ขอพรวิหารเซียน

1792 คำ
กลางวิหารเซียนที่เลื่องชื่อเรื่องการขอคู่ครอง เจียงลี่จู หญิงสาวอายุย่าง 30 นั่งขอพรอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อขอคู่ผูกด้ายแดงของตนไม่ขาดสาย "ขอให้ลูกได้พบเจอเนื้อคู่ ผู้ที่มีบุญผูกสัมพันธ์ ขอเทพด้ายแดงช่วยแสดงปาฏิหาริย์ให้ลูกได้พบเจอกับรักแท้ที่มีบุญวาสนาต่อกันด้วยเถิด จะให้แลกด้วยอะไรลูกก็ยอม สาธุ" เจียงลี่จูกราบไหว้รูปปั้นเทพเจ้าด้ายแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าด้วยความศรัทธาเลื่อมใส หรือจะเรียกว่านี่เป็นความหวังเดียวของเธอก็ว่าได้ ลี่จูอายุย่างเข้า 30 แล้ว แต่ยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน จะว่าหน้าตาของเธอไม่สวยก็ไม่ใช่ หลายปีที่ผ่านมาลี่จูต้องแบกรับช่วงร้านเต้าหู้ต่อจากมารดาที่ล่วงลับไปด้วยโรคร้าย แต่มิวายจะส่งต่อมาให้เธอด้วยการถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรม แต่สาวน้อยก็ไม่ทำให้มารดาผิดหวัง หลังจากที่สูญเสียเสาหลักเพียงคนเดียวไปในตอนที่เธออายุเพียง 20 ปี ลี่จูก็ตั้งหน้าตั้งตารับช่วงร้านเต้าหู้ต่อ ทั้งยังขยายฐานตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าออนไลน์และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนตอนนี้เธอมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเต้าหู้หลายอย่าง และเป็นที่รู้จักในแวดวงแม่ค้าออนไลน์หน้าใหม่ไฟแรง ที่น่าเสียดายก็คือ เธอไม่สามารถได้ลิ้มลองรสชาติผลิตภัณฑ์ของตัวเองซักเท่าไหร่ เพราะถั่วและธัญพืชต่าง ๆ ถือเป็นของต้องห้ามของโรคประจำตัวที่เธอเป็นอยู่ มีเพียงช่วงที่คิดค้นสูตรใหม่ ๆ เท่านั้นที่เธอจะได้ชิมด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาที่เธอเฝ้ารออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทันทีที่ลี่จูปักธูปลงในกระถางใหญ่ บรรยากาศรอบข้างก็เริ่มเย็นเยียบจนขนกายลุกซู่ แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือผู้คนที่คุยจอแจอยู่รอบกายเธอหายไปจนหมดสิ้น ราวกันว่าไม่เคยมีใครเข้ามาในนี้มาก่อน "แม่หนู เจ้าจะยอมแลกทุกอย่างจริงรึ?" "นะ..นั่นใครคะ ลุงหลบอยู่ตรงไหนเดินออกมาเถอะ" หญิงสาวเริ่มหันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาที่มาของเสียง แต่ก็มีเพียงความว่างเปล่าจนเธอเริ่มหวาดกลัวกับเรื่องแปลกประหลาดที่พบเจอ "เจ้ามั่นใจรึว่าอยากให้เราปรากฏตัวให้เห็น" "..." ลี่จูเริ่มไม่แน่ใจในตัวเองว่าจะสามารถรับไหวกับเรื่องเหนือธรรมชาติเหล่านี้หรือไม่ แม้เสียงที่ลี่จูได้ยินจะดูนุ่มนวลดุจกิ่งหลิวพลิ้วไหว แต่ก็แฝงไปด้วยบารมีน่าเกรงขามเฉกเช่นผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า "ที่เจ้ามาวันนี้เพราะต้องการขอคู่ผูกด้ายแดง และยอมทำการแลกเปลี่ยนกับเราผู้เฒ่าทุกอย่างใช่หรือไม่?" "ชะ..ใช่ค่ะ แต่ท่านคงไม่เอาชีวิตหนูใช่ไหมคะ แล้วคนในวิหารหายไปไหนหมด หนูคงไม่ต้องการเป็นผีเฝ้าที่นี่หรอกนะคะ" เจียงลี่จูเริ่มใจคอไม่ดี ยิ่งนึกถึงเรื่องราวเร้นลับที่ถูกเล่าขานกันปากต่อปากที่ว่า ผีบังตา ที่ทำให้คนอื่น ๆ ไม่สามารถมองเห็นเจ้าตัวได้ นั่นยิ่งทำให้เธอเริ่มหวาดกลัวตื่นตระหนก "ตายแล้วอย่างไร ไม่ตายแล้วอย่างไร การตายอาจจะเป็นเพียงการเริ่มต้นใหม่ในอีกสถานที่หนึ่งก็เป็นได้ แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป เราผู้เฒ่าไม่บีบบังคับแต่จะทำการแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย เจ้าพร้อมจะรับฟังหรือไม่?" "พะ..พร้อมค่ะ ท่านพูดมาได้เลย" ในเวลานี้ลี่จูยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองพบเจอเป็นเรื่องจริง เธอรีบตอบรับตามน้ำเพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปให้เร็วที่สุดเพื่อให้ตัวเองได้ออกไปจากตรงนี้ ลี่จูเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเพียงการจัดฉากแสดงละครของใครบางคนเท่านั้น แต่เหตุใดร่างกายของเธอจึงไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกเดินก็ไม่อาจรู้ได้ "โรคร้ายที่เจ้าเป็นอยู่ เนื้อคู่ที่เจ้าถวิลหา ธัญพืชอาหารที่เจ้าเฝ้ารอจะลิ้มรสได้เต็มอุรา ทุกอย่างเจ้าจะสมหวังตามที่เจ้าต้องการ แต่เจ้าต้องแลกมาด้วยการไปอยู่ในอีกสถานที่แห่งหนึ่งที่ล้าหลัง น้ำท่าอาหารล้วนไม่บริบูรณ์ แต่เจ้าไม่ต้องห่วงเพราะเจ้าสามารถจัดเตรียมสิ่งของไปจากภพนี้ได้ เพื่อเตรียมความพร้อมกับยุคที่ยากลำบาก ณ กาลเวลานั้นทุกอย่างกำลังฟื้นฟู มีหลายคนที่รอการมาของเจ้าอยู่" "ยุคที่ยากลำบาก?" หญิงสาวแทบไม่อยากเชื่อหูตนเอง หรือนี่เธอกำลังเป็นนักแสดงประกอบที่กำลังทำการถ่ายทำละครอย่างนั้นหรือ "คู่ผูกด้ายแดงของเจ้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของบ้านรองสกุลเมิ่ง ครอบครัวนี้ถูกกดขี่จากบ้านหลักมานานด้วยคำว่า"บุญคุณ" ที่ค้ำคออยู่ ชีวิตของพวกเขาน่าเวทนาไม่น้อย เราผู้เฒ่าเชื่อว่าเจ้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เจ้าต้องการสามี เราผู้เฒ่าใจดีแถมลูกน้อยให้อีกหนึ่งชีวิต ว่าอย่างไร เจ้าตกลงทำการแลกเปลี่ยนกับเราหรือไม่?" "ห๊า!! เดี๋ยวนะคะ สามีในอนาคตของฉันจะมีลูกติดมาด้วยอย่างนั้นเหรอ โอ้แม่เจ้า" ลี่จูแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน รูปปั้นผู้เฒ่าด้ายแดงก็ช่างมีเมตตาแท้ ขอสามีแถมลูกมาให้ด้วย เรียกว่าแลกเปลี่ยนจบครบในที่เดียว "ใช่ ให้สามีแถมลูกสาววัยกำลังน่ารักน่าชัง แต่เจ้าอย่าได้หวั่นใจไป ในอนาคตเจ้าจะสุขล้นเพราะพวกเค้า อาจจะลำบากบ้างในช่วงเริ่มต้น แต่อย่างที่บอกว่าเจ้าสามารถเตรียมสิ่งของไปจากที่นี่ได้ แต่ที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับเจ้า คือโรคร้ายที่เป็นอยู่จะมลายหายไป อย่าลืมสิว่าเจ้ามีเวลาอีกไม่นานแล้ว จริงหรือไม่?" เรียวคิ้วสวยขมวดเป็นปมด้วยความแปลกใจ ลี่จูมั่นใจว่าเธอไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร แม้แต่ลูกน้องในร้านเกือบ 40 ชีวิตก็ไม่มีใครล่วงรู้อาการป่วยของเธอ เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้ทุกคนเป็นกังวลว่าวันไหนเจ้านายจะตายจากแล้วปล่อยลอยแพลูกน้องอีกหลายสิบชีวิต "..." ตอนนี้หญิงสาวเพียงคิดว่าสิ่งที่เธอกำลังเจอ อาจจะมีใครบางคนจัดฉากทุกอย่างเอาไว้เพื่อกลั่นแกล้งเธอ มีอย่างที่ไหนจะทำให้คนทั้งคนย้ายกาลเวลาไปอยู่ในยุคนั้นยุคนี้ได้ตามใจชอบ ทำอย่างกับมีไทม์แมชชีนย้อนเวลาเหมือนโดเรม่อนก็ไม่ปาน "เราผู้เฒ่าไม่รู้จักอะไรชีน ๆ อย่างที่เจ้ากำลังคิดหรอกหนาแม่หนู แต่เรื่องข้ามกาลเวลาไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด เพียงแต่เจ้าต้องไปในรูปแบบของดวงวิญญาณเท่านั้น" "ระ..รู้ได้ยังไงว่าหนูคิดอะไร!" ดวงตาคู่กลมโตเท่าไข่ห่าน นี่ผู้เฒ่าด้ายแดงรู้กระทั่งความคิดของคนเชียวหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นก่อนหน้านี้.... "ไม่ต้องกลัวไปหรอกแม่หนู เราผู้เฒ่าไม่คิดที่จะบังคับฝืนใจใคร ทางเดินของเจ้า เจ้าล้วนต้องตัดสินใจด้วยตนเอง" "ถ้าหนูตกลง หนูจะได้เจอคู่ผูกด้ายแดงพร้อมกับได้ลูกสาวเป็นของแถมมาด้วยใช่ไหมคะ?" "เป็นเช่นนั้น" "แล้วถ้าหนูไม่ตกลงล่ะคะ?" "สำหรับที่นี่เวลาของเจ้าเหลือไม่มากแล้ว หากเจ้าไม่ตกลง หลังจากความตายวิญญาณของเจ้าจะถูกนำไปสู่การตัดสินชำระบาป หลังจากนั้นก็สุดแล้วแต่เวรแต่กรรมที่เจ้าทำมา" เสียงของผู้เฒ่าด้ายแดงก้องกังวานไปทั่วทุกทิศ จนลี่จูรู้แล้วว่าต่อให้มองหาที่มาของเสียงไปทั่วทุกทิศทางก็ไม่อาจเป็นผล ตอนนี้ลี่จูเริ่มมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติจริง ๆ "..." "แต่หากเจ้าตกลงทำการแลกเปลี่ยนกับเราผู้เฒ่า เจ้าจะได้เริ่มต้นลิขิตชีวิตตัวเองใหม่อีกครั้ง ไร้โรคภัยชีวิตยืนยาว ช่วยบ้านรองสกุลเมิ่งให้หลุดพ้นจากการกดขี่ของบ้านหลัก ช่วยพวกเขาก็เหมือนช่วยตัวเจ้าเอง" ใบหน้าของลี่จูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ใด ๆ ฉายออกมาให้เห็น ทว่าภายในใจของเธอกลับกำลังชั่งตวงว่าสิ่งไหนจะดีกับเธอที่สุด หรือหากตอบตกลงไปแล้ว สิ่งเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้ คิดได้ดังนี้ลี่จูจึงตอบ"ตกลง" แต่ไม่ได้เอ่ยออกมาจากปาก มีเพียงใบหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกว่าเธอกำลังคิดอะไร "..." "หึ! เอาตามนั้น คืนนี้เจ้าจะได้รู้ว่าร่างที่เจ้าต้องเข้าไปอยู่ รวมถึงคู่ผูกด้ายแดงของเจ้าจะมีเรื่องราวเป็นเช่นไร จงจำเอาไว้ว่า ความศรัทธาเป็นดั่งดวงตาที่ทำให้เรามองเห็นได้ในความมืด หลังจากนี้อีก 2 วัน เรื่องราวที่เกี่ยวกับเจ้าในกาลเวลานี้จะมลายหายไปกับสายลม ผู้คนจะลืมเลือนการมีตัวตนของเจ้าไปจนหมดสิ้น" "..." โอ้แม่เจ้า...ท่านผู้เฒ่ารู้หรือนี่ หรือจะเป็นเพราะศรัทธาที่นำพาเรามาที่นี่ แล้วได้พบเข้ากับเรื่องประหลาดแบบนี้ ร่างอรชรก้มคำนับเพื่อเป็นการบอกลา เพียงแค่เธอเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับผู้คนมากมายที่เข้ามาในวิหารเซียนแห่งนี้ แม้กระทั่งข้างจุดที่เธอนั่งอยู่ก็มีหนุ่มสาวหลายคนที่นั่งอยู่ด้วย สิ่งนี้ทำให้ขนกายของลี่จูลุกซู่โดยไม่มีเหตุผล เรื่องที่เกิดขึ้นไม่สามารถหาคำอธิบายได้เลยว่าภายใน 3-4 วินาที เหตุใดโถงวิหารที่ว่างเปล่าถึงเต็มไปด้วยผู้คนที่มากราบไหว้จนเนืองแน่นขนาดนี้ "ลี่จูเอ๋ยลี่จู เธอเป็นหนึ่งในร้อยหรือเป็นหนึ่งในล้านกันนะ จะมีใครพบเรื่องแปลกประหลาดแบบเธอหรือไม่?" ในขณะที่กำลังเดินสวนผู้คนมากมายออกไปจากวิหารเซียน ลี่จูได้หันกลับไปมองผู้คนที่อยู่รอบ ๆ อีกครั้ง พร้อมกับพรั่งพรูคำถามที่ค้างอยู่ในใจออกมาด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม