม่พี่เชื่อเรื่องพวกนี้อย่างกับอะไรดีเอมก็รู้ ถ้าเอมไม่แต่งด้วย คงไปหาใครก็ไม่รู้มาแต่งกับพี่อยู่ดี สู้แต่งกับเอมดีกว่า” รามสูรอธิบายด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวจอดตรงหน้าร้านบ้านเพื่อน “ต้องแต่งจริง ๆ เหรอคะ? แต่เอมไม่อยากแต่งนี่” เจ้าหล่อนมุ่ยหน้าทันทีเมื่อไม่ได้ดั่งใจ “เดี๋ยวเอมไปคุยกับคุณป้าดีหรือเปล่าคะ?” “คุณย่าด้วย” “คุณย่าเป็นหน้าที่พี่รามได้หรือเปล่าคะ เอมไม่กล้า” เจ้าหล่อนเสียงอ้อมแอ้มทันทีเมื่อพูดถึงหญิงผู้มีความน่าเกรงขามที่สุดอย่างรจิต “เอม... เอมกลัวคุณย่าขนาดไหน พี่ก็ไม่ต่างกันนักหรอก” เรื่องความน่ากลัวของหญิงผู้นี้ ซึ่งเคยมีข่าวลือว่าสมัยก่อนตอนท่านยังสาว เคยสู้กับโจรด้วยมือเปล่ามาแล้ว แม้ความจริงจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือก็ตาม แต่ความเด็ดขาดนั้นเรื่องจริง โดยเฉพาะหลานอย่างรามสูร... รู้ดีที่สุด เลยกลายเป็นว่าเด็กสาวข้างบ้านอย่างอคิราห์ จึงเป็นอีกคนที่ถูกรจิตสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ทั้งเรื่องงานครัวต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน และเป็นสาเหตุหลักที่อคิราห์เลือกเรียนคหกรรมนั่นเอง “โธ่! พี่ราม... เอมไปแล้ว ตอนเย็นไม่ต้องมารับนะคะ เดี๋ยวเกี๊ยวไปส่ง” เจ้าหล่อนรีบสะบัดตัวลงรถยนต์คันใหญ่ทันที แถมหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ชายหนุ่มในรถอีกรอบ เพราะโดนขัดใจไม่เลิก “เฮ้อ~ เอม... พี่ไม่มีวันพูดเรื่องยกเลิกงานแต่งของเราหรอกนะ” ต่อให้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม... คนหน้าบอกบุญไม่รับเดินเข้ามาในร้านของตัวเอง วันนี้มีออร์เดอร์แค่ไม่กี่อย่าง เจ้าหล่อนเลยมาสายกว่าปกติ แต่เมื่อเข้ามาในร้าน เสียงประชดประชันของเพื่อนตนกลับไม่ทำงานเหมือนทุกที “เอม” แต่เป็นสีหน้าที่เคร่งเครียดแทน พร้อมเดินตรงมาหาเพื่อนตน “มาคุยกันหน่อย” “มะ... มีอะไร?” งามรัมภาไม่ตอบอะไร เข้ามาคว้าข้อมือของเพื่อนสนิทให้เดินตามไปหลังร้านทันที อีกครั้งที่อคิราห์มาหยุดที่สวนด้านหลัง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้เหล็กดัดลวดลายตัวเดียวกับเมื่อวาน ตอนนี้ชักเริ่มไม่ชอบที่นี่เท่าไหร่แล้ว เพราะเวลามาตรงนี้ทีไร ต้องมีเรื่องให้ปวดหัวทุกครั้ง “อะไรเกี๊ยว หน้าเครียดเชียว” เพื่อนตนนั่งลงฝั่งตรงข้ามทันที แต่สีหน้าเจ้าหล่อนไม่ดีขึ้นเลยสักนิด หรือว่า... “เดี๋ยวนะเกี๊ยว... แกติดโรคจริง ๆ ใช่หรือเปล่า?” “ไอ้นี่!!” เข้าใจว่าอคิราห์เป็นคนจินตนาการเก่ง แต่บางทีก็เกินไป “ไม่ใช่ย่ะ!! เห็นอย่างนี้ฉันเลือกนะโว้ย!!” “อ๋อเหรอ~ ก็มันอดคิดไม่ได้นี่” เจ้าหล่อนบุ้ยปากไปหนึ่งที “แล้วมีอะไร ถึงลากมาตรงนี้?” “เมื่อเช้า มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเข้ามา ที่จริงก็เป็นลูกค้าประจำนั่นแหละ แต่แกไม่รู้เพราะชอบมาสายเป็นประจำ” “เข้าเรื่องเลย จะวกมากัดฉันทำเพื่อ!?!” “อ่อ โทษที” งามรัมภายิ้มแหยให้เพื่อนของตน ก่อนจะปรับโหมดจริงจังอีกครั้ง “ลูกค้ากลุ่มนั้นเป็นตำรวจ” “แล้ว?” “ก็ได้ยินมาหลายวันแล้ว ว่าจะมีตำรวจคนใหม่ย้ายมา เห็นว่าทำเรื่องย้ายมาเองเชียวนะ” งามรัมภายังคงจ้องมองใบหน้าของเพื่อนสนิท จากสีหน้าดูไม่คิดอะไร ตอนนี้กำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นความกังวลเต็มใบหน้าทีละน้อย “แก... จะพูดอะไรกันแน่” คนมาสายเริ่มหน้าถอดสี และพูดอึกอักอยู่ในลำคอ อคิราห์ใจเริ่มเต้นรัวอีกครั้ง ยิ่งได้เห็นหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนตนแบบนี้ ยิ่งไม่อยากคิด ว่าสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดมากที่สุด... กำลังจะเกิดขึ้นมาจริง ๆ “วันนี้ฉันทนไม่ไหวเลยถามว่าใครกันแน่ที่จะย้ายมา” งามรัมภาลังเลเพียงครู่ว่าจะพูดดีหรือไม่ “ฉันสงสัยมาตั้งแต่ได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกันแล้ว จะมีตำรวจที่ไหนย้ายตัวเองจากเมืองหลวง มาจังหวัดเล็ก ๆ แบบนี้กัน” “เกี๊ยว...” “ฉันภาวนาว่าไม่ใช่ แต่... สงสัยฉันทำบุญน้อยไปหน่อย เลยภาวนาไม่สำเร็จ” “...” “มันจะย้ายมาเร็ว ๆ นี้...” งามรัมภาเอื้อมมือไปกุมมือสั่นเทาของเพื่อนตนแน่น “...เอม ตอนนี้มีแค่วิธีเดียวแล้วนะ แต่งงานกับพี่รามซะ แกไม่มีเวลาแล้ว ฉันอยากให้แกแต่งงานกับพี่รามตอนนี้เลยด้วยซ้ำ” “ฉันจะทำยังไงดี... เกี๊ยว” เสียงอคิราห์สั่นเครือ เหมือนถูกค้อนฟาดเข้าที่ศีรษะแรง ๆ ตอนนี้อคิราห์มึนไปหมดเมื่อรู้ว่าคนที่ทิ้งเธอไป กำลังย้ายมาอยู่ใกล้ตนอีกครั้ง เจ้าหล่อนพยายามหนีจนรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว แผลกำลังจะหาย แต่ทำไมจึงเป็นแบบนี้กัน งามรัมภาลุกขึ้น เดินอ้อมมาหาเพื่อนของตน ก่อนจะรั้งร่างสั่นเทาเข้ามาโอบกอดเอาไว้อย่างแผ่วเบา ไม่นาน... เสียงสะอื้นของอคิราห์... ได้เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง คนเป็นเพื่อนอย่างงามรัมภาไม่ชอบสถานการณ์ตอนนี้เลยสักนิด ภาพของคนในอ้อมกอดในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายตอนกลับมาที่นี่ใหม่ ๆ มันยังติดตา… และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก “ไม่เป็นไร แกมีฉันอยู่เอม มีอีกหลายคนที่พร้อมจะปกป้องแก ฉันสัญญาว่าจะกันมันออกไปให้ได้ และไม่ให้มันมายุ่งกับแกอีก” งามรัมภาตบหลังเล็กสั่นไหวนั้นอย่างเบามือ “เกี๊ยว... ฮือ” อคิราห์กอดเพื่อนตนเองแน่น กลัวเหลือเกิน กลัวว่าการได้เจอกันอีก จะทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม “อืม ร้องเถอะ ร้องออกมาเยอะ ๆ แล้วเลิกร้องเพราะมันอีก” “ฉัน... ฉันตัดสินใจแล้ว” อคิราห์ผละตัวเองออก พร้อมน้ำตาอาบแก้มทั้งสอง ดวงตากลมจ้องมองเพื่อนของตน พร้อมการตัดสินใจครั้งสำคัญ “ฉันจะแต่งงานกับพี่ราม” “อืม... ฉันจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้แกเอง ยอมใส่กระโปรงหนึ่งวันเลย” “ชิ!” อย่างน้อยมุกหงอย ๆ ของงามรัมภาก็ทำให้เพื่อนของตนยิ้มออก แม้เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น มันน่ากังวลไม่น้อยเลยก็ตาม ‘ต้องแต่งงานจริง ๆ สินะ’ ‘ใช่ครับ คุณ ‘ภูริช’ กำลังจะย้ายไปจังหวัดและอำเภอที่คุณหนูสงสัยจริง ๆ ครับ ตอนนี้เรื่องถูกอนุมัติแล้ว คงยากที่จะเปลี่ยนแปลง’ เมื่อเห็นข้อความ ‘หนึ่งนารี’ แทบจะลุกเป็นไฟเสียให้ได้ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ชายหนุ่มเป็นของเธอแล้ว แต่ทำไม… ทำไมจึงพยายามจะหนีเธอไปอีก!! แกรก! เสียงลูกบิดประตูตามมาด้วยประตูบานใหญ่กำลังถูกเปิดออก ร่างสูงหุ่นกำยำมาในชุดเครื่องแบบสีกากี เห็นว่าวันนี้มีประชุมด่วน อีกทั้งยังมีผู้ใหญ่หลายท่านเข้าประชุม ทำให้เขาต้องแต่งกายเต็มยศ แม้ความจริงแล้วเจ้าตัวไม่ค่อยชอบก็ตาม แต่เมื่อเข้ามา ก็พบกับหญิงสาวคุ้นหน้ากำลังกอดอกนั่งรอตนเองอยู่ พร้อมสีหน้าบึ้งตึง ทำให้เดาได้ทันทีว่าเจ้าหล่อน คงรู้เรื่องที่ตนเองทำเรื่องย้ายแล้ว “อ้าว คุณยังไม่นอนอีกเหรอ? นี่ก็ดึกแล้วนะ” “ทำไมคะ? ปกติริชไม่ได้สนใจหนึ่งขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ?” เธอลุกพรวด และตรงไปหาชายหนุ่ม ซึ่งเขาทำหน้าเบื่อหน่ายกับเจ้าหล่อนเสียเหลือเกิน “ไม่คิดจะบอกกันเลยหรือคะ ว่าจะย้าย” “บอกไปก็เท่านั้น อย่างไรคุณก็ไม่ตามไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” ภูริชถอนหายใจออกมายาว พยายามจะเดินหลบหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของตนเอง แต่กลับถูกเจ้าหล่อนขวางเอาไว้อีกครั้ง “แล้วทำไมต้องไปที่นั่นด้วย! เพราะแฟนเก่าคุณอยู่หรือริช ถึงอยากไปที่นั่นนักหนา ถึงขั้นยอมลดเงินเดือน ยอมไม่เลื่อนตำแหน่งเพื่อจะย้ายไปหาเธอ รักเธอมากเลยหรือคะ!?!” “ใช่!!! ผมรักเอม รักมาก และรักแค่เอมคนเดียว ผมไม่เคยรักคุณเลยแม้แต่วินาทีเดียวหนึ่ง” ชายหนุ่มแผดเสียงดังลั่นใส่หญิงสาวตรงหน้า ทำให้เจ้าหล่อนน้ำตาร่วงเผาะ เจ็บปวดกับคำพูดเสียดแทงหลายต่อหลายครั้ง แต่เพราะเธอรักภูริชเหลือเกิน เลยยอมทน จนกระทั่งได้แต่งงานกัน… แต่มันก็แค่งานแต่งงาน เพราะชายคนนี้ แทบจะไม่มองหน้าเจ้าหล่อนเลยด้วยซ้ำ ในแต่ละวันทำเหมือนภรรยาคนนี้ไม่มีตัวตน และเอาแต่คิดถึงผู้หญิงคนอื่น!! “ผมแต่งงานกับคุณ เพราะพ่อคุณเป็นผู้มีพระคุณกับผม คุณน่าจะพอใจแล้วนะ แล้วจะเอาอะไรอีก?” ภูริชพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบหญิงตรงหน้าอีกครั้ง แต่มีหรือที่เธอจะไม่เข้ามาขวางเอาไว้ “คุณหนึ่ง ผมเหนื่อย!” “ห้ามไป!” “คำสั่งออกมาแล้ว ผมขัดมันไม่ได้” “หนึ่งจะบอกคุณพ่อให้ยกเลิกคำสั่งนั่นซะ!” อำนาจของพ่อเธอ มันยิ่งใหญ่ถึงขนาดออกคำสั่งตามความเอาแต่ใจของลูกสาวคนเดียวได้ และเธอก็ใช้มันเพื่อยึดครองชายตรงหน้าเป็นของตนเอาไว้ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับภูริชแล้ว บุญคุณที่ได้รับมันยิ่งใหญ่มากก็จริง แต่ถ้ามันถูกทวงบ่อยเข้า… เขาก็ไม่อยากจะสำนึกมันสักเท่าไหร่ “คุณหนึ่ง ผมเสียคนที่ผมรักไป เพื่อมาตามใจคุณ คุณน่าจะพอใจได้แล้วนะ ถ้าคุณไม่มีพ่อของคุณ… อย่าคิดเลยว่าผมจะเหลียวมอง” ชายหนุ่มพยายามเดินหลบหญิงสาวอีกครั้ง แต่… ผลัก!!! หนึ่งนารีออกแรงผลักชายหนุ่มจนเต็มแรง ด้วยร่างกายที่ต่างกันเกินไป ทำให้เจ้าหล่อนเป็นคนเซไปด้านหลังเสียมากกว่า แต่มันไม่เจ็บเท่าใจที่โดนทำร้ายครั้งแล้วครั้งอีก น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม แต่ดูเอาเถอะ คนเป็นสามีไม่คิดจะปลอบโยนเธอเลยด้วยซ้ำ “อย่าไปเลยนะริช หนึ่งรักริช อยู่กับหนึ่งที่นี่เถอะ นะคะ…” และอ้อนวอนอีกครั้ง ซึ่งมันไม่เคยได้ผล “ผมง่วงแล้ว” ชายหนุ่มปัดมือเล็กที่หมายจะเอื้อมมาใกล้ตนเองทิ้ง ก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเองไป ร่างเล็กทรุดตัวลงกับพื้น อีกครั้งที่เธอร้องไห้เพราะชายคนนี้ แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะตัดเขาออกจากใจ ทำไมกัน… ทำไมภูริชถึงเลือกผู้หญิงคนนั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่มีอะไรด้อยกว่าหล่อนเลย ‘ริชคะ... หนึ่งแค่รักริช... รักริชมากไม่น้อยไปกว่าเธอคนนั้นเลย’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม