ตอนที่ 7 แซวเล่น
“อืออ “เปลือกตาบางขยับยู่เข้าหากัน เมื่อรู้สึกตัวตื่นเป็นครั้งที่สองในช่วงบ่าย หลังจากหลายชั่วโมงก่อนถูกรุ่นพี่หนุ่มทารุณช่วงล่างไม่หยุดพัก จนสลบเหมือดไปอีกคาด้วยความเหนื่อยล้า “อึกเจ็บ! “มือบางยกขึ้นปิดหน้าร้องไห้โฮอย่างเจ็บร้าวไปทั่วทั้งตัว แทบจะขยับช่วงล่างไม่ได้
“ใจร้ายที่สุดเลย “มีนตราก่นด่าด้วยความเสียใจ เมื่อคำพูดทำร้ายจิตใจต่าง ๆ นานา และ การกระทำอันป่าเถื่อนของคลาสสิกประดังประเดเข้ามาในหัวไม่หยุด แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับรักเขาหมดหัวใจไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย เธอคงเป็นผู้หญิงโง่ในสายตาเขาไปแล้ว ซึ่งเธอยอมรับทุกข้อกล่าวหา…..
มือบางพลางกุมท้องน้อย เพราะอาการเจ็บ หน่วง ๆ พยายามประคับประคองร่างกายเปลือยเปล่า ที่เต็มไปด้วยรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ ก้าวขาสั่นเทิ้มลงจากเตียงใหญ่อย่างยากลำบากแทบจะทรงตัวไว้ไม่ได้ แต่ก่อนกลับห้องเธอก็ไม่ลืมนำผ้าปูเตียงที่เปื้อนเลือด กลับไปชักทำความสะอาดให้เขาที่ห้องของตัวเอง แม้ความเจ็บในทุก ๆ ส่วนจะไม่จางหายไปไหน
Rrrrrrrrrrrrr
เสียงริงโทนจากสายเรียกเข้าสั่นแรงปลุกให้หญิงสาวใต้ผ้าห่มผืนหนาสะดุ้งตัวตื่น มือบางพลางควานหาโทรศัพท์เครื่องหรูข้างหมอนใบใหญ่ ที่วางทิ้งไว้หลังจากทำอะไรเสร็จสับก่อนผล็อยหลับไป เมื่อเจอจึงคว้าขึ้นมากดรับสาย โดยไม่ทันได้มองรายชื่อบนหน้าจอสี่เหลี่ยมที่ปรากฏ
“ยัยมีนแกไม่สบายเหรอไม่เห็นมาเรียน เมื่อเช้าโทรไปก็ไม่รับ “ เสียงกล่าวถามกรอกเข้ามาด้วยท่าทีเป็นห่วง เมื่อหน้าจอสี่เหลี่ยมแนบกับใบหู
“อือ ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ “ มีนตราตอบกลับเสียงงัวเงีย พลางนวดคลึงขมับตัวเองเบา ๆ ด้วยอาการปวดหนึบ ๆ คล้ายถูกพิษไข้เล่นงาน
“แล้วกินยาอะไรยัง ถ้ายังเดี๋ยวฉันกับยัยผิงซื้อเข้าไปให้ “
“กินแล้วล่ะ กะว่านอนพักอีกสักหน่อยน่าจะหาย “
“แน่ใจนะ คืนนี้ให้พวกฉันไปนอนเป็นเพื่อนไหม? “
“ไม่เป็นไรแกแค่ปวดหัวนิดเดียวเอง ฉันอยู่ได้ “
“เค ๆ เดี๋ยวฉันเก็บงานที่อาจารย์สั่งไว้ให้ ตอนเย็นจะเอาเข้าไปให้นะ “
“เย็นนี้ฉันมีนัดกินข้าวที่บ้านน่ะ กะว่าจะนอนค้างที่บ้านเลย พวกแกยังไม่ต้องมาหรอก “ มีนตรารีบโพล่งคำโกหกออกไปทันทีด้วยน้ำเสียงผิดปกติ เธอไม่อยากให้เพื่อนทั้งสองเข้ามาเห็นสภาพโทรมราวกับศพเดินได้ของตัวเอง
“เออ ๆ โอเค ยังไงพรุ่งนี้ตอนบ่ายเจอกันก็ได้ แกพักผ่อนเถอะ “
“เค ขอบคุณนะ “ ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่หลังจากวางสาย สมองตื้อตันจนคิดอะไรไม่ออกจึงหลับตาลงอีกครั้ง พลางครุ่นคิดถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา ทำให้หยาดน้ำตาไหลซึมผ่านเปลือกตาที่ปิดสนิทลงข้างใบหู หยดแหมะลงหมอนใบใหญ่หยดแล้วหยดเล่า
@บ่อนกาสิโน Sun
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงปืนในสนามซ้อมยิงปืนสำหรับเจ้าของกาสิโนดังขึ้นระรัวอย่างต่อเนื่องไม่เว้นระยะ ราวกับคนที่ลั่นไกล กำลังระบายอารมณ์โกรธใส่เป้ากระสุนปืน
“วันนี้มันเป็นไรวะ ดูหงุดหงิดตั้งแต่มหาลัยละ ถามก็ไม่ตอบ “เอ็มเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย ขณะนั่งมองคลาสสิกกระหน่ำยิงปืนใส่เป้าหมายนานเกือบชั่วโมง
“เรื่องที่บ้านมั้ง หรือไม่ก็เรื่องน้องมีนตรา “ทอมแสดงความคิดเห็นพลางเลื่อนหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือเล่น โดยไม่ได้สนใจการยิงปืนของคลาสสิกสักเท่าไหร่
“คงงั้น แต่วันนี้ไม่เห็นน้องมีนตรามาหาไอ้คลาสเลยหนิ ปกติมาทุกวันที่มีเรียน”
“กูจะไปรู้ได้ยังไงนั่งอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเนี่ย!”
“กูไม่ได้ถามมึงแค่พูดให้ฟังเฉย ๆ ไอ้สัส!”
“ก็คิดว่าถาม…มึงอยากรู้ก็ถามมันเองเลยแล้วกัน เดินมานู้นล่ะ”
เอ็มมองไปตามสายตาของทอม ขณะที่คลาสสิกกำลังเดินตรงเข้ามาหน้าตาเคร่งตึง แลดูไม่สบอารมณ์กับเรื่องอะไรมาบางอย่าง
“ไง๊ เบื่อแล้วเหรอวะ? “เอ็มกล่าวถามเสียงสูงอย่างต้องการประชดประชัน เมื่อคลาสสิกเดินมาถึง
“กูจะเข้าไปเคลียร์งานสักหน่อย พวกมึงจะกลับหรือจะอยู่? “คลาสสิกทำเมินเฉยต่อคำถามของเอ็มแต่กลับเป็นฝ่ายตั้งคำถามกับเพื่อนทั้งสองแทน เพราะรู้จุดประสงค์ของเอ็มดีว่าต้องการอะไร
“สัส! ไม่ตอบคำถามกูก่อนวะ”
“คำถามมึงไร้สาระกูไม่อยากตอบให้เปลืองน้ำลาย”
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!”
“ตกลงเอาไง? ถ้าอยู่ต่อกูจะได้สั่งให้คนเอาเหล้ามาให้ ถ้าไม่ก็กลับไป “คลาสสิกทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วถามย้ำ
“อยู่ดิวะ ได้ของฟรีทั้งที”
“เห็นแก่ของฟรีเกินไปหน่อยไหมไอ้เอ็ม”
เอ็มยิ้มมุมปากพลางไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระกับน้ำเสียงกระแทกแดกดันของทอม คลาสสิกฟังบทสนทนาของเพื่อนทั้งสองเงียบ ๆ ขณะสมองครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อคืน
“เอ่อ..ไอ้คลาส ว่าแต่กรีนกลับมาจากฝรั่งเศสวันไหนนะ “ทอมถาม ทำให้คลาสสิกหลุดออกจากภวังค์ความคิดทันที
“เดือนหน้า”
“พวกเราฝึกงานพอดีอ่ะดิ”
“…” คลาสสิกไม่ตอบแต่แววตากลับฉายถึงความกังวลทันที ที่เอ่ยถึงเพื่อนสาวคนสนิทสมัยเรียนปีหนึ่ง ก่อนที่เธอจะย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศตอนปีสาม
“กรีนแม่งโคตรเก่งเลยว่ะ จบก่อนพวกเราอีก”
“เล่นเก่งไปซะทุกด้านอย่างนี้ละมั้ง ไอ้คลาสถึงไม่ยอมเปลี่ยนใจสักที “เอ็มกล่าวอย่างต้องการเหน็บแนบคลาสสิกที่เอาแต่ยืนฟังเงียบ ๆ
“กรีนกลับมาคราวนี้ มึงคงเดินหน้าจีบเต็มที่เลยอ่ะดิ”
“กูยังไม่ได้คิด “คลาสสิกตอบอย่างขอไปที ก่อนเดินเลี่ยงไปยังทางออกทันที ทิ้งให้เพื่อนทั้งสองหันมองหน้ากันอย่างมีคำถาม
“…”
วันต่อมา
@มหาวิทยาลัย xxx
“ว่าแต่วันนี้ยังไม่เห็นว่าที่เมียมึงเลยนะไอ้คลาส “ทอมกล่าวถามอย่างสงสัยแกมหยอกล้อ ระหว่างเดินขึ้นบันได เพื่อไปเข้าห้องเรียนในคาบเรียนแรกในช่วงสิบโมง
“ปากหมานะมึง ถามไรนักหนาวะ “สงสัยไม่ต่างกันแต่เลือกที่จะไม่ตอบให้ตรงคำถาม ทว่าก็ไม่ได้ปฏิเสธสถานะนั้นเช่นกัน โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกสองเพื่อนจ้องจับผิดอยู่ เนื่องจากตั้งแต่เมื่อคืนเขานอนที่กาสิโนไม่ได้กลับไปคอนโดอีกเลย
“แหนะ! ไม่ปฏิเสธซะด้วย ได้น้องมันเป็นเมียจริง ๆ แล้วสินะมึง “เอ็มหยุดเดินแล้วเอ่ยแซวพร้อมกับหรี่ตามองพลางยกนิ้วยาวชี้หน้าคลาสสิกอย่างต้องการค้นหาความจริง ทำให้เพื่อนทั้งสองต้องหยุดเดินตามไปด้วย คิ้วหนาของคลาสสิกเริ่มขมวดเข้าหากันเป็นปม อย่างรู้สึกไม่สบอารมณ์กับประโยคน่ารำคาญของเอ็ม
“กูไม่ปฏิเสธก็ไม่ได้แปลว่ากูจะเอาเด็กนั่นมาเป็นเมียหรอกนะ “ยืนยันความแน่วแน่ของตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาฉายถึงความเบื่อหน่ายอย่างเปิดเผยกับเรื่องที่กำลังสนทนากันอยู่ สาวเท้าเดินขึ้นบันไดไปทันทีท่าทางโกรธขึ้ง โดยไม่รีรอเพื่อนทั้งสอง
“โกรธกูเฉย แซวเล่นเหมือนทุกทีปะวะ “เอ็มเกลาหัวบ่นอย่างมึนงง ปกติก็หยอกล้อกันเป็นประจำไม่เห็นว่าคลาสสิกจะโมโหจริงจังอะไรแบบนี้
“เออนั่นดิ ไอ้สัสนี่เดาอารมณ์ไม่ได้เลยจริง ๆ ว่ะ”
“เป็นกูนะจับทำเมียตั้งแต่เด็กแล้วแม่ง ตอนเด็กก็ว่าน่ารักแล้วโตมาโคตรจะน่ารักเล๊ย~”
“ในเมื่อมันไม่คิดอะไรกับน้องมีนตราจริง ๆ อย่างที่มันปฏิเสธมาตลอด กูก็จะเดินหน้าจีบน้องมีนตราเอง “ทอมเชิดหน้ากล่าวอย่างเอาจริงเอาจังกับความคิดของตัวเอง เพราะว่าที่ผ่านมาตนเองก็แอบปลื้มรุ่นน้องสาวอยู่ไม่น้อย
“เอาเลยกูเชียร์มึง เห็นว่ามึงแอบชอบน้องมีนมานานแล้วเหมือนกันนะ แต่มึงระวังลูกปืนของพ่อน้องมันด้วยล่ะ ได้ข่าวว่าหวงลูกสาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ซะอีก ดูอย่างไอ้คลาสพ่อแม่มันรู้จักกันมันยังเข้าหน้าพ่อน้องมีนไม่ติดเลย” เอ็มพูดขณะที่สาวเท้าเดินขึ้นบันไดไปเข้าห้องเรียน ซึ่งคลาสสิกเดินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
“เออ ที่ผ่านมากูคิดว่าไอ้คลาสมันจะหวั่นไหวกับน้องมีนบ้าง กูถึงไม่อะไร แต่ตอนนี้กูไม่คิดอย่างนั้นแล้วว่ะ”
“เผื่อใจไว้ด้วยก็ดี น้องมันรักไอ้คลาสแค่ไหนมึงก็น่าจะรู้ดี”
ทอมจบบทสนทนาด้วยการเงียบพลางครุ่นคิดตามคำพูดของเอ็ม ถึงแม้จะไม่มีเปอร์เซ็นต์สมหวังเลยก็ตาม แต่ใช่ว่าจะไม่มีหวัง ในเมื่อความรู้สึกของคนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ตลอดเวลา