“หากมีวาสนาจักได้พบกันอีกครา”
คำแรกที่ทักทายทำให้เฟยหลงเงยหน้ามองสบกับดวงตาอ่อนโยนของสหาย เพราะบัดนี้วาสนาได้บรรจบให้พบเจอกันอีกครั้งแล้วแม้จะผ่านกาลเวลามายาวนาน
“หลิ่งเหวินข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ต้องการคำขอโทษจากข้า แต่ว่าข้าก็อยากบอกเจ้าว่าข้าขอโทษ”
เฟยบอกพร้อมก้มหน้าคารวะอย่างนอบน้อมเพราะนับแต่นี้ไปหลิ่งเหวินจะเป็นเจ้านายและสหายเพียงหนึ่งเดียว
ข้ายังนั่งนิ่งมองดูความตั้งใจของเฟยหลง แม้จะไม่ได้เจอกันมาแสนนานแต่ความรู้สึกข้าเฟยหลงก็ยังเป็นสหายคนเดิมแม้ต้องนี้จะพ่วงตำแหน่งลูกน้องไปด้วยก็ตาม
“ลุกขึ้นเถอะเฟยหลง เราต้องไปจากที่นี่แล้ว”
ข้าบอกเมื่อรับรู้ว่ามีการเคลื่อนไหวแปลกๆบริเวณตีนเขา อาจเพราะเสียงคำรามของเฟยหลงถึงทำให้พวกนั้นเร่งมาจุดนี้ และเหมือนเฟยหลงจะเข้าใจดีเปลี่ยนร่างเป็นแหวนกลับคืนมาอยู่ที่นิ้วชี้ข้างขวา ทำให้ข้าอดยิ้มออกมาไม่ได้
ช่างสะดวกดีจริงๆ จากนั้นข้าไม่รอช้าให้ใครมาจับได้ทะยานหายไปกับความมืดด้วยความเร็ว เพียงไม่นานข้าก็กลับมาถึงตำหนัก
“องค์ชายปลอดภัยดีนะพ่ะย่ะค่ะ”
สองฝาแฝดเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงทันทีที่เห็นข้ากลับมา ข้ามองพวกมันอย่างเบื่อหน่ายถ้าไม่ปลอดภัยดีจะมาเดินเหินได้เยี่ยงนี้หรือไง
“องค์ชายเมื่อครู่พระองค์ได้ยินเสียงเพลงสวรรค์หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ช่างไพเราะนักจนทุกคนที่ได้ยินต่างหลงใหล”
คำถามของฮุ่ยเจียนทำให้ข้าชะงักหันกลับมามองและเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“เจ้าได้ยินอย่างนั้นเหรอ”
“พ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่แค่กระหม่อม พวกนางกำนัลและคนอื่นต่างเห็นพ้องว่าไพเราะยิ่งนัก แต่ไม่รู้ว่าจักมีวาสนาได้พบเจอคนที่บรรเลงเพลงนี้ได้หรือไม่แม้จะเป็นเพลงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ความหมายกลับทำให้น้ำตาไหล คราแรกพวกกระหม่อมคิดว่าองค์หญิงเหมยฮัวบรรเลงยามค่ำคืนแต่กลับมิใช่”
ฮุ่ยเจียนอธิบายยาวเหยียดพร้อมด้วยฮุ่ยเจินพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ชายฝาแฝด ข้ายืนนิ่งอย่างคาดไม่ถึงว่าเสียงเพลงที่น่าจะเป็นของข้าจะดังมาไกลถึงเพียงนี้
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะองค์ชายยุทธภพกำลังปั่นป่วนตามหาคนผู้นั้น และยังมีข่าวน่าตกใจว่ามีคนเห็นมังกรดำปรากฏตัวพ่ะย่ะค่ะ”
เจียงหั่วที่บังเอิญกลับมาพอดีรายงานข่าวที่ได้รับมาโดยบังเอิญ
ข้านิ่งเงียบแต่ไม่ได้กระวนกระวายใจเพราะรู้ว่าไม่มีใครรู้เกี่ยวกับข้าแน่นอน แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนทันเห็นเฟยหลง
เห็นทีครานี้ยุทธภพคงจะปั่นป่วนไม่น้อย และการตามหาข้าพวกเขาคงจะล้มเหลวตราบใดที่ข้ายังไม่ยอมปรากฏตัว
“พวกเจ้าไปพักเถอะ”
ข้าหันไปบอกองครักษ์ทั้งสาม ก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงพร้อมนั่งโคจรลมปราณทันทีเพราะข้าใช้พลังลมปราณเล่นพิณปลดผนึกเฟยหลงครั้งนี้หมดพลังไปถึง6ส่วน
เมื่อองค์ชายนั่งเดินลมปราณ พวกองครักษ์ทั้งสามต่างแยกย้ายกันไป และไม่ลืมที่จะเดินลมปราณตามที่ถูกฝึกสอนมาตลอดสิบปี...
เช้านี้ข้าแอบออกจากตำหนัก มาที่ฐานลับแต่เช้าโดยมีเจียงหั่วตามติดมาด้วย ส่วนสองฝาแฝดข้าให้อยู่รับหน้าพี่สามเพราะคาดว่าน่าจะมาเยี่ยมอีก แต่ข้ายังมีงานต้องทำ ฐานลับนี้ข้าก่อตั้งไว้เมื่อ 8 ปีก่อน
ทำให้ปัจจุบันนี้ข้ามีคนที่วางใจทำงานใหญ่ได้หลายคนตอนนี้ร่วม 200 คนแล้ว ข้ารับสมาชิกเฉพาะเด็กกำพร้าที่ไม่ญาติพี่น้องที่ไหนและยอมตายเพื่อข้าได้
ถึงแม้คนจะเยอะแต่ข้าไม่ได้มีความคิดจะไว้ทำศึกที่ไหน คนของข้าล้วนถูกฝึกให้อยู่เหมือนเงาเหมือนไร้ตัวตน ขณะเดียวกันต้องมีตัวตนเมือยามมีคำสั่ง
พรึบ!
“คารวะองค์ชายห้าขอรับ”
การปรากฏตัวของเหล่าสมาชิกไร้เงารวดเร็วและพร้อมเพรียงกัน แค่ข้าก้าวเข้ามานับว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้น ข้ามองจำนวนสมาชิกที่ตอนนี้มีอยู่ราวหกสิบคน เพราะคนอื่นๆ ต่างไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“ไม่ต้องมากพิธี”
ข้าบอกพร้อมสะบัดพัดในมือไปมา สายตากวาดมองบรรดาสมาชิกที่ฝึกมากับมือ ที่นี่คือป่าเขาวงกตที่ยากแก่การเข้าถึงและความอันตรายในการเข้ามา นับว่าข้าโชคดีที่เจอที่แห่งนี้และได้สร้างฐานลับไว้
“ที่ข้ามาวันนี้เพราะข้าได้ข่าวยุทธภพเกิดการเคลื่อนไหว ต่างตามหาคนปริศนาที่เล่นกู่เจิงข้ากลัวว่าที่นี่จะโดนค้นเจอก็เลยมาวางมนตราเพิ่ม”
ข้าบอกเสียงเฉื่อยชาเหมือนไม่สนใจ ทั้งๆที่คนทั่วแผ่นดินตามหาข้าเอง ความจริงข้าไม่ได้มีพลังสร้างมนตราได้ตอนเป็นเทพหรอกนะ แต่ข้าอาศัยลมปราณมายาหลอกลวงแทน นี่จึงเป็นเหตุที่ไม่มีใครหาที่นี่เจอ และวันนี้ตั้งใจจะสร้างเพิ่มขึ้นอีกชั้น
“องค์ชายเราไม่ตามหาคนปริศนาผู้นั้นบ้างหรือขอรับ”
ลู่ไป๋หลงเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้เพราะเรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ในยุทธภพเลยในตอนนี้ คำถามของลูกศิษย์ที่อายุมากกว่าถึง 5 ปีทำให้ข้ากระตุกยิ้มที่มุมปาก มือสะบัดพัดไปมาอย่างใจเย็น สายตามองบรรดาสมาชิกคนอื่นที่คงมีความเห็นมิต่างกัน
ทุกคนต่างเฝ้ามององค์ชายห้าอย่างเฝ้ารอคำตอบ ทวงท่าเหมือนคุณชายทำให้ทุกคนเกิดความคิดเดียวกันว่า ช่างเหมือนคุณชายเจ้าสำอางเสียจริงๆ แต่ความจริงนั้นหาใช่อย่างที่เห็นไม่เพราะพวกเขาต้องทนฝึกนรกกับองค์ชายมาแทบเอาชีวิตไม่รอด หากไม่เห็นด้วยกับตาคงจะเชื่อข่าวลือทั่วแคว้นที่บอกว่าองค์ชายร่างกายอ่อนแอไร้ซึ่งพลัง หากมีคนรู้ความจริงข้อนี้พวกเขาคงจะมีงานเพิ่มขึ้นเป็นแน่