พ่อเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆของไทย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงชอบประวัติศาสตร์จีนและนิยายจีนแนวกำลังภายในมากมายถึงเพียงนี้
อาจเป็นเพราะผมฝันถึงเรื่องนี้มาตั้งแต่ 10 ขวบทำให้ผมพยายามหลอกตัวเองว่ามันต้องมีอยู่ในนิยายสักเรื่องแต่ผมอ่านมาเป็น15 ปีแล้วนับแต่วันนั้น แต่ก็ยังหาเรื่องที่เกี่ยวกับความฝันผมไม่ได้เลย
ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าหวังจะให้มีดวงดาวระยิบระยับ แล้วต้องถอนหายใจทำไมนะเหรอ? เพราะนี่มันกรุงเทพฯ ไง มีแต่แสงไฟจะหาดาวสักดวงเจอไหม
ผมถอนใจอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ผมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ใจมันหวิวๆ แปลกๆ บอกไม่ถูก ความเงียบยามค่ำคืนทำให้ผมอดคิดถึงความฝันอีกครั้งไม่ได้
แม้จะต่างยุคต่างสมัย แต่คนที่ดีดกู่เจิงอยู่บนยอดเขาประหลาดที่งดงามนั้นมันเหมือนผมเลย ต่างกันแค่ทรงผมที่ดูทันสมัยในสมัยนี้เท่านั้น
“ช่างเถอะอะไรจะเกิดก็ช่างมัน”
ผมบอกตัวเองก่อนจะหันหลังกลับไปซุกตัวนอนบนเตียงนุ่มอีกครั้ง หวังว่าพรุ่งนี้ครบอายุ25 ปีของผมจะมีอะไรดีๆ ในชีวิตนะ
ตีห้าผมลุกจากที่นอนอีกครั้ง แล้วลงมาที่ห้องออกกำลังกายประจำยามเช้าและยามว่าง ฝาผนังมีดาบมากมายที่ผมสะสมไว้ ปกติผมจะไปฝึกเคนโด้ที่โรงเรียนของพ่อแม็กซ์เพื่อนสนิท
แต่ความสามารถจดจำทางร่างกายและสมองของผมมันยอดเยี่ยมมากเกินไปทำให้จดจำได้หมดเพียงสามวันผมก็สามารถเรียนท่าอิไอ จนจบหลักสูตร
แต่ผมก็ไม่ได้บอกครูฝึกซึ่งเป็นพ่อของแม็กซ์เพราะไม่อยากให้พวกเขาเสียความรู้สึก ที่พวกเขาพยายามฝึกมานานนับสิบปีกว่าจะมาถึงจุดนั้น
แต่ผมเรียนแค่สามวันกลับทำได้หมด มีเพียงแม็กซ์เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้เพราะเป็นคู่ฝึกผมบ่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้บอกทางบ้านเพราะคงจะเข้าใจพ่อตัวเองดี
ผมหยิบดาบที่มีน้ำหนักพอดีมือ ก่อนจะมาฝึกวาดท่าตามที่เคยดูหนังจีนมาแม้มันไม่ได้ประโยชน์อะไรเพราะสมัยนี้คงไม่มีใครหยิบดาบมาฟาดฟันกันแล้วก็ตาม
แต่มันเป็นความชอบส่วนตัวของผมเอง วันนี้ผมลองออกแบบท่าใหม่ให้ตัวเอง ผมตั้งชื่อว่าวายุพิฆาตเพราะความดุดันในการลงดาบและรวดเร็ว พื้นห้องเริ่มแตกร้าวทำให้ผมต้องหยุดมือ
ทำไมผมทำได้น่ะเหรอเพราะผมลองฝึกลมปราณในตำราที่พ่อซื้อมาฝากจากจีนตอนไปทำธุรกิจที่นั่น ตอนแรกผมไม่ได้คาดหวังว่าจะทำได้เนื่องจากความยากของการทะลวงจุดนั้น บอก
ได้เลยว่าไม่มีความอดทนพอธาตุไฟอาจเข้าแทรก แต่เหมือนโชคชะตาหรือว่าความตั้งใจไม่รู้ผมถึงมีลมปราณภูตอุดรเป็นลมปราณที่ล้ำลึกรวดเร็วเหมือนสายลม หนักเบาเหมือนปุยนุ่น
ผมวางดาบลงไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินจากไปวันนี้คงต้องให้ช่างมาปูกระเบื้องพื้นใหม่อีกแล้วสินะ ผมคิดอย่างเซ็งๆ จากนั้นจึงออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งยามเช้าเพื่อจะได้กลับมาใส่บาตรตอนเช้าได้ทัน
ความจริงผมไม่เคยใส่บาตรเลยด้วยซ้ำไป แต่ช่วงนี้ผมรู้สึกไม่ดีและวันนี้อายุครบ25 ปีจึงอยากจะทำบุญให้ตัวเองสักครั้ง ผมสั่งแม่บ้านให้เตรียมของไว้ให้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อเย็นวาน
เมื่อกลับมาจึงรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อให้เรียบร้อย แล้วลงมาหาแม่นมที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เด็กๆ ผมไม่ได้แปลกใจที่วันนี้ไม่เห็นพ่อกับแม่เพราะทุกวันท่านก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านกันอยู่แล้ว
“คุณหนูพระมาแล้วค่ะ”
แม่นมบอกด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเจ้านายตัวน้อยที่โตเป็นหนุ่มเดินเข้ามาและเป็นช่วงที่พระมาพอดี จำนวน 9 รูป อาหารคาวหวานและดอกไม้ธูปเทียนบรรจงวางอย่างเบามือ ดวงจิตกลับรู้สึกอิ่มเอม
“กงล้อแห่งชะตาเริ่มเคลื่อนไหวแล้วนะโยม ขอให้โยมโชคดี” พระภิกษุสงฆ์ที่ดูอาวุโสกว่าเพื่อนกล่าวด้วยแววตาอ่อนโยนก่อนเดินจากไป ผมลุกขึ้นยืนมองตามหลังอย่างมึนงง
“หลวงตาพูดเรื่องอะไรกัน”
แม่นมพูดตามหลังอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมองเจ้านายตัวน้อยที่ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีขาวที่ดูประณีตยื่นเหม่อมองไปเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณหนู”
ผมหันมามองมองแม่นมแล้วส่ายหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน คำพูดของหลวงตารูปนั้นยังสะกิดใจผม ผมเดินมาห้องอาหารแต่วันนี้กลับมีเค้กก้อนโตขนาด 1 ปอนด์วางอยู่กลางโต๊ะอาหาร
“สุขสันต์วันเกิดค่ะคุณหนู”
แม่นมบอกด้วยรอยยิ้มพร้อมบรรดาสาวใช้ที่ออกมากล่าวพร้อมกัน ทำให้ผมตื้นตันจนพูดไม่ออก วันนี้ผมได้กินเค้กฝีมือแม่นมผมไม่รู้หรอกว่ารสชาติอร่อยมากแค่ไหน แต่ความรู้สึกบอกว่ามันอร่อยที่สุดเท่าที่ผมกินมา
วันนี้ผมไม่ได้ออกไปไหนเพราะอยากฉลองวันเกิดให้ตัวเอง และก็ไม่ได้ออกไปช่วยงานพ่อที่บริษัทหนึ่งวันพวกเขาคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง ผมเดินผ่านห้องดนตรีที่มีอุปกรณ์เกือบทุกชนิดเก็บไว้ ในนั้น มีไวโอลีน เปียโน และมีอีกหลายชิ้นที่ผมไว้เล่นยามเบื่อๆ
แต่สิ่งที่สะดุดตาทำให้ผมยืนนิ่งอยู่หน้าห้องคือกู่เจิงสีทองที่ทำอย่างประณีตวางอยู่อย่างเรียบร้อยกลางห้อง ผมเดินเข้าไปหาเหมือนมนต์สะกด
ผมจำได้ว่าที่เคยวางอยู่ตรงนี้เป็นกู่เจิงไม้ที่ผมเคยซื้อไว้แต่ตอนนี้กู่เจิงได้ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผมมานั่งอยู่หน้ากู่เจิงสีทองสวยงามตาอย่างไม่อาจห้ามใจได้ นิ้วเรียวจับกู่เจิงเบาๆ ความรู้สึกโหยหา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน