หนึ่งชั่วโมงต่อมา..
ตึกตึก!!!
“ขอเหล้าเข้มๆ ดิ๊”
ฟุ่บ!!
ผมหันไปมองตามเสียงอันคุ้นเคยของเพื่อนตัวเอง ที่ตอนนี้มันทิ้งตัวลงบนโซฟาด้านข้างผมแล้วเรียบร้อย
“จัดการเสร็จแล้ว?” ก็คงจะเสร็จแล้วแหละ ไม่งั้นมันไม่ขึ้นมานั่งดื่มเหล้าสบายใจเฉิบแบบนี้หรอก
“เออ ปัญหาเยอะฉิบ แม่งวันนี้มันวันอะไรวะ เจอแต่ไอ้พวกเด็กเปรต” นั่นสิ วันนี้มันเป็นวันอะไร ทำไมที่ร้านไอ้คามินถึงมีแต่ปัญหา
ก่อนหน้านี้พวกผมกำลังนั่งดื่มที่บริษัทไอ้องศาอยู่ดีๆ แต่เด็กในร้านไอ้คามินดันไลน์ไปตามบอกว่าที่ร้านเกิดเรื่อง พอไอ้นี่มันรู้ มันก็รีบตรงดิ่งมาที่ร้านมันอย่างไว
“เอ้า ดื่มก่อนจะได้ไม่เครียด” ผมยื่นแก้วเหล้าที่พึ่งชงเสร็จไปตรงหน้าของมัน ซึ่งมันก็รับไปทันที ก่อนที่จะเทเหล้าเข้าปากรวดเดียวจนหมดแก้ว และ….
ปึก!!!
เสียงกระแทกแก้วลงบนโต๊ะด้วยอารมณ์หงุดหงิดของคนที่นั่งอยู่ด้านข้างผม บ่งบอกได้เลยว่าตอนนี้มันคงหงุดหงิดเอามากๆ
“ขออีกแก้ว”
“มึงก็เบาๆ หน่อยครับ ดื่มเหมือนน้ำเปล่าเลยไอ้ห่า” ถึงจะว่ามันแบบนั้น แต่ผมก็หยิบแก้วมาชงเหล้าให้มันเพิ่มอยู่ดี
“ถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่ลูกผู้การนะ กูให้การ์ดลากออกไปกระทืบละ แม่งทำตัวโคตรกร่างเลย ข้าวของในร้านกูเสียหายหมด แขกก็ทยอยกลับไปเยอะเลยด้วย ทั้งๆ ที่ตอนนี้พึ่งจะสี่ทุ่ม” มันว่าพลางยกแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้ามันขึ้นดื่มอีกครั้ง ก่อนจะพูดอย่างหัวเสีย
“แล้วสรุปยังไง ทำไมไอ้เด็กนั่นมันถึงก่อเรื่อง?” เท่าที่ผมได้ยินมาเหมือนว่าเด็กในร้านไอ้คามินเป็นต้นเหตุนะ
“มันลวนลามเด็กในร้านกูก่อน กูไปดูกล้องวงจรปิดมาเมื่อกี้ ก็จริงตามที่ยัยเด็กอลิซนั่นพูด” อลิซงั้นเหรอ ชื่อเพราะดีนะ ว่าแต่ไอ้คามินมันจำชื่อเด็กในร้านทุกคนได้เลยงั้นเหรอ?
“มึงจำชื่อเด็กในร้านมึงได้ทุกคนเลยเหรอ?”
“มึงถามทำไม?”
“ก็ เปล๊า เห็นมึงพูดชื่อเด็กในร้านมึงออกมาไง” ความจริงผมอยากจะถามถึงผู้หญิงที่ชื่อชะเอม อะแหละ เพราะหลังจากที่เธอเดินออกจากห้องนั้นไปผมก็ติดต่อเธอไม่ได้อีกเลย ยัยนั่นบล็อกเบอร์ผมไง อย่าให้ได้เจอ
ครั้นจะให้ตามหาในร้านก็ยากเกินไป เพราะร้านไอ้คามินเล็กๆ ซะที่ไหน ที่สำคัญยังแบ่งเป็นโซนๆ อีก
“กูจำไม่ได้ขนาดนั้นหรอก แต่ที่จำได้เพราะเด็กคนนี้เจนนี่เป็นคนเอามาฝากที่สำคัญอายุน้อยสุดในร้านแล้ว” อายุน้อยสุดในร้านงั้นเหรอ?
“อายุเท่าไหร่?” ผมถามไอ้คามินออกไปอย่างสงสัยทันที
“สิบแปด”
“สัส วันนั้นกูโทรถามมึง มึงบอกไม่เคยรับเด็กอายุสิบแปดเข้ามาทำงานที่นี่ไง”
“วันไหน? กูจำไม่เห็นจะได้เลย”
“ไอ้คามินมึงอย่ามาตลก พึ่งจะผ่านมาสองวัน”
“มึงมีอะไรกับเด็กร้านกู เห็นถามอยู่นั่น” ไอ้คามินมันหรี่ตามองผมอย่างจับผิด
“กูก็แค่อยากรู้ปะ แล้วนี่ยัยเด็กที่ชื่ออลิซนั่นอยู่ไหนแล้ว” ผมอยากจะไปดูหน้าสักหน่อยว่าจะใช่คนเดียวกันไหม เพราะท่าใช่ผมจะจัดให้หนักเลย โทษฐานที่กล้าหลอกผม
“ให้กลับบ้านไปแล้ว”
“กลับไปแล้วเหรอ แล้วปกติยัยเด็กนี่มาทำงานทุกวันปะ?”
“ก็ทุกวันนะ แต่ว่าตอนนี้กูสั่งพักงานไปหนึ่งเดือนเพราะไม่งั้นไอ้ลูกชายผู้การมันจะไม่ยอม นี่ก็สงสารยัยเด็กนั่นอยู่เหมือนกัน เห็นว่ายายป่วยต้องการเงินเป็นค่าผ่าตัดเยอะด้วย” ประโยคที่ไอ้คามินพูดออกมา ทำผมนึกไปถึงคำพูดที่ยัยเด็กนั่นพูดวันนั้นเลย
‘ไม่ค่ะ หนูจะไม่ยอมตกงานเพราะคุณแน่ๆ ถ้าหนูตกงานหนูก็จะไม่มีเงินมารักษายายหนู’
ใช่แน่ๆ ต้องเป็นคนเดียวกันแน่ๆ หึ โกหกชื่อตัวเองด้วยงั้นเหรอ น่าสนใจดีนี่
สองสัปดาห์ต่อมา
ด้านอลิซ
ติ้ง!!
ติ้ง!!
ติ้ง!!
ฉันที่กำลังช่วยยายทำขนมอยู่ในห้องครัว รีบหันขวับไปมองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังอยู่ตอนนี้อย่างไว ก่อนจะเห็นว่าเป็นพี่เจนนี่ที่ส่งข้อความมาทางไลน์
พี่เจนนี่ : อลิซจ๊ะ
พี่เจนนี่ : ทำอะไรอยู่
พี่เจนนี่ : ว่างคุยไหม??
อลิซ : ว่างค่ะ คุยได้ๆ
อ่านแล้ว
พี่เจนนี่ : พรุ่งนี้มีงานใหญ่ อลิซสนใจไหม?
พี่เจนนี่ : แต่ว่าเป็น Nบิกินี เราไหวหรือเปล่า?