หลังจากที่แยกกับแคทเธอรีนมาแล้วนั้น เพทายไม่ได้ขับรถกลับไปที่บริษัทอย่างที่เขาบอกกับเธอ แต่เขากำลังขับรถไปที่ร้านอาหารอีกแห่งหนึ่ง ตามพิกัดที่รสรินส่งมาให้ เขามีนัดทานข้าวกับว่าที่คู่หมั้น แต่เพราะไม่อยากรู้สึกผิดกับแคทเธอรีน เขาจึงเลือกที่จะพาเธอออกไปกินข้าวก่อน
เมื่อมาถึงก็พบว่า รสรินมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว เธอนั่งจิบไวน์รอเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาดูว่างเปล่าจนเพทายแอบรู้สึกว่าเธอกำลังมีอะไรในใจ
“มาเร็วจังเลยนะครับ” ชายหนุ่มพูดแก้เก้อ ที่เห็นว่าอีกฝ่ายมาถึงก่อน
“มัวไปไหนมาละคะ ถึงได้มาทีหลังรสตั้งหลายนาที” เธอเอ่ยพลางวางแก้วไวน์ลง แล้วเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้า เขานิ่งไปชั่วขณะเพื่อคิดหาคำตอบ และรู้สึกผิดจริงๆ
“รสล้อเล่นค่ะ จริงๆ ยังไม่ถึงเวลานัดของเราหรอก รสตื่นเต้นก็เลยมาก่อน” เธอพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแสดงท่าทางกดดัน
“คุณรสทำผมตกใจหมดเลย” เขาเอ่ยก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่ง รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อสีหน้าและแววตาของรสริน เริ่มมีความสดใสขึ้นมาบ้าง
“แต่คุณจะไม่บอกรสจริงๆ เหรอคะ ว่าก่อนหน้านี้คุณไปไหนมา” อยู่ๆ เธอก็พูดขึ้นมาอีก สีหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจเล็กๆ จนเพทายเริ่มรู้สึกขนลุกกับสายตาของเธอ
“ผม…”
“รสรู้ และเห็นแล้วนะคะ คนนี้ใช่ไหมคะ ที่ทำให้คุณก้มๆ เงยๆ แล้วก็ยิ้มอยู่กับโทรศัพท์” เพทายเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร แต่เขาเพียงอย่างจะรู้ว่าเธอรู้มากแค่ไหน และรู้ได้อย่างไร
“ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ รสไม่มีปัญหาอะไร ถ้าคุณจะมีผู้หญิงคนอื่น รสเข้าใจ รสก็แค่ไม่อยากให้คุณโกหก ไม่อยากให้ทำเหมือนว่ารสโง่ ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคุณ” ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกสนใจคนตรงหน้า เธอดูมีทัศนคติบางอย่างที่ให้ความท้าทายกับเขา
“ถ้าคุณรสรู้อยู่แล้ว ผมก็จะไม่ปิดบังนะครับ”
“ค่ะ แต่ก็หวังนะคะ ว่าถ้าสุดท้ายเราสองคน จบที่ต้องแต่งงานกัน รสหวังว่าคุณจะเคลียร์กับผู้หญิงคนนี้ให้เรียบร้อยก่อน” เพทายพยักหน้ารับไปอย่างส่งๆ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเบื่อแคทเธอรีนเมื่อไหร่ อาจจะหลังจากที่เขาเอาชนะเธอได้แล้ว หรือแม้แต่กับรสรินเอง เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสนใจเธอมากขนาดที่ว่ายอมตกลงแต่งงานเลยหรือเปล่า
“คุณรสละครับ ไม่ได้มีใครอยู่แล้วใช่มั้ย” เขาเป็นฝ่ายถามเธอบ้าง
“รสดูเป็นผู้หญิงแบบไหน ในสายตาของคุณละคะ” เธอไม่ตอบแต่กลับย้อนถามเสียอย่างนั้น
“ในสายตาผมเหรอ…คุณดูฉลาด น่าค้นหา ทันคน แล้วก็ไม่ยอมใคร” หญิงสาวยิ้มพอใจกับคำตอบ ถึงจะไม่รู้ว่าเขาตอบเอาใจเธอหรือเปล่าก็ตาม
“เราเพิ่งเจอกันเป็นครั้งที่สองเองนะคะ รีบตัดสินกันเกินไปหรือเปล่า”
“งั้นเราคงต้องเจอกันให้บ่อยขึ้นกว่านี้ ผมจะได้รู้จักคุณให้มากขึ้นอีก ดีไหม” รสรินมองตาคนเจ้าเล่ห์ เธอรู้ว่าเขากำลังต้องการอะไร
“ได้สิคะ ถ้าคนของคุณไม่ว่าอะไร” เธอพูดเหน็บแนมเขาเล็กๆ แต่เพทายก็ยักไหล่ ‘เรื่องอะไรจะยอมให้เธอรู้กันล่ะ’ เขาแอบคิดในใจ
ทั้งคู่สั่งอาหารมาทาน และนั่งเล่นพูดคุยทำความรู้จักกันไปพลาง ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ารสรินเป็นคนที่คุยสนุกมาก จนทำให้เพทายเผลอลืมแคทเธอรีนไปชั่วขณะทีเดียว
หลังจากเพ้อฝันอยู่กับความสุขได้เพียงไม่นาน แคทเธอรีนก็ต้องมานั่งจมอยู่กับเอกสารกองใหญ่ ที่เธอทิ้งมันไปกินข้าวกับเพทาย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้กดดันให้เธอต้องรีบส่งงาน แต่เธอก็ไม่อยากเอาความสนิทสนมของเธอกับเพทาย มาทำให้งานของเธอมีปัญหา
“ยังไม่กลับเหรอคะคุณแคท เลิกงานแล้วนะคะ” พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาเรียก หญิงสาวหันมองออกไปนอกหน้าต่าง และเพิ่งสังเกตเห็นว่าฟ้ามืดสนิทแล้ว
“นั่งทำงานจนลืมเวลาเลยค่ะ พี่นกกลับไปก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวแคทปิดร้านเอง” เธอหันไปตอบก่อนจะนั่งทำงานต่อ ดูท่าแล้วเธอคงไม่ได้ทำเสร็จวันนี้แน่ เพราะมันเยอะเหลือเกิน เธอนั่งทำต่ออีกราวหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะปิดไฟ ปิดประตูแล้วขับรถออกจากร้านไป
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่เธอกำลังขับรถกลับที่พัก มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ เพราะคิดว่าเป็นเพทายที่โทรเข้ามา วันนี้เขาหายไปทั้งวัน ตั้งแต่แยกกันเมื่อตอนเที่ยง
กรี๊ดดด!
โครม!!!
เสียงกรี๊ดดังขึ้นพร้อมกับแสงไฟสว่างวาบ ไม่นานก็เกิดเสียงวัตถุขนาดใหญ่ชนกันดังสนั่นไปทั่วสี่แยก รถของแคทเธอรีนหมุนเคว้งไปตามแรงชน จนกระเด็นพลิกคว่ำไปที่ข้างถนน เธอหมดสติไปทันที
เมื่อกู้ภัยมาถึงก็ส่งตัวคนเจ็บไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว เชสต์คือคนที่โทรหาแคทเธอรีนก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุ ทำให้ทางโรงพยาบาลติดต่อไปหาเขา
เมื่อรู้เรื่องจากโรงพยาบาล เขาก็รีบมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที และพยายามติดต่อหาเพทาย แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ตลอดทั้งวันเขาก็พยายามติดต่อเพทายแต่ก็ติดต่อไม่ได้เลย จึงต้องโทรไปหาแคทเธอรีน
“ติดต่อญาติของคนเจ็บได้หรือยังพี่” เสียงของกู้ภัยคนหนึ่งเดินเข้ามาถามเชสต์ เพราะแคทเธอรีนเคยบอกว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน เขาจึงอยากให้เพทายมาแสดงตัวเป็นญาติให้กับเธอ แต่เพราะติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้เลยเชสต์จึงไม่มีทางเลือกอื่น
“ผมเป็นญาติของเธอครับ”
“มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอครับ” เชสต์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะตอบ
“เป็นเพื่อนครับ”
“ไม่ใช่แฟนใช่ไหมครับ” เชสต์เริ่มรู้สึกหัวเสียกับคำถาม เขาอยากรู้ว่ามันสำคัญมากนักหรืออย่างไร
“เธอไม่มีแฟนหรอกครับ แล้วก็ไม่มีญาติที่ไหนด้วย ผมสามารถตัดสินใจตัดสินใจทุกอย่างได้ ในฐานะเพื่อนของเธอ” เขาตอบด้วยหวังว่าแคทเธอรีนจะได้รับการรักษาเสียที ซึ่งเมื่อได้รับคำยืนยันจากเชสต์แล้ว ทีมแพทย์ก็เริ่มลงมือรักษาแคทเธอรีนอย่างทันที
ถึงอย่างนั้นเชสต์ก็ยังคงพยายามติดต่อเพทายอย่างไม่หยุด เขาใช้ทั้งโทรศัพท์ส่วนตัว และโทรศัพท์ของแคทเธอรีนที่ได้รับมาจากกู้ภัย