“สร้อยเส้นนี้ทำจากเพชรที่สะอาดที่สุดในโลก ต่อให้ใช้กล้องส่องเพชรก็มองไม่เห็นตำหนิ ความงามไม่ต้องพูดถึง เพชรน้ำ 100 ขาว ใส ไม่มีตำหนิแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น...”
มือที่สวมถุงมือผ้าสีดำยกตัวจี้ขึ้นมาให้คนในห้องดู แอนนาอ้าปากค้างไปแล้ว ส่วนจิรัชญาก็มองเพชรเม็ดนั้นด้วยความสนใจเหมือนกัน
เพชรสีชมพู ที่ว่ากันว่าเป็นสีที่หายากที่สุด
ไม่แปลกใจเลยที่รอบตัวเธอจะเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเกือบสิบคนแบบนี้ มูลค่าของเพชรเม็ดนี้คงประเมินค่าไม่ได้
“แอนนาจะตาบอดแล้วค่ะ”
ผู้จัดการสาวยกมือขึ้นปิดตา เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากคนที่อยู่ในห้อง เธอไม่ได้ล้อเล่นนะ แสงจากเพชรที่กระทบกับไฟมันส่องประกายวิบวับจนตาพร่าไปหมด เม็ดใหญ่ขนาดนั้น เธอไม่อยากจะเดาราคาเลย
“เฉพาะเม็ดนี้หนักห้าสิบเก้ากะรัต ไม่รวมเพชรที่เป็นตัวสร้อย คุณจีลองใส่ดูครับว่าไหวหรือเปล่า”
“ค่ะ” จิรัชญาพยักหน้ารับเบา ๆ เธอนั่งหลังตรง ปล่อยให้เจ้าหน้าที่จากแบรนด์สวมสร้อยเส้นนั้นลงบนลำคอระหง ดวงตาคู่สวยมองตัวเองในกระจกอย่างพึงพอใจ
“หนักไหมครับ”
“พอได้ค่ะ”
“คุณจีทำให้เพชรของเราสวยขึ้นมากเลยครับ ผมดีใจที่คุณรับคำขอของเรา ไม่มีใครเหมาะกับเพชรเม็ดนี้เท่าคุณอีกแล้ว” CEO ของแบรนด์ที่เดินทางมาถึงประเทศไทยและเข้ามาดูจิรัชญาสวมเพชรล้ำค่าครั้งแรกเอ่ยชม
“ขอบคุณค่ะ”
สายตามากกว่าสิบคู่มองมาที่จิรัชญาคนเดียว หญิงสาวที่ถูกจ้องมองไม่ได้มีท่าทีเขินอาย เธอยืนให้ช่างภาพถ่ายภาพเพชรบนลำคออย่างมืออาชีพ ขยับตามที่ช่างภาพต้องการไม่มีอิดออด ทุกท่วงท่าของเธอถูกถ่ายเก็บไว้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ความงดงามเลอค่าตรึงสายตาจนไม่มีใครกล้ามองไปที่อื่นแม้แต่คนเดียว
ระหว่างเพชรกับคน ไม่รู้ว่าอะไรสวยกว่ากัน
“สวยครับ ขยับอีกนิดครับ สวย สวยมาก”
“คุณจีสวยมาก ๆ เลยค่ะ” ทีมงานคนหนึ่งกระซิบบอกแอนนา สายตาที่มองจิรัชญาเต็มไปด้วยความชื่นชม
“ใช่ค่ะ น้องจีสวยเหมือนเจ้าหญิงเลยค่ะวันนี้” แอนนาเองก็อดชื่นชมน้องไม่ได้ ขนาดเห็นหน้ากันทุกวันมาหลายปี เธอยังอดคิดไม่ได้ว่าน้องจีสวยวันสวยคืนจริง ๆ ยิ่งโตยิ่งสวย
ใช้เวลาเก็บภาพนางแบบกับเพชรเม็ดงามราวสิบห้านาที ทีมงานก็เดินเข้ามาบอกให้จิรัชญาไปพักผ่อน เพราะกว่าจะถึงเวลางานก็อีกเกือบห้าชั่วโมง เธอต้องแต่งหน้าทำผมและเปลี่ยนชุดใหม่ด้วย
จิรัชญาพยักหน้ารับ เมื่อทีมรักษาความปลอดภัยของแบรนด์ถอดเครื่องเพชรออกแอนนาก็รีบเข้าไปประกบทันที ทั้งคู่บอกลา CEO และทีมงาน ก่อนแอนนาจะพาน้องไปพักบนห้องสวีทหรูที่ทางแบรนด์เปิดไว้ให้สำหรับนางแบบคนสำคัญ
“เมื่อยคอไหมคะ”
“สุด ๆ เลยค่ะ เพชรนั่นหนักมากจริง ๆ”
“มาค่ะ พี่นวดให้ อดทนหน่อยนะคะคนเก่ง”
แอนนาบีบนวดให้จิรัชญาเบา ๆ เอาอกเอาใจน้องสารพัด ยังไงงานวันนี้ก็ต้องผ่านไปได้ด้วยดี แม้ตาขวาของเธอจะกระตุกยิก ๆ สังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นก็ตาม
หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จเหล่าคนงานต่างแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง หน้าที่ของทุกคนคือขุดหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพิ่มเติมตามที่ได้รับมอบหมายมา งานคืบหน้าไปมากเพราะกฤตินลงมาคุมงานทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ของที่ต้องการ อาจจะต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์
“ค่อย ๆ นะครับ”
กฤตินสำทับทีมงานอีกครั้ง ก่อนจะเดินแยกออกมารับสายจากทางไกล แต่ยังไม่วายใช้สายตามองการทำงานของทุกคนตลอดเวลา
“ครับแม่”
(กฤตจะกลับวันไหนลูก)
ปลายสายเอ่ยถามไถ่ด้วยความคะนึงหา กฤตินเผลอยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงของคนที่คิดถึงที่สุด
“น่าจะไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ครับแม่ งานยังไม่ค่อยถึงไหนเลย อาจจะต้องอยู่ต่ออีกอาทิตย์”
(เป็นอาทิตย์เลยเหรอลูก)
“เหงาเหรอครับ?”
(ยังจะมาถามอีกนะเด็กคนนี้! ทิ้งให้แม่อยู่คนเดียวมาอาทิตย์นึงแล้วนะ)
กฤตินหัวเราะออกมาเบา ๆ เขารู้ว่าแม่พูดไปอย่างนั้น เพราะไม่มีใครบนโลกที่เข้าใจงานของเขาได้เท่าแม่อีกแล้ว
ช่วงที่เขาไปทำวิจัยที่อเมริกาเป็นปี ๆ แม่ยังอยู่คนเดียวได้สบาย ๆ แค่อาทิตย์เดียวไม่ได้ทำให้แม่เหงาหรือลำบากอยู่แล้ว อีกอย่าง นับดาวก็เข้าไปคุยเล่นกับแม่ออกจะบ่อย
(นับดาวน่ารักมากเลยนะกฤต มาหาแม่ทุกวันเลย ทำไมแม่ไม่มีลูกสาวน่ารัก ๆ แบบนับดาวบ้างนะ)
“นับดาวก็เหมือนลูกสาวของแม่นั่นแหละครับ”
(แต่แม่อยากได้นับดาวมาเป็นลูกสาวจริง ๆ นี่นา ลูกสาวที่หมายถึงลูกสะใภ้น่ะ กฤตไม่สนใจหน่อยเหรอลูก)
“แม่ครับ ผมกับนับดาวเราเป็นแค่เพื่อนกัน” กฤตินเอ่ยอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แม่เชียร์ให้เขากับนับดาวเลื่อนสถานะจากเพื่อนเป็นคนรักมาหลายปีแล้ว และก็ถูกปฏิเสธไปนับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่เคยคิดกับนับดาวเกินกว่าเพื่อน อีกอย่าง เป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้ว
สำหรับกฤติน ถ้าคิดจะคบหาใครสักคนเป็นคนรัก เขาจะไม่เริ่มต้นด้วยสถานะเพื่อน และถ้าเป็นเพื่อนกันแล้ว เขาก็จะไม่มีวันเลื่อนสถานะเป็นคนรักเด็ดขาด
แม่รู้ทุกอย่าง รู้ว่าเขาไม่ได้คิดกับนับดาวแบบนั้น รู้ว่าเขาไม่เคยคิดเรื่องมีครอบครัว แต่แม่ก็ยังเชียร์ไม่หยุด คงหวังว่าลูกชายคนนี้จะตกหลุมพรางเข้าสักวัน
(แม่รู้ แต่ก็เผื่อฟลุ๊คไงลูก) นั่นไง...คิดผิดที่ไหน
กฤตินทำได้แค่ส่งเสียงหัวเราะแห้ง ๆ กลับไป พูดคุยกันอีกสองสามประโยคก็ขอตัววางสาย ร่างสูงเดินกลับไปที่บริเวณขุดเจาะ มองภาพคนงานที่กำลังตั้งใจทำงานอย่างขะมักเขม้น ภาวนาให้เจอหลักฐานที่สำคัญพอสำหรับงานนี้เร็ว ๆ เขาจะได้กลับกรุงเทพฯ ไปอยู่กับคนแก่ขี้เหงาบ้าง จะได้ไม่ต้องนึกอยากมีลูกสะใภ้มาอยู่เป็นเพื่อนอีก
“ไม่ได้! ชุดพังแบบนี้ให้คุณจีใส่ไม่ได้เด็ดขาด!”
เสียงของทีมงานที่กำลังถกเถียงกัน เรียกให้นางแบบหลายคนชะเง้อคอมองด้วยความสนใจ เหมือนจะมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น ชุดฟินนาเล่ของวันนี้มีตำหนิบางอย่างที่ดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบคอลเลคชั่นนี้ไม่ยอมปล่อยผ่าน
“ซ่อมนิดเดียวก็น่าจะได้แล้วนะคะ มีรอยซ่อมนิดเดียว ถ้าไม่สังเกตคงไม่เห็นหรอกค่ะ”
“ไม่ได้! พวกเธอรู้ไหมว่าเพชรที่คุณจีสวมวันนี้ราคาเท่าไหร่? จะให้ใส่ชุดที่มีตำหนิแบบนี้ได้ยังไง แบรนด์เอาฉันตายแน่ ๆ” ดีไซน์เนอร์ชื่อดังกุมขมับด้วยความเครียด “ให้คุณจีใส่ชุดนี้แทน ชุดนี้สวยไม่แพ้ชุดก่อนหน้า พอจะกล้อมแกล้มไปได้อยู่”
“แล้วน้องนางแบบที่ใส่ชุดนี้ล่ะคะ”
“ก็ให้ใส่ชุดของคุณจีแทนสิ เรื่องแค่นี้ยังต้องถาม”
“แต่ว่าชุดมันมีตำหนิ...”
“แล้วยังไง!” เธอถามลูกน้องเสียงดัง “ใครจะได้ใส่ชุดที่มีตำหนิฉันไม่สน แต่คนคนนั้นต้องไม่ใช่คุณจี คุณจีต้องได้ใส่ชุดที่ดีที่สุด เข้าใจไหม!?”
ดีไซน์เนอร์ชื่อดังพูดจบก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้เหล่าทีมงานยืนหน้าซีดด้วยความเครียด แต่สุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเธอเป็นแค่ผู้ช่วย ยังไงคำสั่งของดีไซน์เนอร์ก็ใหญ่ที่สุด
ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้าไปหาซินดี้ นางแบบที่ต้องใส่ชุดที่มีตำหนิแทนจิรัชญา หญิงสาวหน้าเสีย พยายามคิดว่าไม่ใช่ ต้องไม่ใช่ตัวเอง
“คุณซินดี้ รบกวนด้วยนะคะ เราจำเป็นต้องเปลี่ยนชุดของคุณกับคุณจีค่ะ”
ไม่จริง...
ปึก!
“อีบ้า!!”
ปึก ปึก ปึก
“อีบ้า! อีบ้า! อีบ้า!!”
ซินดี้กรีดร้องในลำคอด้วยความอัดอั้นตันใจ เธอร้องไห้จนมาสคาร่าเปื้อนขอบตา ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเป็นเธอ ทำไมต้องเป็นชุดของเธอ!!
เครื่องเพชรที่ซินดี้ต้องใส่วันนี้ราคาไม่ได้สูงมาก เพื่อไม่ให้นางแบบจมเกินไปทีมงานจึงมอบชุดที่สวยรองจากชุดฟินนาเล่ให้เธอ ซินดี้อุตส่าห์ดีใจที่อย่างน้อยวันนี้ก็ได้ใส่ชุดสวย ๆ แต่สุดท้ายชุดของเธอกลับถูกแย่งชิงไปแบบหน้าด้าน ๆ
ชุดฟินนาเล่สวยที่สุดแล้วยังไง ในเมื่อมันมีตำหนิ มันเป็นหน้าที่ของเธอเหรอที่ต้องรับของเหลือเดนจากคนอื่น
เธอโกรธ โกรธทั้งทีมงาน ทั้งดีไซน์เนอร์ที่ไม่เห็นหัวเธอ ไม่เห็นว่าเธอก็เป็นนางแบบคนหนึ่ง และคนที่เธอโกรธที่สุดก็คือตัวต้นเรื่องของทั้งหมด
จิรัชญา
‘ใครจะได้ใส่ชุดที่มีตำหนิฉันไม่สน แต่คนคนนั้นต้องไม่ใช่คุณจี คุณจีต้องได้ใส่ชุดที่ดีที่สุด เข้าใจไหม!?’
สูงส่งมาจากไหนถึงใส่ชุดที่มีตำหนิไม่ได้ เป็นนางฟ้านางสวรรค์ก็ไม่ใช่ ก็แค่นางร้ายนิสัยเสียที่ได้ดีเพราะมีปู่ที่เป็นเจ้าสัวคอยดันหลัง ทำชั่วแค่ไหนก็ยังมีคนหน้ามืดตามัวคอยพะเน้าพะนอเลียแข้งเลียขา
คนเหลวแหลกแบบนั้นทำไมนับวันก็ยิ่งได้ดิบได้ดี แต่ทำไมเธอที่ทั้งพยายาม ทั้งอดทนถึงไม่เคยได้รับโอกาสดี ๆ เหมือนคนอื่นเลย
เพราะเธอจนเหรอ?
จนแล้วผิดตรงไหนล่ะ?
ตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงตอนนี้ เธอไม่เคยสู้จิรัชญาได้เลยสักครั้งไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เพราะเธอเกิดมาจน ไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้า เพราะเธอเกิดมาในห้องเช่าเล็ก ๆ ไม่ใช่คฤหาสน์หรูแบบจิรัชญา เพราะเธอไม่มีอะไรเลย ในขณะที่จิรัชญามีทุกอย่าง
ขนาดเธอสร้างเรื่องให้มันกับหลินหลินแตกคอกัน หลินหลินยังไม่เคยเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนเลยสักครั้ง เป็นได้แค่ทาสที่ต้องคอยรองรับอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายทุกวัน ก็คนเหมือนกันปะวะ? สูงส่งมาจากไหนก็เดินดินเหมือนกัน แล้วทำไมเธอถึงถูกปฏิบัติแตกต่างจากคนอื่นขนาดนี้
“ควีนงั้นเหรอ? สูงส่งนักใช่ไหม?”
ซินดี้ปาดน้ำตาที่แก้มออกแรง ๆ เธอหยิบมือถือขึ้นมา เปิดคลิปที่ถ่ายได้เมื่ออาทิตย์ก่อนดู มือเรียวบีบมือถือจนแทบหักเป็นสองท่อนระหว่างที่กดพิมพ์ข้อความบางอย่างลงบนแอดเคาน์โซเชียลมีเดียนิรนาม ไม่ลืมแนบคลิปของจิรัชญากับณัฐนนท์ ก่อนจะกดส่งออกไปโดยไร้ซึ่งความลังเลใด ๆ
“ฉันคนนี้จะทำให้ราชินีอย่างเธอตกต่ำเอง จิรัชญา”
งานเปิดตัวเครื่องประดับคอลเลคชั่นใหม่เริ่มขึ้นแล้ว นางแบบหลายสิบชีวิตค่อย ๆ ทยอยเดินออกมาอวดโฉมความงามของอัญมณีราคาแพง บ้างก็เป็นสร้อย บางก็เป็นแหวน บ้างก็เป็นนาฬิกา ทุกชิ้นล้วนสวยงามล้ำค่าน่าจับจองเป็นเจ้าของทั้งนั้น
ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี จนกระทั่งงานเริ่มมาได้ครึ่งทาง นักข่าวที่อยู่ในงานก็เริ่มได้รับข้อความบางอย่างจากต้นสังกัด พวกเขาหันไปซุบซิบกัน ก่อนจะจ้องเขม็งไปบนเวทีเพื่อรอเก็บภาพคนสำคัญในค่ำคืนนี้ ยิ่งได้ภาพมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี รวมถึงสัมภาษณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากงานจบด้วย
ข่าวใหญ่ขนาดนี้ ใครดีใครได้
ไม่ใช่แค่นักข่าว แต่แอนนาก็ได้เห็นคลิปและข้อความนั้นเช่นกัน มือที่จับมือถือสั่นเทาเกินควบคุม เธอชะเง้อมองขึ้นไปบนเวที อีกแค่สองคนก็จะถึงคิวของน้องจีแล้ว นักข่าวต่างพากันตั้งกล้องเพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุด
แอนนาอดทนรอให้งานจบลง เธอคิดอย่างด่วนจี๋ว่าต้องพาน้องจีออกไปจากงานก่อนจะโดนนักข่าวลากไปสัมภาษณ์ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ น้องจีรับมือกับมันไม่ได้แน่ ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องกลับไปคุยกันให้รู้เรื่องว่าเรื่องมันเป็นมายังไง น้องจีแย่งคู่หมั้นของพิมมาดาอย่างที่บุคคลนิรนามกล่าวหาหรือเปล่า
แอนนาเชื่อใจน้อง แต่คลิปนั่นก็เป็นน้องจีจริง ๆ เธอไม่รู้เลยว่าควรรู้สึกยังไง
เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อนางแบบฟินนาเล่ปรากฏตัว จิรัชญาอยู่ในชุดราตรีตัวยาวสีขาว ลำคอระหงสวมสร้อยเพชรประดับด้วยจี้เพชรสีชมพูหายากที่ทำให้คนในงานตาลุกวาว เธอก้าวเดินอย่างมั่นคง เชื่องช้า และสง่างามราวกับหงส์ขาวที่กำลังเริงระบำ หยุดหมุนตัวให้นักข่าวและคนที่มาร่วมงานได้เห็นเพชรเม็ดนี้ชัด ๆ ความงดงามที่เกินจะบรรยายของจิรัชญา ขับให้เพชรหายากเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าที่เคย ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกัน...ว่าคนที่จะใส่เพชรเม็ดนี้ได้ต้องเป็นจิรัชญาคนนี้คนเดียวเท่านั้น
แอนนารีบลุกขึ้นเมื่อโชว์จบลงพร้อมเสียงปรบมือชื่นชม จิรัชญาที่เห็นผู้จัดการรีบเดินออกไปก็งุนงงเล็กน้อย แต่ใบหน้างดงามยังประดับไปด้วยรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมนักข่าวถึงรัวชัตเตอร์ใส่ขนาดนี้ แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่าเป็นเพราะเพชรที่เธอกำลังสวมใส่
แต่ลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเลยแหะ...