เอาใจ

1157 คำ
ในตอนเช้าตรู่ฉู่จวิ้นตื่นตั้งแต่เช้า เขาพยายามลุกบอกเตียงด้วยเสียงที่เบาที่สุดเพราะกลัวว่าภรรยาจะตื่น ชายหนุ่มรีบสวมเสื้อผ้าแล้วเดินกลับไปห้องหนังสือ พวกเขาสองสามีภรรยาแยกตัวออกมาอยู่อาศัยในบ้านหลังเก่าที่อยู่ติดกับเชิงเขา เนื่องจากบ้านหลักที่สร้างขึ้นใหม่แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่นอกจากท่านพ่อท่านแม่ของเขาแล้ว ยังมีเหล่าพี่ชายและพี่สะใภ้รวมถึงหลานๆ อีกหลายคนอาศัยอยู่ ดังนั้นในบ้านจึงไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัว องค์หญิงเองก็ไม่ได้ยินดีที่จะอยู่ร่วมกับคนในตระกูลฉู่ ดังนั้นท่านแม่จึงให้คนทั้งคู่ไปอยู่อาศัยในบ้านหลังเก่าแทน ถึงแม้จะเรียกว่าเป็นบ้านหลังเก่าแต่ก็ไม่ได้เก่าทรุดโทรมถึงเพียงนั้น มันเป็นบ้านที่ท่านพ่อสร้างให้กับท่านย่าตอนเพิ่งสอบติดจอหงวนใหม่ๆ ตัวบ้านมีขนาดกว้างขวางพอดีสำหรับพวกเขา แม้ว่าตอนกลางคืนพวกเขาสามีภรรยาจะนอนห้องเดียวกัน แต่เสื้อผ้าและข้าวของส่วนใหญ่ของฉู่จวิ้นจะอยู่ในห้องหนังสือมากกว่า แน่นอนว่าเป็นเพราะภรรยาไม่ชอบหน้าเขา ดังนั้นถึงไม่อยากเห็นเสื้อผ้าของเขาปะปนกันกับนาง เมื่อออกมาจากห้องก็เห็นว่านางกำนัลทั้งสองต่างยืนรออยู่แล้ว "องค์หญิงยังไม่ตื่น พวกเจ้าอย่าเพิ่งเข้าไป" "เจ้าค่ะ" เสี่ยวจูและเสี่ยวเจินขานรับเสียงเบา ระหว่างเดินกลับห้องหนังสือเขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะผอมลงไปมาก ขนาดหน้าอกก็ลดลงไปจากเมื่อก่อน การเดินทางมาชนบทในครั้งนี้ทำให้นางได้รับความยากลำบากจริงๆ อีกอย่างตอนนี้ก็อยู่ในช่วงไว้ทุกข์อาหารการกินมีแค่โจ๊กและผักทุกวัน แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกหิวโหยเช่นกัน ชายหนุ่มหันกายไปยังทิศทางสุสานท่านย่า "ท่านย่าตอนที่ท่านมองลงมาจากบนสวรรค์…ท่านคงต้องทุกข์ใจมากเป็นแน่ ตอนนี้หลานชายและหลานสะใภ้ของท่านต้องอดอยากผอมแห้ง ดังนั้นวันนี้หลานจะขึ้นเขาไปหาเนื้อมากิน ขอท่านย่าได้โปรดให้อภัยหลานด้วยเถิด" พูดจบเขาก็โค้งคำนับลงสามครั้ง ก่อนจะรีบปีนขึ้นไปบนกำแพงด้านหลังเรือนด้วยความชำนาญ หมู่บ้านสือเฉียวล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ บ้านของตระกูลฉู่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากลำธารเล็กๆ บนภูเขา ซึ่งเขาคุ้นเคยกับสถานที่บริเวณนี้เป็นอย่างดีเพราะเคยวิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ ฝ่ายอันหนิงเมื่อตื่นขึ้นมาก็เข้าไปอาบน้ำโดยที่ไม่ให้นางกำนัลเข้ามารับใช้ เมื่อคืนที่ผ่านมาฉู่จวิ้นเป็นเหมือนหมาป่าที่หิวโหย แม้จะทำเช่นนั้นไม่ได้แต่เขาก็ยังคงลูบไล้ด้านนอก รอยแดงมากมายเกิดขึ้นไปทั่วร่างกายของนาง หลังจากชำระร่างกาย อันหนิงก็ใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเอง ก่อนจะเรียกนางกำนัลให้เข้ามาช่วยเช็ดผมให้ นางหลับตาเอนกายพิงเก้าอี้ ปล่อยให้นางกำนัลเป็นคนจัดการเช็ดผม เสี่ยวจูเป็นคนมาช่วยกันเช็ดผมให้ผู้เป็นนาย ส่วนเสี่ยวเจินเป็นคนไปเตรียมอาหารเช้า อันหนิงเอ่ยถามทั้งที่ยังหลับตา "ฟู่หม่าอยู่ที่ใด" (ฟู่หม่า หมายถึง ราชบุตรเขย) เสี่ยวจูรีบตอบ "ฟู่หม่าออกไปตั้งแต่ยามเช้าตรู่แล้วเพคะ" อันหนิงขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าตามหนังสือนิยายนิสัยของฉู่จวิ้นเป็นพวกไม่อยู่ในกรอบ แน่นอนว่าเขาจะต้องขึ้นเขาไปหาเนื้อสัตว์มากินอย่างแน่นอน และทุกครั้งเมื่อนำเนื้อสัตว์กลับมาฝากภรรยาที่เรือนก็มักจะถูกนางสงสายตารังเกียจกลับมา “องค์หญิง เสวยก่อนเถิดเพคะ" เสี่ยวเจินยกชามบะหมี่เข้ามาในห้อง อันหนิงพยักหน้าและให้เสี่ยวจูรวบผมปักปิ่น ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะกินข้าว เช้านี้เสี่ยวเจินทำบะหมี่ผัก สีสันดูน่ารับประทานมากเลยทีเดียว ทักษะการทำอาหารของเสี่ยวเจินนั้นดีมาก รสชาติของบะหมี่ชามนี้ดีอย่างที่คิดไว้ อันหนิงกินไปได้เกือบครึ่งชามเลยทีเดียว นางกำนัลรับใช้ทั้งสองคอยยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นผู้เป็นนาย สามารถกินอาหารได้เยอะเช่นนี้พวกนางก็ดีใจจนอยากจะร้องไห้ เมื่ออันหนิงเห็นดวงตาที่เป็นสีแดงก่ำของนางกำนัลทั้งสอง หญิงสาวก็รู้สึกสงสารขึ้นมา องค์หญิงอันหนิงในนิยายเป็นเพราะไม่พอใจที่ต้องมาอยู่หมู่บ้านชนบทตามคำสั่งของเสด็จแม่ ทำให้นางไม่นึกอยากกินอะไรทั้งนั้น เมื่อถึงเวลากลับไปเมืองหลวงมันก็ส่งผลทำให้ใบหน้าของนางซีดเซียวและร่างกายซูบผอม ยามที่ฮองเฮาเห็นพระราชธิดาเป็นเช่นนั้นก็โกรธมากจนสั่งโบยนางกำนัลที่ติดตามจนแทบจะเดินไม่ได้ "เอาล่ะ ต่อไปข้าจะพยายามกินทุกอย่างที่พวกเจ้าทำมา ตอนนี้พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าอยากอยู่เงียบๆ " หลังจากนางกำนัลทั้งสองเดินออกไป อันหนิงก็เดินไปที่ริมหน้าต่าง เมื่อมองลงไปตรงกลางลานบ้าน นางก็เห็นว่ามีดอกไม้ที่มองออกว่าเพิ่งปลูกได้ไม่นาน กิ่งก้านของมันยังคงหักงอโน้มตัวลงไปที่พื้นดิน ดูเหมือนว่าคนตระกูลฉู่จะสร้างความประทับใจให้แก่องค์หญิง เพื่อไม่ให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์ยามที่อยู่ในหมู่บ้านชนบทแห่งนี้ ช่วงเวลานี้ในหนังสือบรรยายไว้ว่าฉู่จวิ้น พยายามจะเป็นสามีที่ดี โดยที่ชายหนุ่มแอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อล่าไก่ป่ามาให้นางที่ดูผอมโซ แต่ผลลัพธ์กลับยิ่งแย่ลงกว่าเดิม เพราะว่านางยิ่งรังเกียจเขามากขึ้นไปอีก และด่าว่าเขาเป็นพวกป่าเถื่อน ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงย่ำแย่มาก เรียกได้ว่าพวกเขาทนอยู่ด้วยกัน จนถึงวันที่ฉู่จวิ้นจากไป องค์หญิงอันหนิงก็ไม่เคยพูดจาดีๆ กับเขาเลยสักครั้ง อันหนิงคิดว่าเขาน่าสงสารมาก ผู้ชายดีๆ เช่นนี้ช่างโชคร้ายที่ได้ภรรยาแบบองค์หญิง แต่ตอนนี้นางมาอยู่ในร่างนี้แทนแล้ว ดังนั้นอันหนิงจึงตั้งใจที่จะทำดีกับเขาให้มากๆ และพยายามจะช่วยทั้งเขารวมถึงคนในตระกูลฉู่ให้รอดพ้นจากโศกนาฏกรรมในอนาคตไปให้ได้ ❤️วันนี้มาตอนเดียวนะคะ ❤️
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม