ขยี้ครั้งที่ 4 - เพื่อน

2214 คำ
“ทำไมมาช้าจัง เรารอกฤตตั้งนาน” ทันทีคนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ นับดาวก็แกล้งบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ดวงตาคู่สวยเป็นประกายระยิบระยับ เฝ้ามองจนกระทั่งอีกฝ่ายทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “พอดีว่าที่คณะมีกองถ่ายมาถ่ายละครน่ะ เราเลยเดินอ้อมไปทางหลังตึก จะได้ไม่รบกวนพวกเขา” “อ๋อ” นับดาวขานรับง่าย ๆ เธอส่งยิ้มกว้างให้เพื่อนสนิทจนแก้มทั้งสองข้างเกิดเป็นรอยบุ๋ม “เราสั่งข้าวให้แล้วนะ เหมือนเดิม” “ขอบคุณนะ” “อื้อ” หญิงสาวพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ตั้งแต่เห็นหน้ากฤตินอาจารย์คนสวยก็เอาแต่ยิ้มกว้าง รอยยิ้มของนับดาวซื่อตรงกับความรู้สึก ใครมองมาก็พอจะเดาได้ว่าหญิงสาวที่ทั้งสวย ทั้งน่ารัก และอ่อนหวานคนนี้ คิดกับเพื่อนสนิทที่คบหากันมาเป็นสิบปีแบบไหน คงจะมีแต่เจ้าตัวที่ไม่เคยรู้อะไรเลย กฤตินเป็นหนุ่มเนิร์ด เรียนเก่งตั้งแต่เด็ก เวลามากกว่าครึ่งชีวิตเขาใช้มันไปกับการอ่านหนังสือ ไม่เคยมีแฟน แม้แต่เพื่อนก็มีแค่นับดาวคนเดียว วัน ๆ เอาแต่เรียน เรียน และก็เรียน จนได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศมาครอง แต่กฤตินก็ยังไม่หยุด นับดาวได้ข่าวว่าเพื่อนคนนี้กำลังขุดค้นพื้นที่หนึ่งในจังหวัดลำปาง เพื่อหาหลักฐานมายืนยันข้อสันนิษฐานว่าที่ตรงนี้เคยมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่าที่นักวิชาการคนอื่น ๆ เคยค้นเจอ ถ้าทำสำเร็จ ผลงานนี้อาจจะได้รับรางวัลระดับโลก นับดาวรู้ว่ากฤตินไม่ได้สนใจรางวัลพวกนั้น สิ่งที่เขาสนใจมีแค่ประวัติศาสตร์และของโบราณที่ขุดค้นเจอ แต่เธอก็อดภูมิใจแทนไม่ได้ “งานขุดไปถึงไหนแล้ว” นับดาวจบบัญชี คนละสายกับกฤตินอย่างสิ้นเชิง แต่เธอชอบเวลาที่เขาเล่าเรื่องงานให้ฟัง เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนพิเศษ “ขุดได้ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักเลย” “อาทิตย์หน้าก็จะไปอีกเหรอ” “อืม เราลงไปดูหน้างานเองอาจจะได้อะไรมากกว่านี้” “ดูแลตัวเองด้วยนะ เราเป็นห่วง” “ขอบคุณนะนับดาว” มุมปากหยักยกยิ้มเพียงเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าอ่านเอกสารระหว่างรออาหารที่สั่งมาเสิร์ฟ กฤตินสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาแม้กระทั่งตอนนี้ ไม่แปลกเลยที่จะไม่เคยมีแฟน เพื่อนสนิทก็มีแค่คนเดียว เพราะคงไม่มีใครเข้าใจเขาได้นอกจากนับดาว คนแอบรักใช้มือเท้าคาง มองกฤตินที่กำลังจริงจังกับงานด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี ก่อนดวงตาคู่สวยจะสะดุดลงที่ร่องรอยแปลกประหลาดบนเอกสารงานสำคัญของเขา “นั่นคืออะไรเหรอ?” “หืม?” กฤตินพลิกกระดาษขึ้นดู ก่อนจะร้องอ๋อ “ลายเซ็นน่ะ” “ลายเซ็นใครเหรอ” ไม่ใช่ลายเซ็นของกฤตินแน่นอน เธอจำได้ และลายเซ็นนี้ก็น่ารักเกินกว่าจะเป็นลายเซ็นของผู้ชาย เขายอมให้คนอื่นเขียนเอกสารงานของตัวเองเล่นงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก สำหรับกฤตินไม่มีอะไรสำคัญไปกว่างาน เธอรู้ดี “ไม่รู้เหมือนกัน” คำตอบส่ง ๆ ของกฤตินไม่ได้ทำให้นับดาวหายสงสัย แต่ยังไม่ทันได้ถามต่ออาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ นับดาวเก็บทุกความสงสัยไว้ในใจ ส่งยิ้มให้เพื่อนสนิทเมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาขอบคุณกันอีกครั้ง ไม่มีอะไรหรอก บางที...อาจจะเป็นลายเซ็นของผู้ช่วยก็ได้ นับดาวบอกตัวเองแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเอกสารของกฤตินไม่มีใครแตะต้องได้ แม้แต่ตัวเธอเองก็ตาม “ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะน้องจี” แอนนาถามพลางเปิดพัดลมจิ๋วให้จิรัชญาคลายร้อน ใบหน้าสวย ๆ ฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อยทั้ง ๆ ที่เพิ่งไปพักมาแท้ ๆ “เจอแฟนคลับน่ะสิคะ ขนาดจีหนีไปอยู่เงียบ ๆ แล้วนะ” นางร้ายสาวบ่นกระปอดกระแปดตามประสา “ก็น้องจีเป็นคนดังนี่คะ มีใครบ้างไม่รู้จักราชินีของวงการบันเทิงอย่างน้องจี ยังไม่ชินอีกเหรอคะ” แอนนาเอ่ยพลางนวดไหล่ให้น้องเบา ๆ ที่เธอพูดมามันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น มีแค่คนส่วนน้อยในประเทศนี้ที่ไม่รู้จักจิรัชญา นางร้ายเบอร์หนึ่งที่โด่งดังกว่านางเอกพระเอกตัวท็อปบางคน ดังจนถึงขั้นได้ฉายา ราชินีแห่งวงการบันเทิง มาครอบครอง ถึงบางครั้งจะดังในทางลบก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าน้องจีจะไม่มีผลงานเลย ตรงกันข้าม คิวงานของน้องต้องจองล่วงหน้านานเป็นปี ๆ หนังและละครที่จิรัชญารับเล่นการันตีได้ว่าจะดังเป็นพลุแตกทุกเรื่อง เปิดทีวีช่องไหนก็เจอ หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องเคยขับรถหรือนั่งรถผ่านป้ายโฆษณาที่จิรัชญาเป็นพรีเซนเตอร์บ้าง หาคนที่ไม่รู้จักจิรัชญา ยากพอ ๆ กับงมเข็มในมหาสมุทร “ช่างเถอะค่ะ จีไปเตรียมตัวเข้าฉากดีกว่า” จิรัชญาลุกขึ้นยืน แต่ไม่ทันได้เดินออกไปเตรียมตัวอย่างที่ตั้งใจ มือถือเครื่องหรูที่ฝากไว้กับแอนนาก็ส่งเสียงดังขึ้นก่อน “เบอร์แปลกค่ะ พวกสต็อกเกอร์หรือเปล่า น้องจีไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ” แอนนากดตัดสายนั้นทันที น้องจีไม่ค่อยให้เบอร์ส่วนตัวกับใคร ยิ่งเป็นเรื่องงานยิ่งไม่ใช่ เพราะแอนนาให้ติดต่อผ่านเธอเท่านั้น จิรัชญาก็ไม่คิดจะใส่ใจเหมือนกัน แต่เสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้นางร้ายอารมณ์ร้อนเริ่มหงุดหงิด เธอฉวยมือถือจากมือของพี่แอนนาแล้วกดรับด้วยความรำคาญ ถ้าเป็นสต็อกเกอร์หรือมิจฉาชีพเธอจะด่าให้หูแตกเลย คอยดู “ฮัลโหล!” (จี ตัดสายฉันทิ้งทำไม) “นั่นใคร” (อย่าบอกนะว่าเธอจำเพื่อนตัวเองไม่ได้?) “จำไม่ได้” และไม่จำเป็นต้องจำด้วย เพราะเธอไม่มีเพื่อน ปลายสายน่าจะเป็นมิจฉาชีพที่กำลังระบาดในช่วงนี้มากกว่า จิรัชญากำลังจะกดวางสาย แต่เสียงของอีกฝ่ายกลับดังขึ้นก่อน (ใจร้ายจังนะ) เธอตัดพ้อ (ฉันซินดี้เอง) วันเสาร์นี้จิรัชญาไม่มีคิวถ่ายละครหรือถ่ายโฆษณา ไม่มีอีเว้นท์ ไม่มีงานเดินแบบ เธอตั้งใจว่าจะนอนให้สมกับที่ทำงานหนักมาทั้งอาทิตย์ ดูหนังเรื่องที่อยากดู และเล่นกับโรซี่ แมวเพศเมียแสนสวยพันธุ์แร็กดอลล์ที่เลี้ยงเอาไว้ แต่แผนนั้นก็ต้องถูกพับไป เพราะสายจากเบอร์แปลกหน้าเมื่อไม่กี่วันก่อน (ฉันซินดี้เอง) “มีอะไร” (ทำไมพูดกับเพื่อนเย็นชาแบบนั้นล่ะ) “ฉันมีงานต้องทำ มีอะไรก็รีบพูดมา” (หลินหลินกำลังจะแต่งงาน วันเสาร์นี้จะจัดปาร์ตี้สละโสด หลินหลินเลยอยากชวนเพื่อน ๆ ให้มาดื่มฉลองด้วยกัน แต่ยัยคนนั้นไม่มีเบอร์เธอ ฉันเลยเป็นธุระโทรมาชวนแทนน่ะ) “ฉันไม่ว่าง” (จี อย่างน้อย ๆ เราก็เป็นเพื่อนกันนะ เพื่อนกำลังจะมีครอบครัว เธอจะไม่มาแสดงความยินดีหน่อยเหรอ) เพื่อนงั้นเหรอ? คนพวกนั้นกล้าเรียกตัวเองว่าเพื่อนได้ยังไง ไม่รู้จักอายปาก แต่ในเมื่ออยากให้เธอไปนัก เธอก็จะไป จิรัชญาจอดลูกรักสีแดงเพลิงหน้าสถานบันเทิงชื่อดังขนาดใหญ่สมกับฐานะของว่าที่เจ้าสาว ขาเรียวยาวก้าวลงจากรถ เธอไม่สนใจสายตาหลายสิบคู่ที่มองมาด้วยความตะลึงงัน เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังใกล้ ๆ แบบนี้ “นั่นควีนไม่ใช่เหรอ?” “จิรัชญา ตัวจริงโคตรสวย” “หุ่นโคตรน่าฟัด” “แต่หยิ่งฉิบหาย” “ยิ่งยากก็ยิ่งเร้าใจไม่ใช่เหรอ?” “สวยแค่รูป แต่จูบไม่หอม เปลี่ยนแฟนไม่ซ้ำหน้าแบบนั้นคงกลวงหมดแล้วมั้ง” และอีกสารพัดที่จิรัชญาต้องแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ตลอดทางที่เธอเดินลงจากรถ เข้ามาในตัวผับ จนถึงโต๊ะวีไอพีของว่าที่เจ้าสาว เธอได้ยินทั้งคำชื่นชม แทะโลม และด่าทอไม่ซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ตั้งใจจะรีบมารีบกลับไม่อยากมีเรื่องกับใคร เธอจะหันไปด่ากราดให้หมด “จีมาแล้ว” เสียงของเพื่อนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ไม่วายค่อนแคะ “กว่าจะมาได้นะ” “งานเพิ่งเสร็จ” เธอโกหกเสียงเรียบ ปรายตามองพวกหล่อนด้วยสายตาว่างเปล่า ที่มาช้าก็เพราะไม่อยากอยู่กับพวกเธอนาน ๆ ไง ยังไม่รู้ตัวกันอีก “ช่างเถอะ ยังไงก็มาแล้ว นั่งก่อนสิ” ซินดี้รีบเอ่ยแก้สถานการณ์ชวนอึดอัด “เธอจะดื่มอะไรจี” “น้ำเปล่าก็พอ” “ล้อเล่นหรือเปล่า อย่างเธอน่ะเหรอจะดื่มแค่น้ำเปล่า” คำถามนั้นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะเย้ยหยัน จิรัชญามองไปยังว่าที่เจ้าสาว ที่อยู่ในชุดเดรสสั้นสีขาวบริสุทธิ์แต่แอบเซ็กซี่ ติดเวลเจ้าสาวฟองฟูชวนให้ดูอ่อนหวาน เธอนั่งเด่นเป็นสง่าตรงกลางโซฟารูปตัวยู ล้อมรอบด้วยเพื่อนอีกหลายคนที่คอยประจบเอาใจ ดวงตาทั้งสองคู่มองสบกัน ก่อนว่าที่เจ้าสาวจะเรียกบริกรที่ดูแลโต๊ะวีไอพีโดยเฉพาะให้เข้ามา “ฉันสั่ง sex on the beach ให้ก็แล้วกัน เหมาะกับเธอดี ชอบทำเรื่องลับ ๆ ในที่เปิดเผยอยู่แล้วนี่” หลินหลินพูดด้วยรอยยิ้ม ที่แม้แต่เด็กอนุบาลยังมองออกว่ากำลังจิกกัดเธออยู่ “อือหึ ฉันชอบ เร้าใจจะตายไป เธอไม่ลองดูบ้างล่ะ” อย่าคิดว่าคนอย่างจิรัชญาจะยอม เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มเย็นประจำตัว ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงที่ว่าง ยกขาขึ้นไขว้กันอย่างไม่รู้สึกรู้สา เรื่องมันผ่านมาเป็นชาติแล้ว แต่หลินหลินก็ยังไม่ยอมเลิกแขวะเธอสักที ต้องให้พูดอีกกี่ครั้งว่าแฟนของหล่อนนั่นแหละมายุ่งกับเธอเอง เธอไม่เคยเล่นด้วยเลยสักครั้ง นี่ที่ลงทุนให้ซินดี้โทรมาชวนทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สนิทกันแล้ว คงเพราะอยากเยาะเย้ยเธอเรื่องนี้สินะ ถามว่าต้องรู้สึกอะไรไหม? จิรัชญาจิบเครื่องดื่มที่หลินหลินสั่งมาให้เพียงเล็กน้อย วันนี้เธอขับรถมาเอง ไม่ได้บอกผู้จัดการด้วยว่าออกมาดื่ม นี่ถ้าพี่แอนนารู้ต้องบ่นหูชาแน่ ๆ เพราะถ้าเป็นปกติพี่แอนนาจะมาเป็นเพื่อน คอยขับรถให้เมรีขี้เมาอย่างเธอ จิรัชญาชอบดื่ม เรียกได้ว่าเป็นสายดริงก์ตัวแม่ แต่เธอมีบาร์ที่ไปประจำและเป็นส่วนตัวมากอยู่แล้ว ไม่ใช่ผับที่เสียงดังแบบนี้ “แล้วเธอล่ะจี เพิ่งเลิกกับแฟนไปไม่ใช่เหรอ มีหนุ่มคนใหม่มาดามใจหรือยังล่ะ?” ไม่รู้ว่าพวกหล่อนคุยอะไรกันก่อนหน้านี้ จิรัชญาได้ยินแค่คำถามนั้นจากเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ กัน เพื่อนที่เธอจำชื่อของหล่อนไม่ได้ด้วยซ้ำ “ยังไม่มี” “ทำไมล่ะ” “ก็แค่ตอนนี้ยังไม่อยากมี” “อย่าไปถามเซ้าซี้เลย คนแบบจิรัชญาเดี๋ยวก็หาใหม่ได้ เปลี่ยนแฟนบ่อยกว่าแปรงสีฟันขนาดนั้น” หลินหลินเอ่ยยิ้ม ๆ “ถ้าได้ของไม่ดีก็ควรรีบเปลี่ยนไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่กล้ำกลืนฝืนทนใช้ต่อทั้ง ๆ ที่รู้ว่าของชิ้นนั้นมันห่วยแค่ไหน ใช่ไหมจ๊ะหลินหลิน” “นี่!” “ไม่เอาน่า วันนี้วันดี นาน ๆ จะรวมตัวกันได้ทั้งที อย่าทะเลาะกันเลยนะ” ซินดี้รีบห้ามทัพ เมื่อเห็นว่าว่าที่เจ้าสาวกำลังจะปรี๊ดแตก จากงานสนุก ๆ จะกลายเป็นเวทีมวยซะเปล่า ๆ “ฉันกลับก่อนดีกว่า พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า” จิรัชญาลุกขึ้นยืนอย่างหมดความอดทน เธอไม่ชอบอะไรปลอม ๆ แบบนี้เท่าไหร่ เพื่อนพวกนี้จะเรียกว่าสนิทกันยังกระดากปาก พวกเรารู้จักกันก็เพื่อฐานะทางสังคมเท่านั้น ลับหลังต่างคนต่างแอบหยิกหลังกันจนเหวอะหวะไปหมด ทุกอย่างที่เห็นตรงหน้าคือของปลอม คำพูด รอยยิ้ม หรือแม้แต่เสียงหัวเราะก็ปลอม ไม่รู้จะให้เธอมาทำไม เสียเวลา “อ้อ หลินหลิน ยินดีด้วยนะที่กำลังจะได้แต่งงาน ฉันคงไม่ว่างไปงานของเธอ แต่ก็ขอให้โชคดีแล้วกัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม