5
“กูทำร้ายมึงแน่ กูจะตบ จะเตะมึงจนกว่าอีนันจะยอม ถ้ามันทนเห็นแม่มันตายต่อหน้าได้ กูก็จะไม่บังคับมัน เพี้ยะ...เพี้ยะ”
คราวนี้อำนวยทำร้ายภรรยาเป็นชุด ทั้งตบ เตะและถีบ เพ็ญแขสะบักสะบอม เลือดไหลกบปาก ร่างเซไปทรุดนั่งบนพื้นอย่างน่าสงสาร
คนที่กำลังเดินมาถึงรั้วบ้าน รีบเปลี่ยนเป็นวิ่ง เมื่อได้ยินเสียงดังมาจากในบ้าน ยิ่งเห็นชาวบ้านมายืนดูเหตุการณ์หน้าบ้านสองสามคน ทำให้เธอรู้ทันทีว่า มีอะไรเกิดขึ้น
“พ่ออย่า อย่าทำแม่” นันทภัคทิ้งถุงในมือลงกับพื้น วิ่งหน้าตาตื่นไปหามารดาที่ถูกอำนวยใช้มือจิกหัวให้ลุกขึ้นยืน เธอรีบแกะมือพ่อเลี้ยงออกจากเส้นผมของเพ็ญแข นำตัวขวางไว้ไม่ให้แม่ตัวเองถูกทำร้าย ยกมือไหว้พ่อเลี้ยง “พ่ออย่าทำแม่ นันขอร้องนะคะ”
“กูตบสั่งสอนเมียกู มึงอย่าเสือก” อำนวยตะโกนใส่หน้าลูกเลี้ยง “แม่มึงเหิมเกริมกับกู แค่พูดให้มึงยอมแต่งงานกับลูกชายเจ๊หงส์ยังทำไม่ได้เลย ในเมื่อเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วเรื่องอื่นกูจะพึ่งพาได้ยังไง รู้ไหมว่าถ้ามึงไม่ยอมทำตามที่กูบอก บ้านหลังนี้ก็ต้องถูกยึด กูกับแม่มึง น้องมึงก็ไม่มีที่ซุกหัวนอน แถมยังจะต้องหาเงินมาใช้หนี้อีกเป็นแสน เรื่องนี้แม่มึงผิด แม่มึงก็ต้องรับผิดชอบ มึงถอยไปเดี๋ยวนี้”
อำนวยพูดยาวเหยียด ผลักนันทภัคเซไปหลายก้าว ปรี่เข้าไปกระชากเพ็ญแขเข้าหาตัว หมายจะลงมือทำร้ายให้สมใจ นันทภัคทนเห็นมารดาถูกทำร้ายไม่ได้ รีบเข้าไปช่วย ผลคือถูกอำนวยตบบนใบหน้าสองครั้ง ถีบจนร่างกระเด็นลงไปนั่งบนพื้น
“พ่อจ๋า อย่าทำแม่ แม่เลือดไหลแล้ว” นันทภัคเข้าไปห้ามอีกครั้ง ไม่เกรงกลัวว่าตนเองจะถูกทำร้าย
“โอ๊ย จะเอะอะโวยวายตบตีกันอีกนานไหมเนี่ย เสียงดังลั่นบ้าน นอนไม่หลับเลย” นันทนาลูกสาวของอำนวยกับเพ็ญแข และเป็นน้องสาวต่างพ่อของนันทภัค เดินหาวลงมาจากชั้นบน ใบหน้ายุ่งเมื่อถูกรบกวน “ทะเลาะเรื่องอะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าเรื่องที่จะให้พี่นันแต่งงานกับลูกชายเจ้าของร้านทอง ถ้าเป็นเรื่องนี้ยังไม่จบอีกเหรอ พ่อตบแม่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ไม่กลัวแม่จะตายคามือคาบ้านหรือไง”
นันทนาคาดเดา เดินไปกระแทกตัวนั่งบนเก้าอี้หวาย มองบิดามารดาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเบนสายตามองพี่สาวที่ตนไม่ถูกชะตาตาขุ่น
“ก็ดูแม่มึงสิ ถ้าแม่มึงพูดกับอีนันได้ กูจะตีแม่มึงให้เจ็บมือทำไม หน้าก็หนา ยิ่งกูตบกูก็ยิ่งเจ็บมือ เปลี่ยนเป็นชกหน้าดีไหมเนี่ย” อำนวยยกกำปั้นหมายจะชกลงบนใบหน้าของเพ็ญแข โดยที่คนจะถูกทำร้ายไม่มีท่ท่าเกรงกลัว
“เอาเลย พี่ตบ พี่ชกฉันให้ตายเลย แต่ฉันไม่ยอมบังคับให้นันฝืนทำในเรื่องที่ตัวเองไม่อยากทำ ยิ่งเป็นเรื่องนี้ด้วยแล้ว ฉันจะไม่บังคับ ชีวิตคู่ของใคร คนนั้นก็ต้องเลือกเอง”
แม้ว่าจะกลัวสามี แต่ความรักลูก เห็นใจลูกก็มีมากกว่า ความเข้มแข็งของนางจะเป็นเกราะคุ้มกันนันทภัค
“มึงท้ากูเหรอ ท้ากูใช่ไหม ได้เลย กูเอามึงตายแน่ๆ” ขาดคำ อำนวยตบแก้มเพ็ญแขจนหน้าหัน
“โอ๊ย!” เพ็ญแขร้องด้วยความเจ็บปวด ถอยร่นหนีอำนวยที่ก้าวเข้ามาหา นันทภัครีบนำตัวมากันร่างมารดา มองพ่อเลี้ยงทั้งน้ำตา
“พ่ออย่าทำแม่อีกเลย ถ้าพ่ออยากให้นันแต่งงานกับลูกชายเจ๊หงส์ นันยอมแล้ว ยอมทุกอย่างขอเพียงพ่ออย่าทำร้ายแม่ก็พอ ฮือ”
นันทภัคจำยอมทำเรื่องที่ตนไม่อยากทำ เรื่องที่เธอจะต้องแต่งงานกับบุตรชายของนางหงส์กับเฮียเหลียง เจ้าของร้านทองชื่อดัง เธอรู้เรื่องเมื่อสองวันที่แล้ว ยังจำความรู้สึกที่รู้ความจริงเรื่องหนี้สินนับล้านของบุพการีได้ดี
วันนั้นเพ็ญแขเข้ามาหาเธอในห้องนอน บอกเล่าเรื่องหนี้สินที่ลากยาวมากกว่าห้าปีให้รับรู้ ต้นเหตุของหนี้สินมาจากกู้เงินเจ๊หงส์มาร่วมลงทุนกับเพื่อนสนิทของอำนวย แรกเริ่มการลงทุนเป็นไปด้วยดี แต่ต่อมาเริ่มมีปัญหาและขาดทุนในที่สุด ไม่เพียงแค่ขาดทุน ยังเป็นหนี้บริษัทคู่ค้าอีกราวห้าแสนบาท ส่งผลให้อำนวยกับเพ็ญแขเป็นหนี้สองทาง
ความที่เป็นหนี้สินสองทาง และขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้อำนวยกับเพ็ญแขไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้สินได้ ทางบริษัทคู่ค้าฟ้องร้อง ทั้งสองจึงแบกหน้าไปกู้เงินเพิ่มจากเจ๊หงส์เพื่อมาชำระหนี้ โดยใช้บ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ระยะเวลาผ่านไปเป็นปี อำนวยและเพ็ญแขจ่ายค่าดอกเบี้ยให้หงส์มาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สองสามีภรรยาขาดสภาพคล่องทางการเงิน การชำระดอกเบี้ยเจ๊หงส์ล่าช้าไปหลายงวด ท้ายสุดก็ไม่มีจ่าย เจ๊หงส์จึงยื่นข้อเสนอบางอย่างให้เพื่อแลกกับหนี้สินทั้งหมด แถมยังให้เงินเป็นขวัญถุงอีกหนึ่งล้านบาท ไม่หมดยังใจดีให้ทองคำแท่งอีกห้าสิบบาท ข้อเสนอนั้นคือ นันทภัคต้องแต่งงานกับนิรัติศัย บุตรชายเพียงคนเดียวของเจ๊หงส์
วันที่รู้เรื่อง นันทภัคปฎิเสธไม่แต่งงานกับนิรัติศัย เพราะมารดาบอกว่าไม่บังคับ เธอนึกว่าเรื่องจะจบลงเพียงแค่นั้น ไม่คิดว่าวันนี้พ่อเลี้ยงจะตบตีมารดาด้วยเรื่องนี้ มีหรือลูกกตัญญูอย่างเธอจะไม่ยอมทำตามที่อำนวยต้องการ เธอทนทุกข์ทรมานใจได้ แต่ทนไม่ได้ที่เห็นเพ็ญแขต้องเจ็บตัวและร้องไห้เพราะเธอเป็นต้นเหตุ
“ไม่นะนัน ถ้านันไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง แม่ทนได้...ฮือ” เพ็ญแขรีบพูด
“มึงอย่าสาระแนอีเพ็ญ” อำนวยชี้หน้าต่อว่าภรรยา “มันยอมก็ดีแล้ว หนี้เราจะได้หมด มีเงินใช้ฟรีๆ อีกตั้งล้านนึง กูจะได้สบายซะที ไม่ต้องหาเงินใช้หนี้งกๆ”
“ฉันไม่อยากบังคับลูก มันทั้งชีวิตของนันเลยนะพี่ ฉันไม่อยากเห็นลูกทรมานใจ”
หัวอกคนเป็นแม่ มีหรือจะทนเห็นลูกทรมานใจและกายได้ นางคนหนึ่งที่ทนไม่ได้ และไม่ยอมทนด้วย
“แม่นี่ก็แปลกนะ พี่นันยอมแล้วก็ถือว่าจบ จะชักใบให้เรือเสียทำไม ถือซะว่าพี่นันตอบแทนพ่อที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด ให้ข้าว ให้ที่อยู่ ส่งเสียเรียนทั้งที่ไม่ใช่ลูกในใส้ก็แล้วกัน” นันทราพูดกลางปล้อง เบ้หน้าใส่พี่สาว นึกสมน้ำหน้าในใจที่ได้เห็นน้ำตา และความเสียใจของคนเป็นพี่ “แล้วก็เลิกทะเลาะกันได้แล้วนะ ฉันจะนอน”
“แกหยุดพูดไปเลยนะนา แกไม่ได้เป็นคนถูกบังคับให้แต่งงานนี่ แกก็พูดได้สิ แล้วไม่ต้องขุดเรื่องเดิมๆ มาพูด ฉันเป็นแม่ ฉันก็ออกเงินช่วยเลี้ยงนันเหมือนกัน” เพ็ญแขทนไม่ไหว ต่อว่าลูกสาวคนเล็ก “แกเป็นลูก แกก็น่าจะช่วยกันรับผิดชอบหนี้สินของบ้านด้วยไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ลอยตัวอยู่คนเดียว”
นันทนาหน้าแดงเมื่อถูกตำหนิ รีบเข้าไปอ้อนบิดาเพื่อหาพวก
“พ่อจ๋า ฟังแม่พูดสิ แม่ไม่รักนา รักแต่พี่นัน แม่ถึงพูดกับนาแบบนี้ ฮือ” นันทนาใช้ความรักที่อำนวยมีให้ให้เกิดประโยขน์ และได้ผลทุกครั้งด้วย
“อีเพ็ญ มึงไม่ต้องมาว่าลูกกู มึงไปอบรมสั่งสอนลูกของมึงดีกว่า ให้มันรู้จักคำว่าบุญคุณบ้าง กูเลี้ยงมันมา มันก็ต้องตอบแทนกู ไม่อย่างนั้นกูจะตบมึงให้ตายคามือ” อำนวยเสียงเขียวใส่เพ็ญแข นันทนาแสยะยิ้ม หยักคิ้วให้พี่สาว
นันทภัคเจ็บปวดใจกับคำพูดของอำนวยและนันทนา เธอรู้เต็มอกว่า อำนวยไม่เคยรักตนเลยสักนิดเดียว ที่เลี้ยงดูมาเป็นเพราะเห็นแก่เพ็ญแข อำนวยใช้โอกาสตอนที่เพ็ญแขไม่อยู่ ตบตีเธอเสมอ ดุด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง บางครั้งเมากลับมาบ้านก็ทุบตี ทวงบุญคุณ นันทภัคเก็บความรู้สึกไว้เรื่อยมา ตระหนักว่า หากไม่มีอำนวย เธอคงไม่ได้ร่ำเรียนหนังสือ ไม่ได้มีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ เพราะลำพังสองมือ สองเท้าของเพ็ญแข คงเลี้ยงเธอไม่รอด อีกทั้งเพ็ญแขบอกเธอเสมอว่า อำนวยเป็นผู้มีพระคุณของนาง นั่นหมายความว่า เป็นผู้มีพระคุณของนันทภัคด้วย เธอจึงกล่ำกลืนฝืนทนมาตลอดยี่สิบเก้าปี