ก่อนหน้านี้…
ทันทีที่รู้ว่ามิล่าทำอะไรอยู่ที่ไหน และอยู่กับใคร เคเรนด์ก็ไม่ปล่อยให้เธอรอนาน แถมยังรู้มาอีกว่าเธอกำลังจะเข้าทำงานในบริษัทของเพื่อนพ่อเขา อีกทั้งเขายังรู้จักกับประธานบริษัทในขณะนี้อีกด้วย ไม่ได้ยากอะไรหากว่าเคเรนด์คาร์นจะสามารถเข้ามาทำงานเป็นหัวหน้าของแผนกนี้ได้
เพราะความพลาดพลั้งในอดีตทำให้เขาไม่อยากแก้ตัว มาเฟียหนุ่มไม่ได้ติดต่อเธอไปแม้ว่าจะออกจากที่กักขังแล้ว มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาจะทำในตอนนี้คือการเริ่มต้นใหม่กับเธอ
“เธอเดินมาแล้วครับ” วิลเลี่ยมเอ่ยปากบอกนายเมื่อเห็นมิล่ากำลังเดินเข้าบริษัท ได้ยินอย่างนั้นคนเป็นนายก็อยู่ไม่นิ่ง
“กูหล่อหรือยัง”
“ไม่มีใครหล่อเท่านายแล้วล่ะครับ” แม้จะเป็นคำเอ่ยชม ทว่าพอออกจากปากวิลเลี่ยมแล้วมันไม่น่าเชื่อถือมากนัก เคเรนด์ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันไปมองดูกระจก
สูทสีครามทั้งตัวอย่างนี้เขาไม่ได้ใส่มันบ่อยครั้ง หนวดเคราเกลี้ยงเกลาไม่มีแม้แต่ตอ ใบหน้าหล่อเหลาที่ปรากฏอยู่บนกระจกนี้ทำให้เขายกยิ้มมุมปาก ก้อนเนื้อข้างซ้ายเต้นตึกตักกับการจะได้เจอเธออีกครั้ง ความคิดถึงและความโหยหาทำให้ใบหน้าของเขามีแต่รอยยิ้ม
“มัวแต่ยืนยิ้มจะได้เจอเธอไหมครับ เธอน่าจะขึ้นลิฟต์มาแล้วนะครับ” เสียงของวิลเลี่ยมแม้จะดูเป็นการไม่ให้เกียรติ ทว่าวันดี ๆ อย่างนี้เขาก็ไม่อยากอารมณ์เสีย
เคเรนด์กระชับเสื้อสูทก่อนที่เขาจะเดินออกไปเปิดประตูห้องทำงานของตนออก ซึ่งการปรากฏตัวของเขาทำให้พนักงานส่วนหนึ่งที่มาทำงานก่อนเวลาต้องตกใจ
หลังจากที่หัวหน้าแผนกโปรดักซ์ดีไซน์ว่างมาหลายเดือน ประธานบริษัทอย่างอิทธิกรก็ได้ให้รักษาการมาดูแลแทน ทว่าเมื่อหลายวันที่ผ่านมาเพิ่งมีข่าวว่าจะได้หัวหน้าคนใหม่ แต่ไม่คิดว่าจะมาวันนี้
“หัวหน้าใหม่เหรอ...”
“ใช่ค่ะพี่โรส หนูเห็นเขาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ มาทำงานเช้ามาก...” โรสรินมองชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินผ่านแผงกั้นพนักงานไปทางประตูลิฟต์ เธอยิ้มบาง ๆ ให้กับใบหน้าหล่อเหลาของเขา
“หล่อใช่ไหมคะ พี่ไม่คุ้นหน้าเขาจริงเหรอ คุณเคเรนด์เนี่ย ออกข่าวธุรกิจต่างประเทศทุกวันเลยล่ะค่ะ”
“ข่าว? ข่าวอะไร คนดังเหรอ”
“ไม่ใช่แค่ดังค่ะพี่ แต่เป็นอภิมหาเศรษฐีเลยล่ะค่ะ” โรสรินตาโต อภิมหาเศรษฐีที่ไหนจะมาเป็นหัวหน้าแผนกเธอได้ ทว่า
“จริง ๆ แล้วเขาเป็นพ่อค้าอาวุธค่ะ แล้วก็รู้จักกับท่านประธาน เห็นในอินเทอร์เน็ตบอกว่าคุณพ่อของท่านประธานเป็นเพื่อนกับพ่อของเขาค่ะ”
“จริงเหรอหนูนา เธอไม่ได้อำใช่ไหม”
“ไม่อำแน่นอนค่ะพี่...ไม่เชื่อพี่ลองค้นชื่อเขาดูสิคะ” พอเห็นหนูนาพูดอย่างนี้ โรสรินก็ไม่ได้ค้นข้อมูลดูอย่างที่ควร ท่าทางสง่างามน่าเกรงขามของเขาทำให้เธอปักใจเชื่อโดยไม่ต้องสืบ
โรสรินฝันอยากเป็นหนูตกถังข้าวสารมานานแล้ว ยิ่งมีตัวอย่างเป็นเมียท่านประธานบริษัทนี้อีกด้วย ภรรยาของประธานบริษัทคนปัจจุบันเธอเป็นเพียงพนักงานระดับล่างของที่นี่แต่พอมัดใจท่านประธานได้ ผู้หญิงคนนั้นก็มีชีวิตที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง พอยิ่งคิดความรู้สึกอยากได้มาครอบครองก็เอ่อล้นออกมา ทว่า
“เอ๊ะ...นั่นมันยัยหัวทองคนเมื่อคืนนี่!” โรสรินโพล่งเสียงออกมาเสียงดังจนทำให้สาวรุ่นน้องที่ยืนอยู่ข้างกายสะดุ้ง แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ว่าอะไรก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
มิล่าล้มหน้าคะมำลงไปกองกับพื้น พอเห็นอย่างนี้โรสรินก็ได้ขำออกมาเสียงดัง แต่ขำได้ไม่นานก็ต้องตกใจให้กับการเดินเข้าไปหาของเขาคนนั้น
หัวหน้าคนใหม่ของเธอเดินเข้าไปหาเธอคนนั้นราวกับจะไปช่วย พอเห็นอย่างนั้นหญิงสาวในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนก็ได้ออกตัวเดินทันที แต่พอยิ่งเดินเข้าไปใกล้การพูดคุยของคนทั้งคู่ยิ่งทำให้โรสรินแปลกใจ
“เธอเลือดออกนะ...” โรสรินหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสงสัย แต่เธอไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปโดยให้เขาสนใจเธอคนนั้นมากกว่า
“สวัสดีค่ะ...คุณเคเรนด์ใช่ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยปากทักทายด้วยน้ำเสียงหวานหยด เธอขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ทว่าส่วนสูงของเขาก็ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นคุยแม้ว่าจะอยู่ในส้นสูงสามนิ้วครึ่งก็ตามแต่ ซึ่งพออีกฝ่ายหันหน้ามามองริมฝีปากบางก็ได้เอ่ยแนะนำตัวทันที
“ฉัน...โรสรินค่ะ” ทว่าเสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นทำให้มิล่าชะงักฝ่าเท้า เธอหมุนตัวหันหลังไปมองก่อนจะเบิกตากว้างให้กับสิ่งที่เห็น ผู้หญิงคนนี้คือคนเดียวกับที่หาเรื่องเธอเมื่อคืน
“ฉันเป็นดีไซน์เอ็นจิเนีย*ของที่นี่นะคะ...” โรสรินว่าพร้อมกับยิ้มหวาน เธอยื่นฝ่ามือไปข้างหน้าหมายจะทำความรู้จัก ซึ่งอีกฝ่ายก็ยื่นมือออกมาจับมือเธอเช่นกัน ทำเอาคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังคนทั้งคู่ไม่พอใจ
มิล่ากำมือเขาหากันแน่น มองดูก็รู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อโรสรินคนนี้คิดอะไรขณะเดียวกันผู้ชายอย่างเคเรนด์ก็คงเล่นด้วยเหมือนเดิม เขาไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย
เจ้าชู้เป็นที่หนึ่ง
มิล่าส่ายหน้า หญิงสาวก้าวขาเดินหนีไป เธอเอือมระอาเหลือเกินกับการกระทำของเขา แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวเธอก็ต้องหยุดนิ่งให้กับการเดินมาขวางทางของคนตัวโต ซึ่งการกระทำของเขาทำให้โรสรินตกใจเช่นกัน พอเห็นท่าทีสนใจของเขาหญิงสาวก็เดินตามเข้ามาทันที
“รู้จักกันเหรอคะ”
“ครับ/ไม่...” คำตอบรับที่ไม่ตรงกันทำให้โรสรินขมวดคิ้ว แต่ที่ทำให้หัวใจแกร่งเจ็บแปล๊บคงเป็นคำตอบกลับของเธอคนนี้
“ไม่รู้จัก ฉันไม่รู้จักเขา ไม่เคยรู้จักเลยสักนิด” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเฉยชาทำให้เคเรนด์กลืนน้ำลายลงคอ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยิ้มให้เธอแม้ว่าภายในใจจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตามแต่
“ครับ ไม่รู้จักหรอกครับ ผมคงเข้าใจผิด พอดีผมแค่เป็นห่วงเกรงว่าว่าคุณจะเจ็บหัวเข่า”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ...” เธอว่าเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้เคเรนด์ยืนนิ่งอยู่กับที่มองแผ่นหลังของเธออยู่อย่างนั้น
“ตลกจังนะคะ หึ พนักงานใหม่ก็อย่างนี้แหละค่ะ ไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร” โรสรินเหยียดยิ้ม น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แต่พอเห็นว่าเธอคนนั้นกำลังมาทำงานที่นี่ก็อดที่ยิ้มไม่ได้ จะได้ชำระแค้นเรื่องเมื่อคืนก็คราวนี้แหละ
“ฉันไม่นึกคิดว่าบอสคนใหม่จะมาในวันนี้ค่ะ เลยไม่ได้ให้เพื่อนในแผนกเตรียมกระเช้ามาให้ ขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เคเรนด์ไม่ได้สนใจเธอตรงหน้าสักเท่าไร เขาเพียงแค่ตอบรับในฐานะเจ้านาย ความเป็นจริงเขาก็มีบริษัทไม่ได้มีแค่โรงงานผลิตอาวุธ เคเรนด์รู้ว่าตัวเองต้องวางตัวอย่างไรกับพนักงาน
“เอ่อ...ให้ฉันแนะนำเพื่อนพนักงานให้ไหมคะ”
“ก็ดีครับ แต่ตอนนี้ผมขอไปคุยไอ้อิทธ์ก่อน” พอได้ยินชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยสรรพนามถึงประธานบริษัทด้วยความสนิทสนม โรสรินก็ได้ยกยิ้มในใจ คนที่รู้จักและสนิทสนมกับประธานบริษัทก็ต้องเป็นคนระดับเดียวกัน หนูนาไม่โกหกเธอเป็นแน่
“อ่อ เหรอคะ...”
“ครับ ประชุมน่ะครับ” อันที่จริงอิทธิกรให้เขาไปหาก่อนที่เขาจะมาที่นี่เสียอีก และจะเป็นประธานบริษัทเองที่จะพาเขามาแนะนำตัวกับพนักงานที่นี่ ทว่าความตื่นเต้นที่จะได้เจอเธอคนนั้นก็ทำให้เขาต้องมาหาก่อน แต่ไม่คิดว่าเธอจะตอบกลับเขาเช่นนี้
มิล่าเดินขากะเผลกออกไปไกล เธอมีท่าทีไม่พอใจเขาราวกับไม่อยากเห็นหน้า เพียงแค่คิดความรู้สึกเสียใจก็ตีตื้นขึ้นบนใบหน้าจนเห่อร้อนขึ้นมา
“ผมขอตัวนะครับ” แม้โรสรินยังไม่หุบปากพูด แต่เคเรนด์ก็ไม่ได้ใส่ใจฟัง เขาเดินเลี่ยงเธอกลับไปที่ห้องทำงานเหมือนเดิม ทำเอาโรสรินแทบกรีดร้องออกมากับความเฉยเมยของเขา ทว่าเห็นอย่างนี้แล้วความรู้สึกอยากพิชิตหัวใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ขณะเดียวกันที่พอเปิดประตูห้องทำงานกลับเข้ามาชายหนุ่มก็เห็นลูกน้องคนสนิทยืนอยู่ที่เดิม
“ทำไมมึงไม่ตามกูไปวะ”
“นายไม่ได้บอกนิครับ” เคเรนด์อยากกลั้นลมหายใจให้ตายจากไป วิลเลี่ยมช่างซื่อตรงจนทำให้เขาปวดขมับ ทว่าก็คงไม่มีใครซื่อสัตย์กับเขาเท่าวิลเลี่ยมแล้ว
“อีกสิบนาทีต้องไปประชุมนะครับ น่าจะทั้งวัน คุณคาร์นบอกให้นายทำตัวดี ๆ นะครับ นายควรทำตามกฎบริษัท”
“รู้เหอะน่า”
“แต่วันนี้นายก็มาที่นี่ก่อน”
“ก็แค่เดินผ่านมา”
“เหรอครับ” การตอบรับของวิลเลี่ยมทำให้เคเรนด์หันขวับมามอง ทำเอาคนถูกมองหลุบตาต่ำในทันที สงสัยคนเป็นนายจะอารมณ์ไม่ดี
“ออกมาไม่ดีเหรอครับ”
“อืม เธอบอกไม่รู้จักกู” คำ ๆ นี้ยังคงดังอยู่ในหัว ไม่รู้จักอะไร เธอรู้จักเขาดีกว่าใครเสียอีก “บ้าฉิบ หงุดหงิด”
“ใจเย็น ๆ สิครับ แต่ตอนนี้นายควรไปประชุมนะครับ”
“เห้อ...เธอล้มแล้วมีเลือดออกที่เข่า มึงไปดูเธอด้วย”
“เอ่อ ผมเป็นเลขาฯนายต้องเข้าประชุมกับนายนะครับ”
“เหรอวะ จิ๊!” อะไร ๆ ก็ขัดใจเขาไปหมด เคเรนด์จิ๊ปากออกมาอย่างนึกหงุดหงิดก่อนที่เขาจะกระฟัดกระเฟียดเดินออกจากห้องทำงานโดยไม่ลืมบอกให้วิลเลี่ยมตามมา “ตามมาสิวะ!”
“ครับ...” วิลเลี่ยมเดินออกจากห้องทำงานขนาดใหญ่นี้ตามคนเป็นนายอย่างว่าง่าย ขณะที่มีอีกคนบังเอิญหันมามองเห็น
เสียเมื่อไรกัน หลังจากเดินออกไป เธอก็มองตามเขาตลอดโดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาหายไปตั้งนานโดยไม่ติดต่อเธอกลับมาเลย อยู่ ๆ กลับมาในฐานะเจ้านายของเธอ เขาจะเอายังไงกับเธอกันแน่ หญิงสาวไม่อาจรู้ได้
ขณะเดียวกันที่อีกฝั่งหนึ่ง แม้ปากจะบอกว่าไปโรงพยาบาลประจำอำเภอก็ได้ แต่คนเป็นแม่ก็ไม่ยอม มินตราถึงได้ถ่อมาไกลถึงตัวจังหวัด แถมแม่ของเธอยังให้คุณไตรภพมาส่งอีก ช่างเข้าทางแม่ของเธอไปเสียหมด
“ผมรอตรงนี้นะครับ”
“ค่ะ แต่คุณไปกินข้าวก่อนได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากกินข้าวกับมิน” มินตรากลืนน้ำลายลงคอ ปลัดไตรภพเดินหน้าจีบเธอเต็มสูบอย่างไม่ต้องสงสัย
“โอเคค่ะ คงไม่นานแค่ฟังผล รับยาแล้วก็กลับ”
“ครับ ก็หวังว่าผลจะบอกว่าไม่เป็นไรนะครับ” มินตราพยักหน้าเบา ๆ เธอมาเจาะเลือดตรวจตั้งแต่เช้า ตอนนี้ก็แค่รอผลตรวจ ซึ่งก็เพิ่งจะถึงคิวของเธอ
“โอเคค่ะ” หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ปลัดไตรภพช่างเป็นคนดี รูปลักษณ์สะอาดสะอ้านเหมือนกับคุณชาย ใบหน้าหล่อเหลาไปทางจีนนิดหน่อย จมูกคมสันและดวงตารีคมทำให้เขาถูกมองอยู่บ่อยครั้งแถมยังอยู่กับสาวสวยอย่างเธออีกด้วย
มินตราส่ายหน้าให้กับความคิดของตัวเอง เธอเปิดประตูเข้าไปพบแพทย์ที่นั่งรออยู่ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเขาตามฝ่ามือที่ผายให้เธอนั่ง
“สวัสดีค่ะ...”
“ครับ คนไข้ชื่ออะไรครับ”
“มินตราค่ะ” ใจดวงน้อยเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เมื่อเห็นคุณหมอเงียบไป แต่แล้ว
“ไม่มีอะไรให้น่ากังวลนะครับ แค่ตั้งครรภ์เฉย ๆ”
“หมอว่าไงนะคะ!!...” มินตราไม่เชื่อหูตัวเอง หลังจากที่เธอหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมหลายหน เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย หญิงสาวเอ่ยปากถามคุณหมอเสียงสั่น ทว่า
“คนไข้ตั้งครรภ์ครับ สี่เดือนแล้วนะครับ” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้น เธอตกใจจนไม่สามารถพูดอะไรได้ ฝ่ามือบางยกขึ้นลูบท้องน้อย ก่อนที่รอยยิ้มบาง ๆ จะผุดขึ้นบนใบหน้านวล แต่ก็ต้องหุบยิ้มลง
“คนไข้มีประวัติตั้งครรภ์ เห็นในนี้บอกว่าลูกชายป่วยเป็นธาลัสซีเมียใช่ไหมครับ”
“ค่ะ...”
“ดูแล้วเด็กในครรภ์มีโอกาสเสี่ยงเป็นธาลัสซีเมียถึงยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์เลยนะครับ แนะนำให้คนไข้พบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับคำปรึกษา...” เสียงของคุณหมอตรงหน้าเบาหวิวลอยหายไปในอากาศ มินตราไม่ได้ยินเสียงนั้น เธอจมอยู่กับความคิดตัวเองและความเจ็บปวดที่หน้าอกข้างซ้าย...