“ก็ยัยนี่มันมาตบหน้าฉัน” ไอ้คนชื่อกายอะไรนี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมกับชี้นิ้วมาตรงหน้าของฉันอย่างเอาเรื่อง
“ก็เขามาลวนลามอลิซก่อนนี่คะ” ถ้าเขาไม่ทำกับฉันแบบเมื่อกี้ มีเหรอที่อยู่ดีๆ ฉันจะไปตบเขา
“ไหนหละหลักฐาน” ฉันได้แต่เงียบแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนเขาที่เป็นคนห้ามเขาไม่ให้ตบฉันเมื่อกี้อย่างขอความช่วยเหลือ เพราะเขาคือคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
แต่ผู้ชายคนนั้นกลับนั่งเฉยไม่ปริปากพูดสักคำ เหอะก็นึกว่าจะเป็นคนดี
“ไม่มีค่ะ”
“เอ่อ ทางเราต้องขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะ คราวหลังฉันจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก” แล้วพี่เจนนี่จะไปขอโทษมันทำไม มันสิที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษฉัน
“ถ้าไม่อยากให้ฉันเอาเรื่อง ก็ก้มกราบเท้าของฉันซะ” ฉันกำหมัดแน่นพร้อมกับจ้องหน้าไอ้นี่ด้วยความโกรธ นี่มันจะให้ฉันที่เป็นเพศแม่ของมันกราบเท้ามันงั้นเหรอ
“ฉันไม่ขอโทษ ถ้านายจะเอาเรื่องฉันก็เอาเลย”
“อลิซ” พี่เจนนี่หันมาเรียกชื่อฉันในทันทีหลังจากที่ฉันพูดประโยคเมื่อกี้จบ
“เธอได้ตกงานแน่” ประโยคนี้อีกแล้ว และมันก็เป็นประโยคเดียวที่มีอิทธิพลต่อตัวของฉันในเวลานี้
“ถ้าฉันยอมกราบ คุณจะยอมจบใช่ไหม”
“หึ ก็กราบสิ” ฉันยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อแลกกับการที่จะได้ทำงานที่นี่ต่อ
แต่……
“อลิซไม่ต้อง ถ้าเขาจะเอาเรื่องก็ปล่อยเขา อีกอย่างที่นี่ก็มีกล้องวงจรปิดระดับHD ภาพชัดยิ่งกว่าอะไรซะอีก….”
“….ถ้าคุณยืนยันว่าไม่ได้ลวนลามเด็กของเราจริงๆ งั้นเดี๋ยวฉันขอเช็กภาพจากกล้องวงจรปิดตัวนั้นแล้วกันนะคะ” พี่เจนนี่พูดขึ้น ก่อนที่จะเบนสายตาขึ้นไปมองยังกล้องวงจรปิดที่อยู่ตรงมุมด้านบนใกล้ๆ กับพวกเราพอดี
จริงสิ ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลยว่าคุณคามินติดกล้องวงจรปิดทั่วทุกมุมร้าน เพราะปกติที่นี่ชอบมีเรื่องกันวันเว้นวันอยู่แล้วจนคุณคามินต้องจ้างคนเอากล้องมาติดเพื่อที่จะได้เป็นหลักฐานในการเรียกค่าเสียหายจากลูกค้าที่เป็นคนก่อเหตุ
“พวกเธอกล้าขู่ฉันเหรอ”
“ฉันไม่ได้ขู่ค่ะ อีกอย่างถ้าคุณคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่คะ”
โครม!!
เพล้ง!!
เพล้ง!!
สิ้นเสียงพี่เจนนี่ ไอ้บ้านี่ก็ใช้เท้าถีบโต๊ะ จนแก้วกับขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะหล่นลงไปบนพื้นจนมันแตกกระจัดกระจาย
ฉันที่เห็นแบบนั้นก็ดึงพี่เจนนี่ให้ถอยห่างออกมา เพราะกลัวว่าจะเผลอไปเหยียบเศษแก้วที่อยู่บนพื้นเข้าให้
“คุณทำแบบนี้ทางร้านจะต้องเรียกค่าเสียหายจากคุณนะคะ”
โครม!!
“คิดว่ากูไม่มีปัญญาจ่ายเหรอ ฮะ มึงสองคนไม่รู้จักกูซะแล้ว”
โครม!!
เพล้ง!!
แล้วตอนนี้ทุกคนที่อยู่ละแวกนี้ต่างหันมาสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อไอ้บ้านี่มันหันไปถีบโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง จนของบนโต๊ะหล่นลงบนพื้นจนแตกกระจายอีกครั้ง!!
โครม!!
“อลิซ ขึ้นไปเรียกการ์ดมา” พี่เจนนี่ที่คิดว่าเหตุการณ์เริ่มจะเลวร้ายขึ้น หันมาสั่งให้ฉันขึ้นไปเรียกพวกพี่ๆ ที่เป็นการ์ดอยู่ด้านหน้าของผับให้มาจัดการ
ทว่าขณะที่ฉันหมุนตัวแล้วกำลังจะเดินออกไป จู่ๆ สายตาก็ไปปะทะเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี เห็นแบบนั้นฉันก็รีบหยิบหน้ากากอนามัยที่พกติดตัวขึ้นมาสวมใส่อย่างไว
“เกิดอะไรขึ้น” คุณคามินที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่ตอนไหน เดินตรงมาทางที่พวกเรายืนอยู่ แต่ฉันจะไม่อะไรเลยถ้าคนที่เดินตามหลังเขามาไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น เพทาย
ผู้ชายคนที่ฉันขอร้องอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าอย่าให้เจอเขาอีกเลย แต่ดูเหมือนว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่ฟังคำอ้อนวอนของฉันเลย
โครม!!!
เพล้ง!!
เพล้ง!!
คุณคามินเดินผ่านหน้าฉันไปยังที่พี่เจนนี่ยืนอยู่ ก่อนที่เขาจะหันไปพูดคุยกับผู้ชายคนนั้นอย่างใจเย็น
ส่วนผู้ชายคนที่เดินตามหลังเขามาเมื่อกี้ ก็หยุดยืนใกล้ๆ กับฉัน ทำไมต้องมาหยุดตรงนี้ด้วยนะ บ้าจริง!!!
ตึกตัก!! ตึกตัก!! ตึกตัก!!
ไม่ต้องสงสัยว่าเสียงอะไร เพราะไอ้ที่ดังอยู่ตอนนี้คือเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจฉันเอง ไม่ใช่จังหวะตกหลุมรักหรอกนะ แต่มันคือจังหวะการเต้นของหัวใจของคนที่ทำผิดแล้วกลัวจะถูกจับได้อย่างฉันต่างหาก
นี่มันเป็นโชคชะตาหรือว่าฟ้ากลั่นแกล้งฉันกันแน่นะ ทำไมถึงต้องมาเจอเรื่องบ้าบออะไรแบบนี้ด้วยวะ!!