เปปเปอร์ 100%

796 คำ
“เปปเปอร์ ไม่เอานะครับ มากินขนมก่อน เดี๋ยวค่อยกลับไปเล่นที่บ้าน” ร้อนถึงคุณอาสาวที่ต้องพยายามวิ่งตามไปให้ทัน ทว่าเด็กน้อยคงคิดกลับกันไปอีกอย่าง เสียงหัวเราะอย่างนึกสนุก เจ้าตัวคงคิดว่าเธอกำลังวิ่งเล่นด้วยซะมากกว่า ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก “เปปเปอร์ ไม่เล่นแล้ว อาตามไม่ทันน้า” ณัฐรดาร้องบอกขณะวิ่งตาม ตาก็พยายามจับจ้องผ่านม่านบังซึ่งเป็นผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมานับร้อยไม่ให้เด็กชายคลาดสายตาไปไหน แต่ไหนแต่ไรมาเธอก็เล่นกับหลานเหมือนเพื่อน จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่แค่ครั้งนี้หรอก จะครั้งไหนต่อครั้งไหนด้วยความสนิทสนมไว้เนื้อเชื่อใจราวกับเธอเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน เด็กน้อยก็คร้านจะฟังเธอเลยสักนิด แล้ววีรกรรมของเจ้าอ้วนแต่ละครั้งก็น่าดูน่าชมเสียเมื่อไร ถ้าไปกินข้าวก็ชอบไปแกล้งพนักงาน ที่ถนัดมากคือเอารองเท้าทุกคนในบ้านไปแอบหรือไม่ก็โยนทิ้ง ไปเดินห้างสรรพสินค้าเมื่อสองวันก่อนก็เอาไอศกรีมที่กินไม่หมดไปป้ายตามเสื้อผ้าที่แขวนไว้ในแผนก ยังดีหน่อยที่คราวนี้ก็แค่… โครม!! เสียงอาจได้ยินไม่ชัดเพราะระยะห่างที่อยู่ไกล มีเพียงภาพร่างกลมที่เดินชนหญิงวัยกลางคนแล้วกระแทกล้มลงไปนั่งจุมปุ๊กกับพื้น ณัฐรดามองภาพนั้นอย่างตกใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นถอนหายใจในเวลาไล่เลี่ยกัน มันคงเป็นข้อดีเพียงอย่างเดียวของผู้หญิงที่กำลังจ้องมองเด็กชายที่หกล้มอยู่ตรงหน้า เพราะสามารถหยุดหลานชายไม่ให้ออกห่างและคลาดสายตาของเธอไปไหน ทว่าข้อไม่ดีก็มีอยู่มาก ท่าทางไม่พอใจราวกับร่างกลมที่กำลังมองผู้ใหญ่ตาแป๋วไม่ใช่แค่เด็ก กับเสียงเอะอะโวยวายที่ดังแว่วเข้ามา ทำให้ณัฐรดารีบก้าวเข้าไปหา ถึงหลานของเธอจะเล่นซนเกินวัย แต่อย่างไรซะเด็กก็ยังเป็นเด็ก พอหญิงสาวเห็นลางๆ ถึงใบหน้าเด็กที่แบะลงตามแรงอารมณ์ของผู้ใหญ่ ผู้ปกครองจำเป็นในวันนี้ก็คิ้วผูกจนแทบจะชนกันขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดินไม่ดูตาม้าตาเรือหรือไง เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมซนขนาดนี้” คนถูกชนขึ้นเสียง เงื้อมมือขึ้นจะตีเด็กชายที่ตอนนี้เปลี่ยนท่าทางจากร่าเริงเป็นกลัวจนตัวสั่นน้ำตาร่วงเผาะ ณัฐรดารีบสาวเท้าเข้าไปหวังให้ทันเวลา “หยุดนะ” นั่นเป็นคำพูดที่เธอเตรียมจะโพล่งออกไป แต่ก็ยังช้ากว่าฝ่ามือของใครบางคนที่ทำให้คำพูดที่หญิงสาวเตรียมคิดไว้ถูกกลืนหายไปพร้อมกับความเงียบ เธอมาหยุดยืนด้านหลังของหลาน พอดีกับร่างสูงของใครคนหนึ่งที่ยื่นฝ่ามือมารับเอาไว้ได้ทันก่อนแรงน้ำหนักผสมแรงอารมณ์ของผู้ใหญ่จะกระทบลงไปบนเนื้อของเด็ก “พอเถอะครับ ถือว่าหมอขอ” เสียงเรียบทว่าหนักแน่นที่ห้ามไว้มากพอให้คนอารมณ์ร้อนหยุดการกระทำของตัวเองไว้ตรงนั้น คนถูกห้ามหันมองชายหนุ่มที่ยังคงสีหน้านิ่งมองกลับไม่มีทีท่าว่าจะหลบตา ก่อนชักสีหน้าเดินออกไป แม้จะเห็นจากด้านหลัง แต่แวบหนึ่งณัฐรดากลับรู้สึกคุ้นตากับเจ้าของแผ่นหลังกว้างอย่างบอกไม่ถูก “ไม่ต้องร้องนะครับ ไม่มีใครทำอะไรแล้ว ไหนบอกหมอซิ จำได้ไหมครับ พ่อแม่อยู่ไหน หมอจะได้พาไปส่ง” ภาคินัยย่อตัวลงไปชันเข่านั่งลงตรงหน้าเด็กชาย ทั้งที่ความจริงเธอก็ยืนอยู่ใกล้เพียงแค่หันหลัง แต่อาจเป็นเพราะแม้ยืนอยู่ด้านหลังยังสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มละมุนภายใต้กรอบแว่นตาที่ทอดมองไปยังเจ้าตัวป้อม ไม่พอยังฝ่ามือหนาที่ไล่เช็ดน้ำตามอมแมมบนแก้มกลมเป็นลูกซาลาเปานั่นอีก บางทีเธอก็แค่อยากรู้ว่าผู้ชายตัวโตๆ กับเด็กซนๆ เวลาอยู่ด้วยกัน เขาจะมีวิธีจัดการกับสถานการณ์ชวนปวดหัวนี้อย่างไร “พ่อแม่อยู่บ้าน” ก่อนคำพูดที่ออกมาจากปากหลานชายตัวเองจะทำให้ณัฐรดาแทบจะหัวเราะพรืดออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่ได้ นี่เขาจะหาว่าบ้านไหนสอนให้เด็กเกรียนตั้งแต่เล็กหรือเปล่านะ แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะคนตัวโตทำเพียงแค่กลั้วหัวเราะในลำคอ พยักหน้ารับ แล้วถามกลับราวกับเป็นเรื่องสนุกตามเจ้าตัวเล็กไปด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม