CHAPTER 3
ผมสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ในโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา เดินเข้าไปในห้องนอน เห็นว่ากลอยยังหลับสนิท ผมเลยเข้าไปอาบน้ำก่อน กะว่าพอออกมาก็จะมาปลุกกลอย แต่พอเดินออกมา กลอยก็ตื่นแล้ว หน้าตาสะลึมสะลือแบบนี้น่าเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก
“ไปอาบน้ำได้แล้วมึงอะ” ผมเอ่ยออกมา คนบนเตียงพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ยอมลุก ผมเลยเดินไปใกล้ ๆ แล้วออกแรงดึงแขนให้กลอยลงจากเตียง
“อย่าเพิ่งดิวะ” น้ำเสียงนี่โคตรงอแง ผมเลยโอบเอวกลอยไว้แล้วจะพาเธอไปที่ห้องน้ำ
“อย่าเพิ่งงงง” กลอยลากเสียงยาวแถมยังรั้งตัวเองไว้ ไม่ยอมให้ผมพาไป “กูขออีกสักสิบนาที ไม่ไหวจริง ๆ”
กลอยทำท่าจะล้มตัวลงบนเตียง ไม่ใช่ว่าผมจะแกล้งกลอยหรอกนะ แต่หากปล่อยให้นอนต่อ เชื่อเถอะว่าเกินสิบนาทีแน่นอน แล้วจะกลายเป็นสายแน่ ๆ ผมฉุดแขนกลอยไว้แล้วลากมาที่ห้องน้ำ
“ไอ้กราฟ มึงเป็นเพื่อนหรือเป็นพ่อกูกันแน่เนี่ย”
ผมไม่สนใจคำพูดของกลอย จับเธอหันหลังแล้วผลักเธอเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูใส่ไปในทันที คนด้านในก็พยายามจะเปิดออก แต่ผมก็ออกแรงดึงประตูไว้ จนเธอเป็นฝ่ายยอมแพ้แล้วต้องยอมอาบน้ำ
ไม่เคยรู้เลยนะว่ากลอยก็ขี้เซา เวลาที่ผมมานอนที่ห้องกลอย เธอตื่นก่อนเสมอ และไม่มีท่าทางแบบนี้ เว้นวันหยุดที่เธอจะตื่นสายโด่ง
“เหลือเวลาตั้งเยอะแยะ ให้กูนอนก่อนก็ไม่ได้” กลอยมองผมตาขวางแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหานมมาดื่ม ปากเธอบ่นผมแต่ก็โยนนมกล่องมาให้ผมได้ดื่มด้วย
“เดี๋ยวมึงก็หลับยาว ไม่มีทางแป๊บเดียวหรอก” ผมรู้เพราะผมก็เป็นบ่อย หากนอนอีกก็ยาวเลย
“ก็เมื่อคืนมึงชวนกูคุยอะไรนักหนา กว่าจะนอนก็ปาไปกี่โมงแล้ว”
“แล้วมึงคุยทำไมอะ ถ้ามึงง่วงมึงก็ไปนอนดิ นี่มึงนั่งคุยกับกูแล้วก็มาโทษกู”
“ทีหลังไม่ต้องมานอนห้องกูเลยนะ”
นั่นแหละครับ พอเถียงไม่ได้ก็ขู่ฟ่อ ๆ ตลอด กลอยรู้ดีว่าอย่างไรผมก็ต้องมาซุกหัวอยู่ที่นี่ เพราะผมไม่มีที่ไป
ผมเลยต้องยอมนั่งฟังกลอยบ่นไปตามเรื่อง เข้าหูซ้ายออกหูขวาไปซะ ดีกว่าที่กลอยจะไม่ยอมให้มาห้อง นี่ถ้ามีเพื่อนคนอื่นที่ยังโสดสนิทอยู่ ผมจะไม่ยอมนั่งฟังเพื่อนบ่นแบบนี้เป็นอันขาด!
เราสองคนแยกกันไปมหาวิทยาลัย รถใครรถมัน แต่พอมาถึงที่หมาย เราก็จอดข้างกันและจะเดินไปหากลุ่มเพื่อนพร้อมกัน แต่บอร์ดหน้าลานจอดรถ คนมุงเยอะมาก ด้วยความที่ผมอยากรู้อยากเห็น อยากใส่ใจมาก ๆ ก็เลยเดินเข้าไปดู โดยที่ไม่ลืมลากกลอยไปด้วย
“ค่ายอาสา ก็ปกติทุกปีนิ” กลอยอ่านแล้วเอ่ยออกมา จริงอย่างที่กลอยพูด ชมรมมีจัดกิจกรรมนี้ทุกปี แต่แปลกที่ปีนี้มีคนสนใจมากเป็นพิเศษ
“ทำไมคนสนใจเยอะจังเลยอะ” กลอยหันไปถามรุ่นน้องที่ยืนข้าง ๆ ไม่รู้จักกันหรอกครับ แต่อยากรู้ก็ต้องถาม
“ก็พวกดาวเดือนไปกันหมดเลย” รุ่นน้องชี้ไปที่บอร์ดข้าง ๆ คราวนี้กลอยเลยเป็นฝ่ายลากแขนผมแทน แต่ผมไม่ถนัดแบบนี้ ผมต้องเป็นฝ่ายลากหรือไม่ก็จูงมือเดิน
พื้นที่ที่เต็มด้วยคนหลายสิบ หากผมลากกลอย ก็คงไปชนคนอื่นเขาหมด ผมเลยคว้ามือกลอยมาจับไว้ กลอยก้มมองที่มือของเราสองคน เธอดึงมือของตัวเองออกแล้วเดินตามผมไปที่บอร์ดข้าง ๆ
“ไอ้บ้านี่ก็ไปกับเขาด้วยวุ้ย” กลอยเอ่ยออกมาเบา ๆ แล้วมองไปที่รูปเอฟ ขนาดว่าเป็นเดือนปีที่แล้ว ก็ยังถูกดึงมาร่วมค่ายด้วย แสดงว่าฮอตพอสมควร
“ไปปะล่ะมึงอะ” ผมเอาศอกกระทุ้งที่เอวกลอย
คนข้าง ๆ เบ้ปากแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยให้เป็นคำตอบ พวกเรา
ไม่ค่อยสนใจกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยสักเท่าไหร่ ตอนที่มีประกวดดาวเดือน พวกเราถูกทาบทามตลอด แต่ก็ไม่มีใครลงประกวดเลยสักคน ที่ไม่สนใจร่วมกิจกรรมนี่ไม่ใช่อะไรหรอกครับ พวกเราแค่ขี้เกียจ แค่จะขุดตัวเองมาเรียนยังยาก แล้วจะให้ไปร่วมกิจกรรม เหอะ ไม่มีทาง
“มึงอะไปปะ” กลอยถามกลับมา
“ไม่อะ” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด กลอยกระตุกยิ้มแล้วชี้ไปที่รูปอุ๋มซึ่งอยู่มุมล่างขวามือ
ผมมองหน้ากลอยแล้วกะพริบตาปริบ ๆ ตอบไปเต็มปากเต็มคำว่าไม่ไป พอเห็นรูปอุ๋มก็เริ่มลังเล
“ให้ตอบอีกทีว่าจะไปปะ” กลอยถามแล้วยิ้มเยาะ
“ไม่ไป”
ใช่ ผมต้องไม่ไป จะไปทำไม ผมอยากถอยจากอุ๋ม ผมก็ต้องเลิกสนใจสิ
“กูจะคอยดู” กลอยกระตุกยิ้ม แล้วเดินออกไป
ผมมองแผ่นหลังกลอยแล้วหันไปมองโต๊ะที่มีกระดาษเอสี่อยู่เป็นปึก ผมลังเลว่าจะไปทางไหนดี จะตามเพื่อนไป หรือจะเดินไปหยิบเอกสารพวกนั้น
สุดท้ายขาผมมันก็ไม่รักดี มันเลือกที่จะเดินไปที่โต๊ะตัวนั้น หยิบเอกสารเกี่ยวกับค่ายอาสาขึ้นมา ในนั้นจะมีคิวอาร์โค้ดให้สแกนสมัคร
เข้าร่วมกิจกรรม ผมขอดูอุ๋มก่อน ถ้าเรายังคุยกันต่อ ผมก็จะไป แต่ถ้าเราไม่ได้คุยกันแล้ว ผมก็ไม่ไป มีเวลาสมัครอีกนาน