เรียวคิ้วดำคมเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อคิลเลียนมองเห็นสตรีที่เขาพานางเข้ามาในคฤหาสน์เมื่อวาน วิ่งออกมาจากห้องนอนราวกับว่านางกำลังวิ่งหนีบางอย่าง
ใบหน้านั้น..งดงามอย่างที่เขาคาดคะเนเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน และยิ่งสายตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อนางเห็นหน้าของเขาก็เดาได้ไม่ยากเลยว่านางน่าจะรู้จักชื่อเสียงของเขาเป็นอย่างดี
ลูกกวางน้อยที่หลงป่าตัวนั้น..กำลังหวาดกลัวเขาด้วยล่ะ แถมนางยังอยู่ในชุดนอนตัวบางที่แนบไปกับส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายอย่างไม่มีปิดบัง เขากวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อให้ทหารทุกคนของโอนิกซ์เดินออกไปก่อน
คิลเลียนนั่งลงตรงหน้าของฟาเดล ความรู้สึกมากมายกำลังตีกันยุ่งเหยิงในหัวเต็มไปหมด เธอเกลียดเขาและกลัวเขาไม่แพ้กัน แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยนั่นคือเขาหล่อ..
เขาคือคนชั่วช้าสารเลวที่หล่อมากจนเธอแทบจะหยุดหายใจ ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเคยเห็นหน้าเขา แต่ทว่านี่คือครั้งแรกที่เธอสามารถมองเห็นใบหน้าของเขาในระยะประชิดเช่นนี้
เมื่อวานเธอยังมองเห็นเขาจากที่ไกลๆ ในตอนที่เขาสั่งให้ทหารลั่นไกปืนเพื่อสังหารชาวบ้านที่เข้าร่วมการประท้วง..
เพราะอย่างนั้นความรู้สึกในใจของฟาเดลมันจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชังมากกว่า
“แววตาของเจ้ามันบ่งบอกว่าเจ้ารู้จักข้าดีเลยนี่..เช่นนั้นเพื่อเป็นการไม่เอาเปรียบกัน เจ้าก็ควรจะบอกกล่าวนามของเจ้าให้ข้าได้รับรู้”
เพียงแค่คำพูดเดียวของเขามันก็สามารถสร้างความกดดันมหาศาลให้กับเธอ ฟาเดลกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาดด้วยความยากลำบาก
“ฟาเดลค่ะ..หากเมื่อวานท่านเคาน์ช่วยเหลือข้าเอาไว้ เช่นนั้นในยามนี้ข้าก็ควรจะขอบคุณท่าน”
เธอไม่ใช่คนโง่ที่จะพุ่งตรงเข้าไปต่อยหน้าเขาสักหมัด ฟาเดลพยายามกดข่มอารมณ์โกรธเอาไว้เพื่อให้ตัวเองกลับมามีสติอีกครั้ง
“เราควรจะเริ่มการพูดคุยด้วยการทานมื้อเช้าไปด้วย ส่งมือของเจ้ามา ข้าคิดว่าเจ้าในยามนี้ต้องการผู้ที่จะช่วยพยุงเจ้าขึ้นไป”
เธอวางมือลงบนมือของเขาด้วยความรู้สึกที่เหมือนอมยาขมเอาไว้ในปาก ฟาเดลขบเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด สิ่งที่นางไม่เข้าใจคือท่านเคาน์โอนิกซ์ไม่เคยให้ความสนใจสตรีเป็นพิเศษเลยแม้แต่คนเดียว แถมยังมีข่าวลือว่าเขาชื่นชอบบุรุษด้วยซ้ำ เพราะว่าเขาไม่เคยชายตามองสตรีใดหรือแม้กระทั่งการพูดคุยเรื่องการแต่งงานกับเลดี้ชนชั้นสูงตระกูลอื่นๆ
ฟาเดลเข้าใจมาตลอดว่าที่เขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีใดมันเป็นเพราะว่าเขายังตัดใจจากแอนนาไม่ได้ แต่การที่เขาพาเธอเข้ามาที่นี่ ฟาเดลไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่
“ข้าคิดว่าตัวเองมารบกวนท่านเคาน์นานมากเกินไปแล้วค่ะ ลำพังที่ท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้เมื่อคืน ข้าก็น่าจะตอบแทนท่านไม่ไหวแล้ว”
เธอพยายามดึงมือของตัวเองออกมาจากมือของเขา แต่คิลเลียนกับกุมมือของเธอเอาไว้แน่นมากกว่าเดิม
“รบกวนหรือไม่ เรื่องนั้นข้าจะตัดสินเอง”
มุมปากที่ยกสูงขึ้นของเขามันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขากำลังรู้สึกสนุกที่ได้ไล่ต้อนเธอให้จนมุม
บางที..ในบางทีเขาอาจจะรู้แล้วก็ได้ว่าเธอคือแกนนำผู้ประท้วง และนี่คงเป็นความเพลิดเพลินในการหาทางสังหารเธออย่างทรมานที่สุดในแบบของเขา
เมื่อฟาเดลนั่งลง อาหารมากมายก็ถูกยกขึ้นมาวางเอาไว้บนโต๊ะ เพราะไม่ได้เกิดมาเป็นชนชั้นสูง ฟาเดลจึงไม่รู้ว่าเธอจะต้องใช้ช้อนมากกว่าห้าคันบนโต๊ะนี่อย่างไรดี เธอไม่เริ่มทานและไม่คิดแตะต้องอาหารที่หน้าตาสวยงามบนโต๊ะเลยสักอย่าง
คิลเลียนโบกมือเพื่อให้สาวใช้และทหารทั้งหมดเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหาร
เขาต้องการเวลาส่วนตัวที่จะใช้เพื่ออยู่กับ..สตรีที่กล้าลองดีกับเขา คิดว่าเขาจะพาสตรีที่ไม่รู้จักเข้ามาในคฤหาสน์ของท่านแม่อย่างนั้นหรือ เขาให้เซอร์ลูอิสไปสืบเรื่องของสตรีเบื้องหน้าเขามาแล้ว
ฟาเดล..แกนนำการประท้วงเพื่อให้ยุติกฎข้อห้ามของสตรีกว่าห้าสิบข้อที่เขาพึ่งจะประกาศออกไป นางกล้ามากทีเดียวที่จะลุกขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเขา
“เรามาพูดคุยกันแบบตรงไปตรงมาดีไหม? ข้าไม่ถนัดเรื่องการพูดอ้อมค้อมน่ะฟาเดล”
น้ำเสียงที่เขาใช้พูดคุยกับเธอมันแตกต่างไปจากครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง นั่นยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้ว่าเขารู้แล้วว่าเธอคือใคร
“ได้ค่ะท่านเคาน์ ข้าเองก็ไม่ได้ถนัดกับการกระทำที่เสแสร้งเหมือนกัน”
เมื่อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังตัวตน ฟาเดลจึงเชิดหน้าขึ้นมาพร้อมกับมองใบหน้าที่หล่อเหลาปานรูปสลักของเขา เธอไม่ได้รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองสั่นไหวเมื่อได้มองหน้าเขาอีกแล้ว เพราะใบหน้าหล่อๆ นั่นถูกความชั่วช้าของเขากลบฝังจนมิดเลยนะสิ
มุมปากของคิลเลียนยกสูงขึ้นมา เขาใช้มีดหั่นเนื้อแกะก่อนจะตักเข้าปาก
“ทำไมถึงคิดว่าข้าจะฟังถ้อยคำจากผู้ที่ก่อการประท้วงล่ะ สตรีเป็นเพียงสมบัติชิ้นหนึ่งของบุรุษเท่านั้นเอง เจ้ามีสิทธิอะไรถึงได้กล้าแข็งข้อกับคำสั่งของข้า?”
ในเมื่อเขาถามอย่างตรงไปตรงมาเช่นนั้นเธอก็จะตอบอย่างตรงไปตรงมาเหมือนกัน
“ข้อแรก ทุกชีวิตเท่าเทียมกันค่ะ ไม่มีเพศใดหรือว่าใครที่เหนือกว่าใคร เราทุกคนเท่าเทียมกันและสตรีไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านเคาน์ลิดรอนสิทธิของพวกเราจนดูเหมือนกับว่าสตรีผิดตั้งแต่เกิดมาแล้ว ทั้งๆ ที่บุรุษทุกคนต่างก็เกิดมาจากสตรี ไม่ได้วิเศษวิโสจนสามารถเกิดมาจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย”
เธอจ้องมองใบหน้าของเขา ด้วยดวงตาที่ไร้วี่แววของความเกรงกลัว ฟาเดลคิดว่าหากวันนี้เธอจะถูกเขาฆ่าตาย เช่นนั้นเธอก็จะทำให้คนสารเลวผู้นี้ได้สติสักหน่อยเถิด
“หากอยากมีชีวิตที่ดี เจ้าควรจะเอาเวลาในการประท้วงเพื่อไปตามหาสามีที่เป็นขุนนางแบบนั้นไม่ดีกว่าอย่างนั้นหรือ?”
กำหมัด! ฟาเดลพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ นี่เธอกำลังคุยกับก้อนหินอยู่รึไงวะ!
“เพราะว่าข้าคือสามัญชน มิใช่เลดี้ชนชั้นสูง สามีที่ข้าพอจะได้เป็นภรรยาของเขาก็คือสามัญชนที่ในยามนี้ชายที่ฐานะเท่าเทียมกันกับข้า ดีแต่ดื่มสุราไปวันๆ พวกเขาไม่ต้องทำไร่ด้วยตัวเองด้วยซ้ำ แต่กลับได้กำไรจากการนำผลผลิตในไร่ไปขาย แถมยังมาข่มเหงรังแกสตรีที่ทำไร่ให้พวกเขาอีกต่างหาก ชายแบบนี้เหมาะสมหรือว่าคู่ควรให้ข้าจับเขามาเป็นสามีอย่างนั้นหรือคะ หรือหากว่าข้าได้เป็นภรรยาของขุนนาง ข้าก็ไม่มีทางได้เป็นบารอนเนสหรือว่าเคาน์เตสเพราะว่าสตรีสามัญชน เป็นได้เพียงแค่ภรรยารองเท่านั้น กฎห้าสิบข้อที่ท่านประกาศออกมา มันเอื้อให้บุรุษทำเรื่องชั่วช้ากับสตรีมากกว่าที่จะช่วยทำให้จักรวรรดิสงบสุข”