8
“หุ่นฉันไม่เหมือนกับคนที่อยู่ข้างในเลยสักนิด...แถมยังออกจะเตี้ย” ทำปากโย้เย้อย่างไม่ชอบใจกับรูปร่างของตัวเอง ไม่ได้อยากสูงปรี๊ดเหมือนนางแบบนางงามหรอกนะ แค่ให้สูงกว่านี้อีกสักหน่อย แล้วก็ไม่มีเนื้อย้วยๆ เกาะอยู่ตามรอบขอบเอว สะโพกและต้นขา
“หน้าตาก็งั้นๆ แค่ไปวัดได้ไม่อายพระเณร”
คีธหัวเราะหึหึในลำคอ โน้มหน้าลงแนบปากกับซอกคอระหง ขบเม้มสลับลากไล้ปลายลิ้นอุ่นชื้นจนขนกายคนตัวเล็กลุกเกรียว ขาสั่นอ่อนยวบจนต้องรีบเกาะกอดเขาเอาไว้
“แต่เธอทำให้เลือดในกายฉันร้อนได้ ต่างจากผู้หญิงพวกนั้นลิบลับเลยนะ”
“คุณคงเป็นคนแปลกและชอบของแปลกมั้ง”
“ไม่แปลกหรอก ผู้หญิงแต่ละคนมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน เธอมองตัวเองว่าเป็นคนไม่สวย แต่คนอื่นอาจมองว่าสวย และยังสามารถมองเห็นลึกไปถึงจิตใจที่ดีงาม เปล่งประกายออกมาสร้างออร่าให้กับตัวเอง จนต้องรีบไขว่คว้ามาชิดใกล้และไม่ยอมปล่อยให้จากไปไหน”
ดั่งเช่นเขาที่สัญชาตญาณบ่งบอกว่าเธออันตรายต่อการมีชีวิต แต่ก็ยังเลือกเก็บเอาเธอมาอยู่ข้างกาย เพื่อเสพปรารถนาไปจนสุดเส้นทางสายเสน่หา ด้วยความคิดที่แวบขึ้นมาตั้งแต่แวบแรกที่ได้ลิ้มรสเลือดบริสุทธิ์!
เธออาจเป็นคนที่เขาตามหา...ผู้ถูกเลือกมาทำลายอสูรร้ายที่ฝังตัวอยู่ในกาย ปลดปล่อยหนุ่มผู้โชคร้ายให้อิสระ โลดแล่นไปในโลกเสรี มีชีวิตอย่างผู้คนธรรมดา
เธอนี่นะ...มีเสน่ห์ ไม่รู้สิ ยังทำใจเชื่อไม่ได้ แต่เขาชมมาก็ทำให้ปลื้มใจจนยิ้มได้กว้างๆ แล้วละ
“น่านะ...คุณไปกับฉันหน่อยนะ” เอ่ยเว้าวอนเสียงหวานใส ส่งสายตากลมโตวอนเว้าพร่างพราวระยับ ก็ถ้าไปคนเดียว เดี๋ยวคนพวกนั้นก็ไม่เชื่อ เธอก็หน้าแตกหมอไม่รับเย็บนะสิ
แม้อยากกลับไปเริงร่ากับนกน้อยในห้องส่วนตัวและบนเตียงนอนใหญ่ ทว่าเขาก็นึกขึ้นมาได้ เธอคนนี้ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยเจอมา คนที่ให้เขาเสพสมด้วยเนื้อกายเน่าเผละ บำเรอราคะและดื่มกินเลือดคาวๆ เป็นอาหารประทังชีวิต
“อยากให้ฉันไปก็ควรมีข้อแลกเปลี่ยน” ปลายนิ้วตวัดปัดผมนุ่มห่างจากลำคอ นวดคลึงเส้นเลือดที่เต้นตุบๆ ยั่วยุให้เขารีบกดฝังเขี้ยวลงไปดูดดื่มเลือดรสหวาน
“คุณต้องการอะไรล่ะคะ” ขยับกายมายืนด้านหน้า สองแขนกลมกลึงยกขึ้นโอบรัดรอบบ่ากว้าง นิ้วยาวเรียวลากไล้บนต้นคอแกร่งสลับสอดแทรกเข้าไปดึงทึ้งพัวพันกับเส้นผมหนานุ่ม
“เลือดเธอ!”
เธอควรตกใจใช่ไหมที่ได้ยินคำพูดนี้...และเห็นเขี้ยวขาวและแหลม ดูท่าจะคมกริบ ยามกดแหวกฝังไปในเนื้อหนังนุ่มนิ่ม ท่าจะเจ็บใช่หยอก แต่แปลกแฮะ...ไม่ยักกลัว กลับอยากถูก...กัดเร็วๆ เสียด้วย เธอคงเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ เลย
ชมบุหลันยิ้มหวาน เอียงศีรษะเล็กน้อย มองคีธด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ความรู้สึกบอกว่าเขาไม่ใช่คน แต่เป็นดังเช่นพระเอกนิยายที่เธอได้อ่านมา...แวมไพร์!
ที่ควรกลัวจนหัวใจหยุดเต้น แต่การณ์กลับตาลปัตร นอกจากไม่มีความกลัวในหัวใจ ชมบุหลันยังจินตนาการไปถึงห้วงเวลาที่เธอนั้นอยู่ในชุดบางเบาชวนวาบหวาม นอนเอนตัวบนเตียงนอน พาดมือบอบบางไปบนลำขาเสลาข้างที่ยกขึ้นตั้งฉากกับเตียง พลางแอ่นดันลำตัวให้ทรวงอกอิ่มผลิชันเห็นยอดอกสีชมพูรำไรผ่านชุดนอนผ้าชีฟองบางเบาสายเดี่ยว ที่เมื่อดึงเอาโบที่ผูกไว้ พร้อมกระตุกนิดเดียวเธอก็อยู่ในชุดวันเกิด อูย...แค่คิดเท่านั้นก็เสียววูบวาบปั่นป่วน อยากให้ถึงเวลานั้นเร็วๆ
กลีบปากอิ่มยู่ยื่น โหย่งร่างตัวเล็กขึ้นจนปากอิ่มชิดใบหูชายหนุ่ม “อยากให้อยู่หรอกค่ะ แต่รอนิดได้ไหม ฉันอยากให้คุณดื่มด่ำกับเลือดหวานๆ ตอนที่คุณกำลัง...” อายเกินกว่าจะพูดออกไปได้ แต่สมองกลับไพล่ไปคิดถึงยามปากอิ่มถูกกดทับ ดูดดึงขบกัดรับเอาความหวานฉ่ำ ปลายยอดอกหดเกร็งที่เบ่งบานในอุ้งมือและปากอุ่นระอุ
เหมือนความคิดของแม่สาวอวบอั๋นจะดังเข้าไปถึงโสตประสาทการรับรู้ของคีธ ไฟในกายหนุ่มลุกโชน เธอยั่วเขาเสียเหลือเกิน ถ้าไม่จัดการสั่งสอนเสียบ้าง คงไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับไฟ!
เขี้ยวแหลมคมกดย้ำลงบนต้นคอระหงให้แม่จอมยั่วเจ็บและระคายเคืองเล็กน้อย มือใหญ่ไล้ลูบผ่านร่องสันหลัง ไปตามสีข้าง กระเซ้าแหย่หน้าท้องเจ้าเนื้อนิดๆ ก่อนไต่ไปถึงบัวอวบอัดที่เขายังไม่ยอมให้เธอได้เก็บซุกซ่อนไว้ในกรวย
“อืม...”
ชมบุหลันร้องครางในลำคอ แอ่นกายกลมกลึงให้แนบชิดกับความร้อนผ่าวที่คลึงเคล้นเสียจนสองขาอ่อนเปลี้ย เผยอกลีบกุหลาบรับปากหนาร้อนที่ขบเม้มไปทั่วก่อนประทับลงไป เจ็บจี๊ดๆ คล้ายถูกมดกัดยามสัมผัสได้ถึงคมเขี้ยวที่กดย้ำลงบนกลีบปากสลับดูดดึงอย่างหนักหน่วง
เสียวสะท้านด้วยฝ่ามือที่นวดเฟ้นเต้ากลมกลึง ปลายนิ้วกดขยี้ปลายยอดจะงอยถันหดเกร็ง จนเลือดในกายพวยพุ่งพร้อมสัมผัสถึงความร้อนผ่าวจากช่องท้อง สองเท้าบอบบางเขย่งขึ้นอย่างอยากรับสัมผัสหวามไหวยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ฉันอยากจับเธอเปลือย แล้วลิ้มรสผิวเนื้อนุ่มๆ”
“ได้สิคะ...ถ้ารถคุณมิดชิดพอ แต่ตอนนี้พาฉันไปตบหน้าบางคนก่อนได้ไหมล่ะค่ะ”
“อย่าเลย คนพวกนั้นเขาทำตามคำสั่งเท่านั้น”
ชมบุหลันยู่หน้าอย่างไม่ค่อยพอใจในคำตอบที่ได้รับ แต่ก็ยอมรับคำพูดเขาคือความจริง! เป็นเธอก็ไม่เสี่ยงกับการถูกไล่ออกจากงาน เพราะปล่อยให้หมูน้อยๆ วิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปก่อกวนความสุขสำราญของคนภายในหรอก
“เห็นแก่คุณขอนะ ฉันถึงได้ยอม”
“ไปเถอะ รถมาแล้ว”
เพียงหันไป...ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างกับรถคันหรูที่จอดและเปิดประตูอยู่เบื้องหน้า ชมบุหลันหันหน้ากลับมามองคนใกล้ตัวอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาสักเท่าไหร่
“นี่รถคุณ!”
“อือ...”
“งั้นคุณก็รวยมากสิ ถึงได้มีรถหรูขนาดนี้นั่ง”
ก็แหม...รถติดฟิล์มเสียจนดำสนิทมองไม่เห็นภายใน น่าจะมีการพ่วงด้วยอุปกรณ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยชั้นสูงและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ทำให้นึกไปถึงรถที่ใช้ในการแสดงภาพยนตร์ใหญ่ๆ หรือรถประจำตำแหน่งประธานาธิบดี และเหล่าไฮโซไซตี้เงินถุงเงินถังซื้อมาใช้เป็นพาหนะประจำตัว
ชมบุหลันชะโงกหน้าเข้าไปมองด้วยความสนใจใคร่อยากรู้ ภายในเป็นอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า ก่อนถอยห่างออกมาด้วยไม่ค่อยแน่ใจ ว่าตัวเองมีบุญได้นั่งรถหรูราคาแสนแพง
“กลัวหรือ”
“เปล่า” ตอบพร้อมสะบัดศีรษะสำทับ
“แล้วทำไมถึงไม่เข้าไปนั่งล่ะ”
“คือ...ฉันไม่แน่ใจ ดูคุณรวยจะตาย แล้วทำไมถึงได้เลือกผู้หญิงหน้าตาไม่สวยอย่างฉันล่ะ” เอ่ยเสียงแผ่วอย่างไม่แน่ใจ เขาหลงผิดไปชั่ววูบหรือเปล่า
ทว่าคีธกลับไม่ตอบคำถาม แขนแกร่งกลับโอบรัดรอบกายกลมกลึงพาเธอขึ้นไปนั่ง รอจนกระทั่งประตูรถปิดและมีเสียงติดเครื่องยนต์ ถึงได้จับร่างอรชรที่นั่งกระสับกระส่ายขึ้นมาพำนักบนตักกว้าง ฝ่ามือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางเรื่อยมาด้านหน้า ขณะกำลังจะกระชากเสื้อที่เกะกะออกจากกายสาว ชมบุหลันก็รีบจับมือใหญ่เอาไว้และส่ายศีรษะห้ามปราม
“ทำไมล่ะ หรือเธอไม่ชอบให้ฉันสัมผัสด้วยปากและมือเหรอ”
“เปล่าค่ะ” ปฏิเสธเสียงอ่อย
“แล้วทำไมถึง...”
“ฉันกลัวคนขับรถคุณได้ยินตอนฉันทำเสียงแปลกๆ ออกไปน่ะ” ก็มันน่าอายนี่น่า ถ้าจะให้คนอื่นได้รู้ว่าเธอกำลังหลงอยู่ในรสสวาทแสนหวานและเร่าร้อนจนเกินระงับใจเอาไว้ได้
คีธอมยิ้ม “ไม่หรอก รถคันนี้ออกแบบมาให้เราทำอะไรก็ได้ โดยที่คนขับจะไม่รู้ไม่เห็นและไม่ได้ยิน”