11
คีธเหลือบตามองชมบุหลันเล็กน้อยอย่างหวังว่าหญิงสาวจะชะลอเวลาการใกล้ชิดจนเกือบเปลือยอารมณ์ให้ทอดยาวมากไปกว่านี้ ทว่าหญิงสาวกลับกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่กระโดดลงมาในกองไฟ
ชมบุหลันยิ้มอย่างเอียงอาย สองมือไล้ลูบกายแกร่งอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่ได้สัมผัสกับผิวเนื้อหยาบระคายอย่างถนัดถนี่ เลยเผลอกระตุกเสื้อชายหนุ่มด้วยแรงอารมณ์ที่ลุกโชน จนได้สัมผัสกับอกกว้าง...นิ้วเล็กได้พบเจอยอดตุ่มไตที่สั่นไหวรับการแตะต้อง
“ไผ่หลิว!” คีธร้องคำรามลั่น รีบเลื่อนมือลงไปแตะกุหลาบฉ่ำชื้น นิ้วยาวเกลี่ยสัมผัสยอดเกสร
“คุณคีธ...” ชมบุหลันร้องครางเสียงหวานพร่า สองแขนเกาะบ่าหนาที่ยึดเหนี่ยว ยามเหยียดยกตัวเองขึ้นรับสัมผัสที่นำพาความเสียวซ่านจากศีรษะจรดปลายเท้า
“ฉันอยากกำจัดเสื้อผ้าเกะกะนี่ทิ้งไป แล้วจัดการ...จูบ! ไปทั่วผิวเนื้อเนียนนุ่มราวกับแพรไหม” ดึงงับสลับขบเม้มจะงอยถันด้วยปากและเขี้ยวแหลมคม จนคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความเสียวซ่าน
“ฉันจะพาเธอไปเริงร่ากลางวิมานฉิมพลี เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะฝัง...” จับเอามือเล็กวางบนความเป็นตัวตน “และฝังเขียวแหลมคมบนคอสวยๆ ของเธอ เพื่อดื่มด่ำกับเลือดหวานๆ จนแทบระงับอารมณ์ไม่ไหวแล้วรู้ไหม...ไผ่หลิว” เอ่ยเสียงแหบพร่า ตวัดลิ้นหยอกเย้าเม็ดบัวนุ่มหวานรัวเร็ว
‘พูดแปลกๆ กินเลือด! ทำอย่างกับไม่ใช่คนอย่างนั้นแหละ’
อยากถามออกไปอย่างใจคิด ทว่าสัมผัสที่นำมาซึ่งความเสียวซ่านวาบหวามจิตก็ทำให้คำที่ผุดเข้ามาในสมองเลือนหายไป เมื่อถูกคีธปลุกเร้าเสียจนเธอร้อนผ่าวราวกับเลือดในกายคือลาวาเดือดระอุ
“อุ๊ย! เบาๆ ค่ะคุณคีธ” จิกเกร็งไปตลอดทั้งร่าง เมื่อถูกโจมตีทั้งบนและล่างอย่างดุดันรุนแรงไม่มีปราณี
“ทำไมล่ะ” ดูดดุนยอดทรวงหดเกร็งสลับลากไล้ปลายลิ้นป่ายปัดอย่างไม่ยอมหยุด นิ้วยาวเริ่มเคลื่อนไหวไถลซอกซอนรุกล้ำไปสัมผัสถึงเนื้อในกุหลาบแรกแย้มและคลึงเคล้นหยอกเย้าเกสรในคราวเดียวกัน
“ไผ่หลิว...” กระซิบเสียงเบาด้วยไม่กล้าเอ่ยพูดคำนั้นออกมา
“แล้วรู้ไหม แค่นี้ยังเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกยามที่ฉันเข้าไปยู่ในตัวเธอ...มันมากมายกว่านี้อีกเป็นสิบเท่าเชียวล่ะ”
ชมบุหลันตาโต ถ้า... หญิงสาวก้มลงมองตักกว้าง ทั้งที่ความจริงก็มืดอยู่นะ แต่ทำไมเธอถึงได้ตาดีเห็นความอลังการของเขาที่โอ้อวดฤทธิ์เดชอย่างชัดเจนเหลือเกินก็ไม่รู้ จนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ด้วยหวาดหวั่นนิดๆ ระคนไหวหวั่นใจสั่นระรัว
“อยากให้ถึงบ้านคุณคีธเร็วๆ จังเลยค่ะ ไผ่หลิวอยากรู้สึกอย่างที่คุณคีธบอก” แทนที่จะอายและรีบเอ่ยปากห้าม ชมบุหลันกลับยิ่งเร่งเร้าให้ถึงที่หมายโดยเร็วไวเสียอีก ไม่แค่เพี้ยนแล้วแต่คิดว่าตัวเองใกล้เข้าขั้นโรคจิตแล้ว
“อีกไม่ไกลแล้วล่ะ” ชักหงุดหงิดเหมือนกัน ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า วันนี้รถถึงที่หมายช้ากว่าปกติ
“กว่าจะถึงถ้าเรานั่งเฉยๆ คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ งั้นคุณคีธสอนจูบให้ไผ่หลิวนะคะ เวลาถึงเตียงนอน...ไผ่หลิวจะได้จูบคุณคีธไปทั่วทั้งตัวบ้าง”
เฮ้ย!! ชมบุหลันแทบอ้าปากค้าง นี่เธอใจกล้าถึงขนาดนี้เชียวหรือ แต่เสียงหัวเราะในลำคอแกร่งกลับทำให้หัวใจเหมือนดิ้นได้ เผยอปากรับจูบที่แนบลงมา เพื่อดูดชิมความหวานฉ่ำอย่างหิวกระหายไม่รู้จักพอ พร้อมกับรถที่แล่นลิ่วไปสู่จุดหมายปลายทาง
“หายไปไหนนะคนบ้านี่” เจ้าของร่างอวบเดินวนเวียนไปมารอบห้องพร้อมบ่นพึมพำด้วยอาการกระฟัดกระเฟียด เมื่อผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังจากพาเธอมาถึงห้อง...
มือแกร่งทาบกับประตูห้อง เอนกายแกร่งกำยำแนบชิดร่างนุ่มนิ่ม ฝ่ามือหนาลูบไล้จากปลายข้อมือขึ้นมาถึงเนินเนื้อหน้าอกอิ่มที่ไหวกระเพื่อมตามแรงกระหายอยากที่อัดแน่นอยู่ภายใน ก่อนเชยคางมนให้แหงนเงยขึ้น
“กลัวไหมไผ่หลิว”
“กลัวอะไรล่ะคะ แล้วทำไมต้องกลัว” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่จนเธอยังตกใจเลย พูดไปได้ยังไงกัน!
“มีเรื่องเยอะแยะที่ต้องกลัว อย่างหนึ่งคือเธอกำลังจะถูกฉันเสพสมย่ำยีร่างของเธอด้วยความดุดัน ไม่มีปรานี แล้วยัง...” ชายหนุ่มยิงฟันแยกเขี้ยวแหลมคมใส่
“จะกัดคอเธอจนเป็นแผลเหวอะหวะ แล้วดื่มเลือดสดๆ หวานๆ อย่างหิวกระหาย” ปลายลิ้นสีชมพูดสดไล้เลียกลีบปาก
“อืม...ฟังดูดีจังเลย” สองแขนกลมกลึงยกขึ้นพาดบนไหล่กว้าง พยายามดันกายขึ้นสูงเพื่อจะได้มองสบใบหน้าเข้มและรับเอาสัมผัสวาบหวามอย่างถนัดถนี่
“แล้วก็อยากให้ถึงเวลานั้นเร็วๆ จังเลยค่ะ”
คีธเลิกคิ้วเล็กน้อย ด้วยน้ำเสียงเขาก็ชวนขนลุกแล้ว แต่แม่สาวจอมยั่วยังไม่มีทีท่าว่าจะกลัว แล้วยังเสนอตัวให้เร่งทำด้วยซ้ำไป
ชายหนุ่มช่วยคนตัวเล็กขี้อ้อนด้วยการสอดแขนใต้ลำขาเสลาขึ้นพาดรอบเอวสอบ พลางกอดกระชับให้สองกายาแนบชิดจนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน ขณะก้มลงไปจะแนบจูบพร้อมชิมเลือดรสหวานในสมองก็ได้ยินกระแสเสียงร้องเรียกให้ต้องวางเหยื่ออันโอชะเสียก่อน
“อดทนรออีกนิดนะ...ฉันจะรีบกลับมาจัดการให้อย่างที่เธอต้องการ...ไผ่หลิว” คีธช้อนร่างอวบอัดอย่างกับน้ำหนักเกินห้าสิบกิโลกรัมเป็นเพียงปุยนุ่นไร้น้ำหนัก พาเดินลิ่วๆ ไปยังเตียงนอนกว้าง
“นอนหลับเอาแรงรอฉันก่อนนะ ไปธุระแป๊บเดียวมา อ๋อ...ฉันยกห้องนี้ให้เธอ จะทำอะไรก็ได้ตามสบาย”
นี่คือบทพิสูจน์ใจของชมบุหลันอย่างหนึ่ง เธอจะเที่ยวค้นข้าวของพร้อมหยิบเอาชิ้นที่มีค่ามีราคาติดตัวไปหรือเปล่า...ซึ่งเขาไม่เคยใส่ใจด้วยซ้ำ ของนอกกายที่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็หาคืนมาได้ไม่ยากเลย
“รีบไปรีบกลับนะคะ ไผ่หลิวจะรอ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่ ไม่ยอมปล่อยมือจากแขนแกร่งที่เคลื่อนไปทีละน้อย จนปลายนิ้วเกี่ยวเอาไว้ไม่ได้ เหลือเพียงสายตาที่มองคีธเดินถอยหลังจากไปเรื่อยๆ พร้อมความหนาวเหน็บของสายลมที่พาดพัดโอบรัดรอบกายเธอ…
เขาหายไปเป็นเวลาสองวันและนี่คือคืนที่สาม...วันพระจันทร์เต็มดวง ที่เมื่อเธอนอนหลับเมื่อไหร่ ความฝันจะกระจ่างชัด! จนอยากถูกรักเร็วๆ
ชมบุหลันเดินไปเดินมาจนเมื่อยขา...ไปทรุดกายนั่งบนเตียงกว้าง กวัดแกว่งขาไปมาอยู่ชั่วครู่ ก็เปลี่ยนเป็นเอนหลังลงนอนบนเตียงนุ่ม ผุดลุกเดินไปหยิบขนมหวานและผลไม้ที่ถูกนำมาเติมอย่างไม่ขาดสายจนอิ่มไปหลายตลบ เพื่อรอเจ้าของห้องที่อันตรธานหายหน้าไปไม่ยอมกลับมาเสนอหน้า ซึ่งเธอคิดว่าอาจเป็นเพราะความกลัวที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
เฮ้อ! ชมบุหลันผ่อนลมหายใจออกจากปอดด้วยความเบื่อหน่ายและเซ็งยิ่งยวด เขาบอกให้เธอสำรวจคฤหาสน์หลังงามได้ที่เธอจัดการไปเพียงแค่สองห้องเท่านั้น
ก็นะ...แม้ทุกห้องเต็มไปด้วยข้าวของสวยงามและมีค่า แต่เธอเห็นแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่มีสิ่งใดกระตุ้นความอยากเป็นเจ้าของดั่งเช่นความอยากในรสเสน่หาที่คีธจะเป็นคนจัดให้เลยสักนิด
นั่งแกร่วด้วยเบื่อหน่ายระคนเซ็งอยู่อีกครู่ ชมบุหลันก็ลุกขึ้นเดินไปแตะโน่นนี่จนถึงตู้เสื้อผ้า เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แม้รู้ดีสิ่งที่ได้เห็น...ชุดนอนสุดแสนเซ็กซี่เย้ายวนใจ! และไม่เหมาะกับตัวเองอย่างยิ่ง แต่ก็ทำใจยื่นมือไปจับเนื้อผ้านุ่มนิ่มอย่างอดใจไม่ได้ พร้อมคำอนุญาตดังก้องอยู่ในหู...เธอใส่ชุดพวกนี้ไปนอนรอคอยคีธบนเตียงได้
ชมบุหลันคลี่ปากยิ้มกว้าง วาดมือไล่มองชุดที่แขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ ก่อนสะดุดกับชุดสีแดงเพลิงบางจนใส่หรือไม่ใส่ก็มีค่าเท่ากัน แต่ด้วยความอยากรู้ ถ้าอยู่บนกาย เธอจะเซ็กซี่ขึ้นบ้างหรือเปล่า เลยรีบคว้ามาทาบก่อนเบะปากและส่ายศีรษะ
‘ไม่เหมาะอย่างแรง อย่างกับอีกาคาบพริกเลยแฮะ แต่...ใส่อยู่ในห้องคนเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง’
ทว่า...เหนียวตัวจัง อาบน้ำก่อนดีกว่า
ชมบุหลันหันไปคว้าผ้าขนหนูที่วางอยู่ไม่ไกล โดยไม่ลืมหยิบชุดสุดเซ็กซี่สีแดงเพลิงติดตัวไปห้องน้ำด้วย พร้อมเดินฮัมเพลงไปในห้องน้ำอย่างสบายอุรา