หลังจากรัฐบาลได้วางโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและจ้างออกแบบสนามบินเมื่อปี พ.ศ. 2538 หนองงูเห่าและพื้นที่ราบลุ่มใกล้เคียงที่เต็มไปด้วยประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา วิถีชีวิตดั้งเดิมเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศผุดตระหง่านขึ้นมาท่ามกลางพื้นที่สีเขียว
ราคาที่ดินโดยรอบขยับกระเตื้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ซึ่งเคยเป็นบ่อเลี้ยงปลา บ่อเลี้ยงกุ้ง สวนมะม่วงพันธุ์ดี ตามวิถีชีวิตดั้งเดิม กลับค่อย ๆ เลือนหาย กลายเป็นโรงแรม หมู่บ้านมากมายหลายระดับเข้ามาทดแทน เกิดสงครามแย่งชิงซื้อที่ดินจากพวกนายทุนเพื่อกว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านให้ได้มากที่สุด
ชาวบ้านฐานะธรรมดาที่เบื่อกับอาชีพเดิม ๆ ของบรรพบุรุษยอมตัดใจขายที่ดินทำกินเพราะทำให้ชีวิตพวกเขาพลิกผันมีเงินทองมาใช้หนี้สิน มีบ้านหลังใหญ่ รถคันใหม่ ขึ้นมาเพียงพริบตา ไม่ต้องทำงานหนักกลางแดด ชีวิตแขวนอยู่บนราคาจากสะพานปลาซึ่งขยับขึ้นลงไม่เว้นแต่ละวัน ชีวิตชาวบ้านธรรมดาแค่เซ็นชื่อขายที่ดินกลายเป็นเศรษฐีร้อยล้านได้ในพริบตาเดียว
เหลือเพียงชาวบ้านไม่มากนักที่ยังไม่ยอมสละพื้นที่ทำกินเพื่อแลกกับเม็ดเงินมหาศาลที่นายทุนพยายามเข้ามาหว่านล้อมให้ยอมขาย เพราะมีโครงการมากมายที่ต้องการพื้นที่ซึ่งเปรียบดั่งขุมทรัพย์ ทว่าชาวบ้านที่ยังอาชีพดั้งเดิมกลับได้รับผลกระทบไม่น้อยจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ทั้งลำคลองที่ตื้นเขิน น้ำเสียจากโรงงาน เคหสถาน แต่วิถีดั้งเดิมก็ยังพอมีให้เห็น
รวมถึงบ่อปลา บ่อกุ้ง ขนาดใหญ่กว่าสามร้อยไร่ที่ห่างจากสนามบินออกไปราวยี่สิบกิโลเมตรแห่งนี้ซึ่งตกทอดมาถึง ‘อิ่มอุ่น เพราพินิต’ เด็กสาวผิวขาว หน้าตาหมดจด ผู้ซึ่งก้าวพ้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังทางภาคตะวันออกมาหมาด ๆ ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แต่ผลการเรียนที่ดีไม่ได้การันตีว่าชีวิตนับจากนี้จะดีตามไปด้วย
ดวงตาคู่งามเปล่งประกายดื้อรั้นอย่างแสนเสียดายเมื่อทอดมองที่ดินกว้างใหญ่สุดสายตา แบ่งเป็นบ่อปลาสลิดกว่าร้อยห้าสิบไร่ ที่เหลือเป็นบ่อกุ้งขาวที่เลี้ยงผสมกับปลานิลไว้ ที่ดินผืนใหญ่นี้เป็นมรดกชิ้นเดียวของตระกูลที่ทำกินกันมาหลายชั่วอายุคน แต่แล้วลูกหลานอย่างเธอก็ไม่สามารถรักษามันเอาไว้ เมื่อเวลานี้มันถูกผลัดเปลี่ยนไปเป็นของคนในตระกูล ‘สิริดาราวรรณ’ เศรษฐีทางภาคเหนือ
หลายปีมานี้ ตั้งแต่อิ่มอุ่นเริ่มเข้ารั้วมหาวิทยาลัยก็รับรู้มาตลอดว่าบิดาของเธอประสบปัญหาขาดทุนจากการเลี้ยงกุ้งและปลาสลิดอย่างต่อเนื่อง เพราะสภาพน้ำจากคลองธรรมชาติที่ผันเข้าสู่บ่อกว้างอันเป็นสิ่งสำคัญในการเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลาสลิด ปลานิลเกิดการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะทุ่มหัวอาหารลงไปมากเท่าไร ใช้ขี้ไก่ปรับสภาพน้ำหรือแม้แต่จะปรับสูตรการเลี้ยงตามคำแนะนำของนักวิชาการ ปลาและกุ้งกลับไม่โตอย่างที่เคย
ยามที่ลากปลาขึ้นแต่ละทีต้องใช้คนงานจำนวนมากนับร้อย เสียค่าใช้จ่ายมาก จากที่นายชาลี บิดาของตนเคยมีแต่รอยยิ้มเพราะเห็นกำไรหลักแสน หลักล้าน หลายปีมานี้ บิดาจะมีสีหน้าวิตกจากกำไรที่ต้องได้เป็นตัวเลขเก็บเข้าบัญชีธนาคารเจ็ดหลัก กลับกลายเป็นขาดทุนย่อยยับติดลบนับล้าน ขาดทุนค่าอาหาร ค่าแรงคนงานมาหลายปีติดกัน เงินเก็บมากมายถูกนำมาลงทุนแต่แล้วก็จมทุน กลายเป็นหนี้สินพะรุงพะรัง
ความสนิทสนมของบิดาและแม่เลี้ยงบุหงาค่อนข้างแน่นแฟ้น เดิมทีนางเป็นลูกสาวเศรษฐีเก่ามีพื้นเพอยู่ในจังหวัดเดียวกัน แม้ว่าท่านจะแต่งงานไปกับเศรษฐีทางภาคเหนือนานแล้ว แต่ก็ยังแวะเวียนกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเสมอ เพราะยังมีญาติพี่น้องอยู่ในละแวกนี้
และเพราะเป็นเพื่อนเรียนโรงเรียนรุ่นเดียวกันมา เคยปีนต้นฝรั่ง วิ่งรอบคันบ่อ ยกยอ จับปูนา เล่นมาด้วยกัน นายชาลียามหมดหนทางจึงนำที่ดินผืนใหญ่กว่าสามร้อยไร่ไปจดจำนองกับแม่เลี้ยงบุหงาเอาไว้ ซึ่งเวลานั้นไร่ชาของแม่เลี้ยงบุหงาเริ่มสร้างกำไรได้มหาศาลเพราะการบริหารและมองการณ์ไกลของเหมราชลูกชายของนาง
อิ่มอุ่นเพิ่งมารู้ไม่นานก่อนบิดาจะเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งผิวหนังว่า บิดาเป็นหนี้แม่เลี้ยงบุหงารวมต้นรวมดอกเบี้ยมากกว่าสิบห้าล้านบาท โดยเอาที่ดินแปลงนี้ไปจดจำนองไว้ร้อยละสองบาท แต่ขาดส่งดอกเบี้ยมาหลายปี หมดปัญญาที่จะหาเงินต้นหลายล้านที่กู้ยืมมาลงทุน จนบัดนี้มรดกผืนเดียวหลุดลอยไป ถูกผลัดเปลี่ยนมือไปเรียบร้อยแล้ว
และเธอเองก็คงไม่มีปัญญาหาเงินมากมายขนาดนั้นไปไถ่คืนมา ดีเท่าไรแล้วที่แม่เลี้ยงบุหงาไม่เร่งรัดยึดเอาไปขายทอดตลาดเอาเงินคืน เพียงแต่...มีเงื่อนไขหนึ่งที่แถมมาด้วยเท่านั้น
“แบบนี้ใช่ไหม ที่เขาเรียกว่าขายตัวแลกหนี้ ไม่ได้มีแค่ในละคร”
ความสดใสที่เคยมีในดวงตากลมโต แปรเปลี่ยนเป็นความขมขื่นสมเพชตัวเอง เสียงเครื่องบินที่ดังเบา ๆ ยามแหงนหน้าไปก็เห็นมันบินผ่านบ่อ ข้ามหัวเธอไปวันละหลายสิบลำ
“อีกไม่นานแล้วสินะ ฉันจะได้ขึ้นแกแล้ว”
ดวงหน้าหม่นเศร้า ไม่ได้ดีใจที่จะต้องเดินทางไกลด้วยเครื่องบินโดยสารภายในประเทศแต่กลับรู้สึกเศร้า เพียงแต่หญิงสาวไม่เคยแสดงออกด้วยการร้องไห้ออกมา
หลังบิดาเสียชีวิต อิ่มอุ่นเคว้งคว้าง ไม่เพียงตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีครอบครัวของคนงานซึ่งต่างมีลูกหลานตาดำ ๆ คนเหล่านั้นคือคนในความรับผิดชอบของเธอ แม่เลี้ยงบุหงาท่านเป็นคนดี มีน้ำใจกว้างขวาง เธอเองก็คุ้นเคยกับท่านมาตั้งแต่เด็ก เพราะถ้าท่านมาเยี่ยมบิดาของเธอเมื่อใดก็จะนำขนมของอร่อยที่เด็กบ้านนอกอย่างเธอไม่เคยลิ้มลองติดไม้ติดมือมาฝากเสมอ แม้เวลานี้ผืนดินแห่งนี้ตกเป็นของท่านก็กลับอนุญาตให้อยู่ไปก่อน
จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน แม่เลี้ยงบุหงามาที่นี่พร้อมสามีฝรั่งพร้อมกับอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ทำให้เธอหน้าแดงร้อนผ่าวหลังจากรับรู้เจตนา
“ที่ดินสามร้อยไร่นี้ฉันจะคืนให้หนูอิ่มเป็นค่าสินสอด ถ้าหนูอิ่มยอมเป็นเมียตาเหม ลูกชายฉัน ครอบครัวคนงานทั้งหมดฉันจะรับเลี้ยงเอาไว้เอง ให้ทำงานต่อไปที่นี่ หนูอิ่มลองตัดสินใจดู ฉันไม่บังคับ แต่หนูอิ่มคงรู้ว่าควรจะทำอย่างไร”
แม่เลี้ยงบุหงายื่นข้อเสนอให้เธอตัดสินใจก่อนจะขับรถยุโรปคันหรูออกไป ทิ้งเธอให้จมดิ่งกับความคิดในระยะเวลาเพียงสามวันกับทางเลือกระหว่างจะเป็นสะใภ้ของท่าน หรือย้ายตัวเองและคนงานออกไปจากที่นี่เสีย
แล้วจะให้เลือกทางไหนได้ ให้เห็นแก่ตัวแล้วปล่อยครอบครัวคนงานไปไม่ไยดีอย่างนั้นหรือ? เธอทำแบบนั้นลงก็ใจร้ายเกินมนุษย์แล้ว
ในชีวิตที่ผ่านมา อิ่มอุ่นตั้งอกตั้งใจเรียนเป็นหลัก แม้จะมีชายหนุ่มรุ่นเดียวกันเพียรมาแจกขนมจีบสม่ำเสมอ บางครั้งเธอก็อยากคบชายหนุ่มหน้าตาดีมาเป็นแฟนสักคน หลายคนก็หล่อเหลาราวกับหนุ่มเกาหลีซึ่งมองแล้วก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจดีไม่น้อย แต่หญิงสาวก็ตัดใจไม่คบหาผู้ชายคนไหนเป็นแฟน เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวที่ฐานะครอบครัวกำลังเข้าขั้นวิกฤต ไม่อยากทำตัวเหลวแหลกให้บิดาต้องเครียดและทุกข์ใจ แต่ดูเหมือนโชคชะตาไม่ค่อยเข้าข้างเธอสักเท่าไร
“เหมราช ผู้ชายประเภทไหน จะสี่สิบแล้วยังไม่มีเมีย”