ผ่านมาสามวัน ไม่สิ น่าจะสี่แล้วมั้งที่ผมมาขลุกอยู่ที่ห้องยูกิ ตอนแรกก็ไม่ได้รู้จักชื่อหรอกแต่เห็นพวกลูกน้องมันเรียกกันอย่างนั้นผมก็เลยเรียกตาม
“ยูกิ ...ยูกิ
...ยูกิ ?”
“โว้ย! นายจะเรียกอะไรบ่อยๆเนี่ย
แล้วห้องตัวเองเมื่อไหร่จะกลับไปซะที” เธอทำหน้าหงุดหงิดแบบสุดขีดตอนที่หันมาเห็นห้ายิ้มกวนๆของผม
...ก็ไม่ตั้งใจให้กวนตีนอย่างนี้หรอก
แต่มันเป็นเองอ่ะครับ ?
“ฉันหิวข้าว ...ทำหน้าที่เมียหน่อยสิ”
ยัยตัวแสบทำหน้าตูมถ้ามีควันพ่นออกจากหูอีกนิดก็สมบูรณ์แบบแล้วนะเนี่ย
ฮ่าๆ หน้าโคตรจี้เลย
“ไปหาเมียนายโน่นเป็นร้อยเป็นพันข้างนอกนั่นน่ะ!
...แล้วก็เสด็จออกไปจากห้องฉันได้แล้ว ฉันรำคาญ!” แล้วเธอก็หันไปสนใจกับกองเอกสารเป็นตั้งโดยไม่หันมาสนใจผมอีก
“แต่ฉันหิวจริงๆนะ ...อยากให้ฉันกินข้าวหรือกินเธอดีล่ะ
?”
“โว้ะ! รอตรงนี้เดี๋ยวไปทำมาให้”
ร่างเล้กกระแทกเท้าปึงปังออกจากห้องนอนไปโดยสั่งให้ผมนั่งรอในห้อง
...แต่แหมใครจะปล่อยให้ยัยนั่นไปทำกับข้าวคนเดียวอ่ะ
...เกิดใส่ยาเบื่อมาให้ก็แย่สิครับ
“นู่น นี่ก็เรื่องมาก
บ่นก็ไม่ได้ เบื่อๆๆ
อยากนอนก็โดนกวน” ยูกิทำกับข้าวไปก็บ่นไปอย่างกับหมีกินผึ้ง
สงสัยเพราะโดนกวนตอนที่นอนหลับเพราะตั้งแต่ผมมาอยู่ก็จับเธอนอนให้ตรงกับเวลาชาวบ้านเขา
...ผู้หญิงบ้าอะไรนอนตั้งเกือบสิบแปดชั่วโมงต่อวัน
คนหรือสล็อธวะ
“เสร็จแล้ว! กินแล้วก็ออกไปได้แล้วฉันจะทำรายงาน”
แล้วเธอก็เดินปึงปังไปนั่งที่เดิมก่อนจะทำรายงานอย่างตั้งใจ
ส่วนผมก็นั่งกินข้าวไปจ้องเธอไปมันก็เพลินดีนะ
อาจจะเพราะไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มั้งก็เลยเห่อเป็นธรรมดา
...ผมลองมาหมดแล้วแหละทั้งซิงและไม่ซิงยูกิไม่ใช่คนแรกหรอก
แต่ที่ติดใจเพราะเธอเป็นคนแรกที่ทำท่าทางอย่างนี้ใส่ผมเลยสนใจมากเป็นพิเศษ
“อ้าว หลับไปแล้ว? ไหนว่าจะทำการบ้านให้เสร็จไง” ผมส่ายหน้าแล้วอุ้มร่างบางที่นอนฟุบคาโต๊ะไปนอนที่เตียงให้สบายตัวก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้แทนแล้วมองกองรายงานที่วางล้นอยู่บนโต๊ะ
“ไม่น่าล่ะ ทำไมถึงดูวุ่นวายขนาดนี้
ดองการบ้านจนจะครบกำหนดแล้วค่อยทำสินะทั้งที่มันง่ายขนาดเด็กอนุบาลก็ทำได้แท้ๆ”
ผมจับรายงานเธอแต่ละชิ้นมาทำจนมันเสร็จภายในสองชั่วโมงนิดๆ
...อืม ก็ไม่ได้ยากนี่หว่า นึกว่าจะลืมไปหมดซะแล้ว
“งืม ...ง่วง
แม่อย่าเพิ่งปลุกกิน้า ..งืม”
ผมหันไปตามเสียงก็เจอกับยัยบ้าที่นอนแจ๊บปากแล้วก็ละเมออยู่คนเดียว
-_- นี่กูคิดถูกใช่มั้ยวะที่จะเอายัยนี่เป็นของเล่น
แทนที่จะได้เล่นสนุกเหมือนทุกครั้งกลับต้องมานั่งดูแลแล้วก็ทำห่าอะไรก็ไม่รู้อยู่เนี่ย
“บอกดิ๊ว่าฉันคิดไม่ผิดเนี่ย เห้อ”
นึกแล้วก็ขำว่ะ ไม่ได้เจออะไรตลกๆแบบนี้มานานแล้ว
ครั้งล่าสุดก็หลายปีแล้วเพราะนอกจากเพื่อนผมก็ไม่เคยจะอยู่กับใครได้นานขนาดนี้เลย
...อาจจะเป็นเพราะว่ายูกิยังสดใหม่หรือเปล่า
มึงเลยคิดว่าตัวมึงแปลกไปวะไอ้ดิน!
“ไม่มีใครเปลี่ยนตัวตนของฉันได้หรอก ...เธอก็อย่าหวังเลย” ผมปรับอารมณ์ตัวเองให้เป็นเหมือนเดิมก่อนจะใส่เสื้อแล้วเดินออกจากห้องไป
“นายจะไปไหนครับ”
“คลังของเล่น” มันพยักหน้าแล้วเดินนำผมไป
แต่ผมก็แอบเห็นว่ามันมีแววตาเสียดายตอนที่ผมเดินออกมาจากห้องของยูกิ
...คงคิดสินะว่าผู้หญิงคนนั้นจะเปลี่ยนกูได้
ไม่มีทางซะหรอก!
PD OFF
“อื้อ ห้าววว
ได้นอนหลับเต็มตื่นซะที” ฉันบิดขี้เกียจสองสามทีก่อนที่สายตาจะแพลนไปเจอกองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ไอ้บ้ายูกิ
แกหลับทั้งๆที่ทำรายงานไม่เสร็จได้ยังง้ายย
“โอ้ย ตายแน่ๆ
...เอ๊ะ ทำไมมันเสร็จหมดแล้วล่ะ
แถมยังทำถูกหมดด้วย สงสัยว่าฉันจะละเมอทำแน่ๆเลยเก่งจริงๆเลยน้ายูกิ”
สงสัยว่าตอนที่เผลอหลับไปคือร่างกายฉันอาจจะยังทำงานอยู่แต่ไม่รู้ก็ได้
“แล้วอีตานั่นไปไหนแล้วเนี่ย ...กลับไปได้ก็ดีแล้ว” บอกตามตรงนะว่าตลอดเวลาเกือบอาทิตย์นึงที่เขามาอยู่ด้วยเนี่ยโคตรจะอึดอัดเลย
แถมยังโดนจิกหัวใช้สารพัดอีก
...แต่ที่สำคัญสุดๆเลยคือฉันโดนรบกวนเวลานอน!!
ก็อกๆ
“หือ ใครอีกอ่ะ
...ไม่น่าจะใช่อีตานั่นหรือเปล่าเพราะปกติคงเอากุญแจห้องไขเข้ามาแล้วมั้ง”
แล้วฉันจะบ่นพึมพำเพื่ออะไรเนี่ย
“อ้าว นายลูกกระจ๊อกของไอ้เสี่ยหื่นนั่นนี่นา
...มีอะไร?” เขายิ้มแหยๆแล้วมองไปด้านหลังที่มีไอ้บ้านั่นโดนหิ้วปีกในสภาพเมาแอ๋
“แล้วเอามาห้องฉันทำไม ..นู่นพาไปห้องของเจ้านายของพวกนายนู่นนน”
พวกนั้นส่ายหน้าแล้วถือวิสาสะพาเขามาทิ้งไว้ที่โซฟาแล้วทยอยเดินออกไปจนหมดห้อง
...ถ้าเป็นปกติผู้หญิงจะเช็ดตัวให้ถูกมะ
แต่โทษทีฉันไม่ใช่นางเอกว่ะและฉันใจร้ายพอที่จะปล่อยให้หมอนี่นอนอยู่ตรงนี้
ในสภาพแบบนี้ด้วยสิ
“คนอย่างนายไม่สมควรจะได้รับการปฏิบัติตัวดีๆจากใครหรอก”
ฉันพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินหนีเข้าไปในห้องนอนแล้วนั่งทำงานอย่างสบายใจจนเวลาล่วงเลยมาเกือบฟ้ามืดของอีกวัน
“หิวจังเลย ...เอ๊ะ
ทำไมยังไม่ลุกไปอีกเนี่ย” เชื่อมั้ยว่าเขายังนอนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนเลย
...ตายหรือเปล่าเนี่ย
“นายๆ ตายป่าวเนี่ย
...ว๊าย!! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะไอ้กะล่อน”
ไม่น่าไปหลงเชื่อกับท่าทางของไอ้บ้านี่เลย ก็อยู่ดีๆเขาก็ลืมต่แล้วกระชากแขนให้ลงไปนอนด้วยเนี่ยสิ
...โอ๊ย จะบ้าตาย
“เมื่อกี้คือห่วงว่าฉันไม่สบายหรือคิดว่าตายแล้วหะ”
ริมฝีปากร้อนที่คลอเคลียอยู่ตรงท้ายทอยทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“คิดว่าตายแล้วน่ะสิ ยังคิดว่ามีคนห่วงคนแบบนายหรือยังไง!”
เขาสะอึกไปนิดนึงก่อนจะผ่อนแรงที่แขนออกปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ
“นั่นสิเนอะ ...ใครจะมาเป็นห่วงตัวร้ายอย่างฉันอ่ะ
?”
เขาพูดแล้วก็เดินออกไปจากห้องทิ้งฉันให้นั่งงงอยู่ที่โซฟา
นี่คืองอน? หรือโกรธแต่โกรธนี่ไม่น่าใช่นะ
...แล้วฉันจะมานั่งกังวลทำไมล่ะไม่เกี่ยวอะไรกับฉันซะหน่อย
แกร๊ก!
“อ้าว แล้วนายล่ะครับ”
ลูกน้องคนเดิมที่เอาเจ้านายตัวเองมาทิ้งไว้โผล่หน้าเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ
...นี่มันห้องส่วนตัวฉันนะเว้ย
ไม่ใช่ล็อบบี้โรงแรมเดินเข้า เดินออกกันเป็นว่าเล่นเลย
“ไม่รู้ดิ เห็นเดินออกไปเมื่อกี้นี้ไม่ได้บอกด้วยว่าไปไหน”
“แล้วคุณไปพูดอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมนายผมออกไปแบบนั้น” เดี๋ยวนะ
ไอ้สายตาระแวงแบบนี้มันคืออะไรยะ -_-
“พูดแค่ว่าไม่มีใครเขาเป็นห่วงนายนั่นหรอก แค่นั้นแหละเขาก็เดินออกไปเลย”
“ซวยแล้ว!!”