สองคนนั่งเผชิญหน้ากันใบหน้าเรียวก้มลงดวงตาหลุบมองพื้น ความกลัวแผ่ซ่านหัวใจแทบหยุดเต้น เซ็ทจ้องมองหญิงสาวไม่วางตาน่าเสียดายจริงๆ
“ไม่ว่าเธอจะตอบรับหรือไม่ฉันไม่สนใจหรอกนะ แต่ฉันต้องการให้เธออยู่ที่นี่ในฐานะตัวประกัน!”
ริมฝีปากสั่นระริก ควรทำอย่างไรดี พ่อกำลังคิดอะไรถึงได้ทำเช่นนั้น
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบรับเสียงแผ่ว
“ถ้าอย่างนั้นฉันถือว่าเธอตกลง จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกันทั้งคู่”เซ็ทบอก
“แต่ว่า!”เงยหน้าขึ้นมา “ฉันขอร้องได้ไหมคะอย่าทำร้ายพ่อ”
ดวงตาเรียวคมแข็งขึ้น กล้าดียังไงมาต่อรองให้กับคนผิด
“กล้ามากไปหรือเปล่า แค่นี้ฉันก็ปราณีมากพอแล้วปกติฉันไม่ใช่คนใจเย็นหรอกนะแพททิเซีย!”เสียงเข้มรอดไรฟัน จ้องมองคนตัวเล็กไม่วางตา
“ฉันแค่อยากให้พ่อปลอดภัย ถ้าทำให้คุณไม่พอใจต้องขอโทษด้วยค่ะ” แพททิเซียแก้ตัวเสียงสั่น
เซ็ทลุกยืนเต็มความสูง ลมหายใจหนักระบายออกมา เพราะเหตุใดถึงได้ใจอ่อนเมื่อเห็นแววตาคู่นั้น
“ก็ได้ ฉันจะไม่ทำอันตรายพ่อเธอถ้าหากพ่อเธอไม่คิดร้ายถึงขึ้นทำร้ายคนของฉัน แต่ถ้าหากพ่อเธอทำแล้วล่ะก็ฉันก็คงปล่อยไปไม่ได้!”
“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”แพททิเซียยกมือไหว้แม้จะรู้ว่าไม่ใช่วัฒนธรรมของที่นี่ก็ตาม
“เดี๋ยวจะให้แม่บ้านพาไปที่ห้อง” เหลือบมองอีกครั้ง “ห้องของเธอกับฉันติดกัน เพราะฉะนั้นอย่าคิดหนีเด็ดขาด!” เขาหุนหันเดินออกไป
แพททิเซียนิ่งเงียบไม่นึกเลยการได้พบกันครั้งแรกกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ไม่เข้าใจเลย ทั้งๆ ที่หลงชอบเขามากขนาดนี้ พ่อทำแบบนี้ทำไม เพื่ออะไรกันแน่ หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องร้ายๆ กับพ่อหรอกนะ หลังจากนี้เธอคงต้องทนอยู่ที่นี่ใช่ไหม จะทนได้นานแค่ไหนกัน เมื่อหัวใจมันเต้นแทบจะทะลุออกจากอกเมื่อยามได้พบหน้าเขา
ร่างบางถูกโยนลงบนพื้นหญ้า มิรันลุกยืนยกนิ้วชี้หน้าเกรเต้ด้วยความขุ่นเคือง บอดี้การ์ดหนุ่มยืนกอดอกไม่รู้ร้อนหนาวสร้างความเดือดดาลให้อย่างถึงที่สุด
“กล้าดียังไงทำกับฉันแบบนี้!”ร้องเสียงลั่น
“กล้าไม่กล้าก็ทำไปแล้ว”
“กรี๊ด!”กรีดร้องยกมือกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ ไม่พอใจ “ฉันจะพาเพื่อนกลับเมืองไทย”หันหลังไม่สนใจ จ้ำเดินอย่างรวดเร็ว
เรียวแขนถูกกระชากร่างกายหันกลับมาเผชิญหน้ากัน เกรเต้ยิ้มเหี้ยมออกมาแววตาแข็งกร้าว
“อย่าหาเรื่องดีกว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยมันคืออิตาลี”เขาบอก
“ใครจะสน นึกว่าฉันกลัวหรือไง!”เชิดหน้าขึ้นท้าทาย
เอวถูกโอบรัดในทันใด ใบหน้าเชิดเริ่มกลายเป็นหวาดหวั่นยกมือผลักดันแผงอกเป็นพัลวัน
“จะทำอะไร!”ร้องทักเสียงดัง
“ไม่สนไม่ใช่หรือไง!”
“ปล่อยฉันนะ!”
“เรื่องอะไรจะปล่อย ผมไม่อยากเดือดร้อนเพราะคุณ ถ้าไม่ฟังกันผมก็จะทำอย่างที่ตัวเองต้องการ”ดวงตาคมกริบแสร้งกวาดมองทั่วใบหน้า
ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะไม่กลัวแต่มันกลับทำไม่ได้ รีบเมินหน้าหนีทางอื่นยกมืดดันสุดแรง ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไปแล้วพบหน้ากันแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงกลับทำรุ่มร่ามกันถึงเพียงนี้
“ฉันยอมแล้ว ฉันจะไม่ชวนแพทกลับแล้ว ปล่อยได้แล้วอยากกลับไปหาเพื่อน!”
“คุณกลับไปไม่ได้หรอก คุณต้องไปนอนที่เรือนรับรองแขก”
ปล่อยร่างบางเป็นอิสระ กระเป๋าเธอถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าทันที
“หมายความว่าไง ฉันจะพักกับเพื่อนเท่านั้น!”มองหน้าคนตัวใหญ่ด้วยความไม่พอใจ
เกรเต้ถอนใจเฮือกใหญ่ แค่คุณแพททิเซียคนเดียวคงไม่ยุ่งยาก พอพกเพื่อนมาด้วยทำเอาวุ่นวายเสียจนปวดหัวผู้หญิงอะไรขี้วีนก็เท่านั้น แถมยังปากคอเลาะร้ายเสียอีก
“จะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ไปผมจะอุ้มไปส่งดีไหม!”ย้อนเสียงห้วน
ริมฝีปากเม้มสนิทกัดฟันคว้ากระเป๋าตนเองลากออกไป โดยมีเขาถือตามมาติดๆ เรือนรับรองของที่นี่เป็นบ้านหลักเล็กขนาดพอเหมาะ พอดูแล้วนึกถึงรีสอร์ทริมทะเลในประเทศไทย กุญแจถูกส่งให้หญิงสาวรับมาเปิดประตูออก เกรเต้วางกระเป๋าเรียงไว้หน้าบ้านแล้วหันหลังเดินจากมา มิรันยืนมองพลางเบ้ปากใส่สักวันเธอจะต้องแก้แค้นให้ได้เลยคอยดู
แพททิเซียยืนมองห้องกว้างเตียงสี่เสาม่านลูกไม้สีขาวผูกไว้ทั้งสี่ด้าน มันดูหรูหรา และน่านอนเสียเหลือเกิน หากได้มาที่นี่ในฐานะแขกคงได้รับการพูดคุยมากกว่านี้ นั่งลงบนเตียงแววตาหมองเศร้า โชคดีที่พ่อแค่เพียงขโมยเพชรออกไปหากพ่อทำร้ายใครเข้าเธอคงเจ็บปวดมากกว่านี้ ไม่ได้คาดหวังให้เขามาสนใจไยดีหากไม่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ เซ็ทคงไม่มีวันชวนเธอมาที่อิตาลีแน่นอน
พอทุกอย่างเฉลยออกมารู้สึกผิดหวังในส่วนลึก เขาคงเกลียดเธอและพ่อมาก ใจจริงอยากพบหน้าพูดคุยแต่สุดท้ายกลับทำอะไรไม่ได้เลย มันน่าเศร้าที่ต้องถูกมองเป็นลูกศัตรูแบบนี้ ลุกยืนถอนใจออกมาค้นผ้าขนหนูในกระเป๋าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ร่างเปลือยเปล่าเปิดน้ำฝักบัวให้ไหลรินรดลงมาความเย็นช่วยให้สมองผ่อนคลายลงได้บ้างราวสิบนาทีจัดการชำระร่างกายเรียบร้อย หยิบผ้าขนหนูพันกายออกมาจากห้องน้ำ
ค้นเสื้อผ้าในกระเป๋ารวมถึงเครื่องสำอางมาวางเรียงไว้หน้ากระจก แล้วจัดการนั่งลงหวีผม ทาครีม จ้องมองตัวเองในกระจกภาพใบหน้าตนเองฉายชัดขึ้นมา มีบางคนบอกว่าเธอเหมือนแม่มากทั้งดวงตา ผิวพรรณ มีเพียงริมฝีปากและสีของดวงตาที่เหมือนกับพ่อ มองเพลินจนเห็นเงาลางๆ ตรงส่วนประตูด้านข้างรีบหันมองด้วยความตกใจ
ร่างสูงยืนกอดอกสีหน้าเรียบเฉย แพททิเซียชะงักลุกยืนหวีในมือร่วงหล่นรีบเดินเลี่ยงอีกทางแววตาไหวระริก เขามาได้ยังไง ทำไมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
“มะ...มีอะไรหรือเปล่าคะ”ถามออกไปเสียงสั่น อับอายกับสภาพตนเองในตอนนี้
“เปล่า ฉันแค่มาดูความเรียบร้อย”