กัวเล่อเยี่ยนเชิญกู้เฉียวจิงไปนั่งพร้อมทั้งรินน้ำชาพลางเอ่ย
“ต้องขออภัยคุณหนู คนของข้าเสียมารยาทยิ่ง”
กู้เฉียวจิงเหม่อมองนิ้วมือทั้งเรียวเล็กและขาวผุดผ่อง ที่ยืนจอกชามาตรงหน้า ผงสมุนไพรเล็ก ๆ ที่ติดอยู่ตรงช่วงแขนทำให้นางเกือบจะเอามือไปปัดออก นางรู้สึกว่าตนเองเสียอาการยิ่ง พลันได้สติ รีบรับจอกชามาแล้วพูดขึ้น
“คุณหนูเกรงใจเกินไปแล้ว ท่านมีฐานะสูงส่งไม่อาจจะเปิดเผยตน ข้าเข้าใจ”
“ไม่ทราบว่านามของท่านคือ ?”
“...ข้า กู้เฉียวจิงเจ้าค่ะ..เอ่อ ฐานะของข้าค่อนข้างที่จะ..ยังไม่ชัดเจนเท่าไรนัก ข้าพึ่งมาเมืองหลวงเมื่อวาน”
กัวเล่อเยี่ยนยิ้มละมุน ท่าทีบ่งบอกว่าหาได้ใส่ใจฐานะของอีกฝ่าย นางเอ่ย
“ข้าอดแปลกใจไม่ได้...ท่านทราบเรื่องที่ข้ามีวิชาแพทย์ทั้งได้เล่าเรียนกับอาจารย์เหิง..เพราะแม้กระทั่งคนในครอบครัวก็หาได้รู้เรื่องนี้ไม่...”
ความลับอย่างไรก็ควรเป็นความลับ การที่กู้เฉียวจิงเอ่ยพูดความลับของคนอื่น ย่อมทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ นางจึงรีบพูด
“ต้องขออภัยคุณหนูกัว ต่อไปเรื่องนี้ข้าจะไม่เอ่ยเรื่องนี้ส่งเดชอีก” ใบหน้างดงามส่ายเบา ๆ ไม่ให้คนลำบากใจ
“มิใช่เช่นนั้น ... เดิมไม่ใช่ความลับ เพียงแต่ไม่มีผู้ใดเอ่ยถาม ข้าจึงไม่ได้เอ่ยออกไปเท่านั้น”
กัวเล่อเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงกันเองอีกทั้งยังมีท่าทีเปิดเผยตรงไปตรงมา ทำให้กู้เฉียวจิงรู้สึกดีกับกัวเล่อเยี่ยนยิ่ง อีกทั้งนางไม่มีท่าทีพินิจวิเคราะห์ผู้อื่น อัปกิริยาเช่นนี้นับว่าหาได้ยากยิ่งในสังคมที่ล้วนให้เกียรติคนชั้นสูงและชอบดูหมิ่นคนไร้ฐานะ พอจะกล่าวคำเสแสร้งพลันรู้สึกละอายใจขึ้นมา น้ำเสียงที่พูดจึงแผ่วเบา
“อาจารย์ข้าอิจฉาท่านอาจารย์เหิงยิ่ง จึงตั้งใจสั่งสอนข้าหวังจะได้มีโอกาสโอ้อวดบ้าง...ทว่าข้ากลับทำให้อาจารย์ต้องผิดหวัง”
“ข้าเชื่อว่าคุณหนูกู้ย่อมมีความพิเศษในตัว ท่านไม่จำเป็นต้องดูหมิ่นตัวเองเช่นนี้”
พอได้ยินกัวเล่อเยี่ยนเอ่ยเรียกอีกครั้ง กู้เฉียวจิงจึงรีบอธิบาย
“คุณหนูกัว เรียกข้าว่าแม่นางกู้เถอะเจ้าค่ะ ...ข้ามิใช่คุณหนูอ่อนเยาว์แล้ว... เดิมทีข้าเป็น ฮูหยินของเสิ่นเยี่ยหง ทว่าตอนนี้พอท่านพี่ฟื้นความทรงจำ ข้าจึงไม่มั่นใจในฐานะตนเองเท่าไรนัก”
กัวเล่อเยี่ยน นิ่งวาจาไปสักครู่ใหญ่ ทบทวนเรื่องราวของบุรุษนามเสิ่นเยี่ยหงในใจ คนผู้นี้จำได้ว่าหลังจากได้รับพระราชทานสมรสกับคุณหนูเกาเหยาชุน จากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อเรียบเรียงคำพูดของกู้เฉียวจิง ก็พอเข้าใจเรื่องราวแจ่มชัด รู้สึกเห็นใจสตรีตรงหน้าขึ้นมา จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีไมตรี
“ในเมื่อแม่นางกู้มาหาข้าที่นี่ คงไม่มาเพียงจะพูดคุยกับข้าแค่นั้นกระมัง...พูดมาเถอะท่านต้องการจะให้ข้าช่วยสิ่งใด”
กัวเล่อเยี่ยนมีจิตใจงดงามสมกับเป็นนางเอก กู้เฉียวจิงจึงพูดด้วยลำบากใจอย่างไม่ต้องเสแสร้ง
“ข้ารู้สึก..ละอายใจยิ่ง เจอกันครั้งแรกก็มาขอรบกวน...คือ..ข้าได้มีวาสนาเล่าเรียนกับอาจารย์อยู่เพียงช่วงหนึ่ง ได้เรียนรู้และทำยาลูกกลอน...ทว่ายังไม่ทันได้เล่าเรียนเรื่องการรักษาอาจารย์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย...ข้ามาวันนี้ตั้งใจจะมาขอเสนอขายยาให้กับร้านของท่านเจ้าค่ะ” จากนั้นกู้เฉียวจิงก็หยิบยาพาราและยาแก้แพ้ออกมาอย่างละขวดแล้วอธิบายต่อ
“ยาตัวนี้จะเป็นตัวลดไข้ 1-2 เม็ดสำหรับผู้ใหญ่กินห่างกัน 2 ชั่วยาม ส่วนอีกกล่องจะเป็นยาแก้อาการไอหรือเหนื่อยล้าเจอไยเย็นลมหนาวลมแดดเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นขวดยา แววตานิ่งสงบของกัวเล่อเยี่ยนก็กระพือไหว เกิดประกายวาววับขึ้นมา นางไม่เคยเห็นยาลักษณะนี้มาก่อน พอหยิบยาขึ้นมาดมกลิ่น คิ้วเรียวหงส์ก็ขมวดเข้าอย่างใช้ความคิด
“ข้าไม่เคยเห็นสูตรยานี้มาก่อน”
กู้เฉียวจิงจึงรีบพูดขึ้น “แน่นอนว่าข้าจะทิ้งยาพวกนี้ไว้ให้ท่านทดสอบมันเสียก่อน”
เมื่อสักครู่นางยังมีอัปกิริยาสูงส่งไม่ยี่หราต่อสรรพสิ่ง ทว่าเรื่องเกี่ยวกับยาและการแพทย์กัวเล่อเยี่ยนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ ท่าทีเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นางหยิบยาขึ้นมาบดละเอียดในนิ้วมือพร้อมทั้งพูดขึ้น
“แล้วหากเป็นเด็กเล่า”
“กินเพียงครึ่งหนึ่งเจ้าค่ะ ถ้าเด็กเล็กมากก็ลดลงมาอีก”
“ยาแก้ไข้ ตัวร้อน อย่างนั้นรึ”
แม้จะไม่มีความรู้เรื่องยา ทว่ายาพารากู้เฉียวจิงก็พอจะอธิบายได้
“ยาตัวนี้นอกจากจะช่วยลดไข้ตัวร้อนสูง ภายในหนึ่งเค่อไข้ก็จะลดลง แล้วยังช่วยลดอาการปวดตามร่างกาย แต่ไม่อาจจะทานติดต่อกันเกิน 4 วันนะเจ้าค่ะ”
“วิเศษขนาดนั้นเลยหรือ”
กู้เฉียวจิงพยักหน้าสีหน้าภาคภูมิใจ “ท่านลองทดสอบดูก็ได้เจ้าค่ะ ทว่า..คุณหนูกัว...ข้าจะขอรบกวนท่านช่วยปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะเจ้าค่ะ...วันข้างหน้าล้วนไม่แน่นอน ข้าต้องการจะเหลือทางรอดไว้ให้ตัวเอง” เรื่องการเป็นลูกศิษย์หมอเทวดาบางครั้งเปิดเผยออกไปย่อมทำให้เกิดความยุ่งยาก แม่นางกู้ตอนนี้มิอาจเพิ่มความลำบากใจอีก นางจึงรับปากทันที
“เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวล แม่นางกู้มาหาหมอเพื่อปรึกษาเรื่องโรคของสตรีเท่านั้น...”
กู้เฉียวจิงยิ้มพราย วันนี้นับว่านางประสบความสำเร็จ
“ขอบคุณท่านมาก ข้าไม่อาจจะออกจากจวนได้ตามอำเภอใจมากนัก ทว่าหากมีเรื่องด่วนท่านสามารถไปตามข้าที่จวนตระกูลเสิ่นได้นะเจ้าค่ะ...”
“ข้าทราบแล้ว...แล้วข้าจะส่งข่าวไป”
กู้เฉียวจิงยกมือประสานขอตัวกลับ กัวเล่อเยี่ยนก็ย่อตัวคารวะอีกฝ่ายเช่นกัน จากนั้นฉู่อันก็เดินไปส่งกู้เฉียวจิงที่หน้าโรงหมอ เขาเดินกลับมาเข้ามาแล้วเอ่ยถามกัวเล่อเยี่ยนทันที
“คุณหนู..สตรีเมื่อสักครู่ที่มาไม่ชัดเจน เหตุใดท่านจึงด่วนไว้ใจนางเล่าขอรับ”
กัวเล่อเยี่ยนมองดูขวดยาในมือใบหน้าของกู้เฉียวจิงก็ผุดขึ้นมา แม้ใบหน้าของกู้เฉียวจิงจะดูอ่อนหวานอ่อนโยน ทว่าในแววตากลับมีประกายความลึกลับเย็นชาแฝงอยู่ นับได้ว่าห่างจากความใสซื่อบริสุทธิ์อยู่มาก แต่นั้นหาใช่สิ่งที่นางสนใจ ผู้คนที่เกิดมาลำบากจะมีสายตาสดใสไร้กังวลนั้นต่างหากคือความจอมปลอม นางยิ้มอ่อนละมุนแล้วตอบ
“แล้วเหตุใดต้องไม่ไว้ใจด้วยเล่า ผู้คนย่อมมีเหตุผลของตนเอง นางมีความต้องการของนาง ข้าก็มีความต้องการของข้า ขอแค่ไม่ผิดศิลธรรม ไม่ทำร้ายผู้อื่น เหตุใดต้องกังวลให้มากเล่า”
ฉู่อันได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไม่เอ่ยวาจาอีก เมื่อกัวเล่อเยี่ยนตัดสินใจแล้ว ย่อมไม่เปลี่ยนใจอีก
ในขณะนั้น รถม้าของกู้เฉียวจิงก็กำลังกลับจวน
นางเลิกผ้าม่านมองบริเวณรอบ ๆ รถม้าค่อยๆ เคลื่อนผ่านกำแพงประตูตระหง่านของตระกูลใหญ่หลายตระกูล แน่นอนว่าถนนสายนี้ล้วนเต็มไปด้วยจวนขุนนางสูงศักดิ์ บ้านตระกูลเสิ่นเองก็อยู่ท่ามกลางคฤหาสน์ของเหล่าตระกูลผู้มั่งมีแห่งนี้ นางจำเป็นต้องเรียนรู้และจดจำสถานที่ใหม่ ไม่แน่ใจว่าตลอดชีวิตหลังจากนี้นางจะได้อยู่ที่นี่ตลอดไป