ชายแปลกหน้าค่อยๆ ลืมตาตื่นเงยมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเพียงแค่เห็นรับรู้ได้ว่าเขาคือใคร เสียงหัวเราะดังก้องขึ้นมา
“พวกแกมีแผนจะทำอะไรอีก!”
“ต่อให้ตายฉันก็ไม่บอกอะไรแกหรอก!”ยิ้มเยาะติดตามมา
เซ็ทชะงักอารมณ์เดือดดาลคว้าปืนจากลูกน้องจ่อตรงศีรษะแต่เหมือนมันจะไม่สะทกสะท้านยังคงหัวเราะลั่นเหมือนต้องการยั่วยุ
“เดี๋ยวครับคุณชาย”ฟาวิโอ่ห้าม ก่อนหยิบรูปถ่ายออกมาแล้วจ่อตรงหน้า “นี่ลูกสาวแกใช่ไหม แล้วนี่ก็เมียแก คนนี้ใช่แม่ของแกหรือเปล่า อันตัส!”
เงยหน้ามองชายร่างสันทัดแววตาแข็งกร้าว ลมหายใจติดขัด เลือดในกายเดือดพล่านพยายามดิ้นรนน้ำตาคลอ
“ไอ้ชั่ว แกจะทำอะไรครอบครัวฉัน!”
ผลั่ก!
เสียงหมัดกระแทกปากคนโดนเลือดไหลกลบ จ้องมองแววตาอาฆาต คนปล่อยหมัดยืนนิ่งสนิทเหมือนเคย
“หึ!” ยิ้มเย้ย “แล้วการที่แกจะวางระเบิดโรงแรมฉันโดยไม่สนว่าใครจะตายหรือไม่ นั่นไม่เรียกว่าชั่วเหรอ แกไม่สนด้วยซ้ำว่าคนเหล่านั้นจะเป็นครอบครัวของใคร มันก็คุ้มกันแล้วนี่... กับการทีแกจะต้องสูญเสียสิ่งที่ตัวเองรักดูบ้าง!”
ร่างกำยำขยับกายหมายจะพุ่งชนเซ็ท ความแค้นนี้จะไม่มีวันจางหากลูกเมียเป็นอะไรไป
“ถ้าแกทำอะไรครอบครัวฉัน... ฉันสาบานเลยว่าต่อให้กลายเป็นผีก็จะไม่ละเว้นพวกแก!”
“ก่อนแกจะอาฆาตคิดว่าฉันจะฆ่าลูกเมียแกแล้วล่ะก็ ช่วยกรุณาคายเรื่องที่พวกแกจะทำต่อไปเสียก่อน แล้วลูกเมียแกจะปลอดภัย ดีไหม... ถือเป็นข้อตกลงตามธรรมเนียมเลยก็ว่าได้”เซ็ทย่อกายลงจ้องมองใบหน้าเขียวช้ำ “ตัดสินใจซะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาเอาคำตอบ”
ลุกยืนเช่นเดิมหันหลังสาวเท้าตั้งใจเดินออกจากห้องใต้ดิน อันตัสขบกรามแน่น จำต้องทรยศต่อตระกูลอันเคยเกื้อหนุนเขามาตลอด
“เดี๋ยวก่อน!”
เซ็ทชะงักเท้าหันหลังกลับมามอง
“มีอะไร!”
“ฉันจะบอกความจริงกับพวกแก!”
เซ็ทยิ้มแล้วก้าวเดินหยุดยืนตรงหน้าผู้ร้าย อันตัสเงยหน้าข่มกลั้นความเจ็บใจ
“พรุ่งนี้จะมีการประชุมลับระหว่างผู้ถือหุ้นของพวกแก ระหว่างการเดินทางไปประชุมที่เมืองมิลาน จะมีการวางระเบิดตามเส้นทาง!”
คนฟังพูดไม่ออกขบกรามแน่นข่มอารมณ์ตนเอง เซ็ทสูดหายใจเข้าปอด
“พวกแกรู้ได้ยังไงว่าทางอัลเล็นโซ่จะมีการประชุมลับกัน!”
“เพราะทางอัลเล็นโซ่มีหนอนบ่อนไส้ แถมยัง... เป็นตัวใหญ่ซะด้วย”น้ำเสียงเหมือนเยาะ
เซ็ทหันมองลูกน้องแววตาแข็งกร้าว เกิดเรื่องใหญ่แน่หากมีใครต้องจบชีวิตลง คงต้องแจ้งเรื่องนี้ให้พี่ชายทราบเสียก่อน
“เกรเต้รีบไปรายงานพี่ซาฟให้รู้ด้วย!”
“ครับ”บอดี้การ์ดหนุ่มรับคำเร่งฝีเท้าออกไป
มองสภาพสะบักสะบอมของอันตัส คนอย่างเขาไม่เคยคิดฆ่าใครอยู่แล้วถ้ามันไม่จวนตัว ในเมื่อได้ข้อมูลมาก็ถือว่าดีไม่น้อย ไม่อย่างนั้นอาจมีใครได้รับอันตรายกันบ้าง
“ฟาวิโอ่ พามันไปส่งตำรวจหลังจากจัดการเรื่องวางระเบิดเรียบร้อย เพราะเราไม่แน่ใจว่ามันจะพูดจริงหรือเปล่า”เซ็ทบอกลูกน้อง
“ครับ”
ตอนนี้คงโล่งได้เปราะหนึ่งเพราะพี่ชายคนโตทำงานรวดเร็วและเฉียบขาด คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่หนอนบ่อนไส้ตัวสำคัญนี่สิมันคือใครกันแน่
“ฉันบอกความจริงพวกแกไปแล้ว ชะ...ช่วยฟังคำขอร้องสักอย่างได้ไหม!”น้ำตาคลอ
“เรื่องอะไร!”เซ็ทย้อนถามเสียงห้วน
“ช่วย...คุ้มครองลูกเมียฉันหน่อยได้ไหม ถ้าหากท่านรัสตินรู้ว่าฉันถูกจับตัวได้ ลูกเมียฉันจะต้องถูกฆ่าแน่ๆ”
เห็นแววตาส่งมา ซ่อนความเจ็บปวด หวาดกลัวไว้
“ก็ได้ ฉันตกลงรับปากแก แต่แกต้องไปสารภาพเรื่องทั้งหมดกับตำรวจด้วยเหมือนกัน”เซ็ทยื่นข้อเสนอ
“ฉันยอมทำตามทุกอย่างขอแค่ครอบครัวฉันปลอดภัย!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”
ฟาวิโอ่เดินเคียงข้างเจ้านายออกมา นึกนับถือน้ำใจของชายคนนี้ อยู่กันมานานรวมสิบปีทำให้ได้เห็นหลายๆ อย่าง ยังกลุ้มใจไม่หายเรื่องที่ท่านซานโต้ของร้อง แต่ไม่มีทางเลือกนอกจากทำมันเท่านั้น รู้ดีสถานการณ์อันกำลังจะเกิดนับจากนี้จะสร้างความแค้น เจ็บปวดให้ใครหลายคน หากไม่ลงมืออัลเล็นโซ่อาจถึงกาลวินาศจริงๆ ก็เป็นได้
ร่างสันทัดลุกจากเตียงนอนนาฬิกาตรงฝาผนังบอกเวลาตีสอง ขยับร่างกายไล่ความขบเมื่อยลุกยืนมองตัวเองในกระจกถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เสื้อคอกลมสีดำกับกางเกงสีเข้าชุดสวมทับด้วยแจ็กแก็ตสีน้ำตาล รองเท้าบูทเพื่อความคล่องตัว เช็คปืน มีดพก และระเบิดควัน ทุกอย่างครบครันเปิดประตูออกมาจากห้อง
สองเท้าก้าวเดินอย่างเงียบเฉียบตามที่ได้ฝึกมา กวาดตามองอย่างระแวดระวัง แต่พยายามเดินให้เป็นปกติ ช่วงกลางดึกไม่มีบอดี้การ์ดด้านใน ช่วงประตูจะมีคนเฝ้าสองคนอาจเพราะพวกนั้นคิดว่ามีเขากับเกรเต้อยู่ใกล้ชิดเจ้านายแล้วก็เป็นได้
กริ๊ก!
จับลูกบิดเปิดประตูเข้าห้องทำงานตู้เซฟแสนสำคัญอยู่ข้างโต๊ะ รีบเร่งฝีเท้า เพราะเข้านอกออกในบ่อยครั้งเลยพอรู้รหัสลับต่างๆ ของเจ้านาย บิดไม่กี่ครั้งตู้เปิดออก อัญมณีแสนล้ำค่ากำลังส่องประกายท้าแสงไฟ ฟาวิโอ่รีบหยิบเพชรหกเหลี่ยมเข้ากระเป๋าตนเอง หุนหันออกจากห้องอย่างรวดเร็ว สองเท้าก้าวเดินมาถึงหน้าประตู ลูกน้องหันมองสีหน้าแปลกใจ
“จะไปไหนเหรอครับคุณฟาวิโอ่”บอดี้การ์ดหน้าประตูเอ่ยถาม
“พอดีมีธุระนิดหน่อย”
จ้ำก้าวถึงมอเตอร์ไซส์คันใหญ่ขึ้นคร่อมสตาร์ทเครื่องออกในทันใด ลูกน้องมองหน้ากันสีหน้างุนงง ตีสองกว่าจะไปไหนได้น่าแปลก
แปดโมงเช้าร่างสูงลงจากชั้นบนนั่งลงบนเก้าอี้ไม้บุนวมสีไข่ไก่ หนังสือพิมพ์ถูกกางออกเพื่ออ่านข่าว เสียงฝีเท้าดังขึ้นแล้วหยุดลง เซ็ทเงยหน้าจากจุดสนใจแล้วมองเกรเต้ลูกน้องคนสนิท
“ผมเรียนให้คุณชายซาฟทราบแล้วนะครับ ตอนนี้ท่านกำลังจัดการ”
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”เกรเต้ก้มศีรษะเล็กน้อย
“เดี๋ยวก่อน” กวาดตามองรอบๆ “ฟาวิโอ่ไปไหน”
เกรเต้ครุ่นคิด เขาเองก็ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้วเหมือนกัน
“ผมก็ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้วครับ”เกรเต้บอก
“ในห้องไม่มีเหรอ”เริ่มงุนงง ปกติฟาวิโอ่จะตื่นแต่เช้าตลอด
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ผมไม่เห็นรถคุณฟาวิโอ่เลยครับ”
คิ้วเข้มขมวดปิดหนังสือพิมพ์ลงแล้วลุกยืน สองเท้าก้าวเดินถึงหน้าคฤหาสน์ชะเง้อมองรถคู่ใจลูกน้อง ไม่มี หมายความว่ายังไงกันแน่ หันมาทางสาวใช้เก่าแก่
“เซร่าไปตามฟาวิโอ่ให้หน่อย”
“ได้ค่ะ”
สาวใช้กลางคนรีบวิ่งขึ้นชั้นสองเพื่อตามคนที่เจ้านายต้องการพบทันที ถึงหน้าห้องลองเคาะแต่ไม่มีเสียงใดตอบรับเลยถือวิสาสะเปิดออก เซร่ายืนงงเมื่อไม่เห็นผู้ใดลงมาก้าวยาวถึงเจ้านาย เซ็ทหันมองแววตาสับสนรู้ดีหากไม่มีร่างสันทัดติดตามคงไม่อยู่ ลางสังหรณ์บางอย่างเริ่มก่อตัว
“คุณฟาวิโอ่ไม่ได้อยู่ในห้องค่ะ”รายงานแล้วถอยฉากออกไป