คุณอารสแซ่บ ตอนที่ 8

1061 คำ
          “อารักษ์คิดแบบนั้นจริงๆ นะคะ น้องปลาไม่อยากเป็นภาระของอานะ”           “อานะที่ไหนล่ะ นี่อารักษ์ต่างหาก”           รอยยิ้มอย่างเอียงอายเพราะคำพูดล้อเลียนของเขา ช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ‘ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย’ นี่เขาต้องท่องให้ขึ้นใจใช่ไหม ไม่อย่างนั้นการอยู่ใกล้ชิดมัสยาจะทำให้เขาทั้ง ‘ตึง’ ทั้ง ‘เครียด’ ได้ง่าย           “ว่าแต่น้องปลาหิวหรือเปล่าล่ะ แวะทานอะไรกันก่อนไปถึงร้านดีมั้ย”           “นิดหน่อยค่ะ แต่น้องปลาตามใจอารักษ์ แล้วอารักษ์ล่ะคะ หิวมั้ย”           “อืม...”           เขาพูดได้แค่นั้น เพราะริมฝีปากที่เคลือบลิปกลอสสีชมพูอ่อนแวววาวนั้นคลี่ยิ้มพร้อมผินหน้ามองเขา มีผลทำให้ลมหายใจของเขาติดขัดอีกแล้ว เห็นทีเขาต้องใส่ใจพูดคุยกับเธอให้มากกว่าที่จะนิ่งเงียบอยู่ในภวังค์หวามๆ ของตนเอง           แต่จะเป็นผลดีกับเขาจริงเหรอ ในเมื่อริมฝีปากคลี่ยิ้มนั้นคล้ายจะส่งผลให้เขาฟุ้งซ่านมากกว่าเดิม เพราะสิ่งที่เขาคิดว่าหิวนั้นไม่ใช่ข้าว ไม่ใช่หมู ไก่ หรือว่าพืชผักใดๆ ทว่าเป็น ‘ปลา’           มัสยาเหลือบมองคนด้านข้างอย่างไม่เข้าใจ อารักษ์สุดหล่อของเธอดูแปลกไปมากจริงๆ หรือจริงๆ แล้วเธอไม่ควรจะพาตัวเองเข้ามาใกล้ชิดกับเขาเลย เพราะเขาช่างเป็นผู้ชายอันตรายต่อหัวใจเธอสุดๆ และคงไม่ใช่แค่เธอแน่ที่คิดแบบนี้           ผู้ชายหล่อจัดชนิดทำให้เธอตะลึงอ้าปากค้าง ใบหน้าคมเข้มเพราะเครื่องหน้าจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นคิ้วสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากหยักลึกน่าจูบ โดยเฉพาะดวงตาสีเขียวคู่นั้นที่สะกดให้เธอยอมทุกสิ่งทุกอย่าง ยอมให้เขาจับจูบลูบคลำด้วยความเต็มใจ           และไม่ใช่เพียงความหล่อกระชากใจ แต่เป็นเพราะเก่งบวกรวย จึงไม่แปลกหรอกที่เขาจะถูกรุมล้อมไปด้วยสาวๆ มากมายอย่างที่แม่เล่าให้ฟัง หรือแม้กระทั่งเห็นกับตาตัวเองก็เคยมาแล้ว เขาเพอร์เฟกต์อย่างนี้จะหันมามองเธอที่เป็นเพียงผู้หญิงบ้านติดกันอย่างนั้นเหรอ           ความคิดเข้าข้างตัวเองเมื่อคืนลดจาก 10 ลงเหลือ 0 ในทันที เขาอาจจะเมาจริงตามที่แก้ตัวก็ได้ ทั้งที่คนเมานั้นไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์เลยสักนิด กลิ่นนั่นเป็นน้ำหอมหลังโกนหนวดของผู้ชายต่างหาก สรุปแล้วการไปฝึกงานที่ร้านอาหารของเขา นั่นคือสิ่งที่เขาเต็มใจตามปากพูด หรือเป็นเพราะเขาจำใจต้องรับเธออย่างเสียไม่ได้กันแน่ มัสยาได้แต่ครุ่นคิดเพราะพลขับที่หล่อจนโลกตะลึงนั้นก็ไม่ได้หันมองเธอหรือชวนเธอคุยอีกเลย             มัสยาแหงนใบหน้าขึ้นมองป้ายไม้แกะสลักขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บริเวณระเบียงด้านนอกของร้านอาหารที่จัดสร้างในรูปแบบของเรือนไทยภาคอีสาน           ‘แซ่บ อินดี้’ ชื่อเหมาะกับร้านจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่ความเป็นอีสานจะแสดงออกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่มองเห็น ทว่าการตกแต่งประดับประดาทั่วบริเวณโดยใช้ของสมัยใหม่และสมัยเก่าผสมผสานกันและกันไว้อย่างลงตัวนั้นยังงดงามโดดเด่นบ่งบอกถึงวัฒนธรรมที่ควรอนุรักษ์ไว้ให้จงดี           โดยเฉพาะโคมไฟประดับประดาอยู่ตามจุดต่างๆ นั้น คือความเป็นอินดี้อย่างที่มองเห็นด้วยตาเปล่าจริงๆ เพราะถูกดีไซน์โดยการนำหลอดประหยัดไฟบรรจุไว้ใน ‘ฮวด’ นึ่งข้าวเหนียว ซึ่งเป็นของใช้ประจำบ้านของชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใครจะคิดว่าสิ่งที่มองเห็นว่าธรรมดานั้น เมื่อถูกนำมาผสมผสานให้ลงตัว กลับดูน่ามองน่าชมมากขึ้น           “ลงมาสิคะน้องปลา หิวแล้วไม่ใช่เหรอ”           รอยยิ้มเจื่อนแบบอายๆ ส่งให้กับคุณอาสุดหล่อที่อ้อมมาเปิดประตูให้ โดยปกติแล้วเธอไม่ใช่ลูกคุณหนูจนต้องมีคนมาเปิดประตูรถให้ถึงจะเดินลงมาได้ แต่ในวันนี้ภวังค์สั่นหัวใจทำให้เธอคิดโน่นนี่จนลืมจะก้าวลง           “ขอบคุณค่ะ” เอ่ยขอบคุณเบาๆ แต่ก็รู้ว่าเขาได้ยินเพราะรอยยิ้มหล่อนั้นบาดหัวใจเธอจนเป็นแผล หรือเธอควรจะชั่งใจในเรื่องการฝึกงานอีกครั้ง หากดึงดันที่จะฝึกงานที่นี่ เธอจะยั้งหัวใจตัวเองไว้ได้หรือเปล่า จะทนเก็บกั้นสิ่งที่หัวใจเรียกร้องได้จริงๆ นะเหรอ หากอารักษ์คิดตรงกับเธอคงจะดี แต่ถ้าไม่ล่ะ สัมพันธภาพระหว่าง 2 ครอบครัวจะจบลงเพราะเธอเป็นคนทำลายหรือเปล่า           คิดได้ดังนั้น มัสยาจึงเดินตามอารักษ์เข้าไปในร้านอย่างเงียบๆ เพราะหากเธอตั้งใจจะฝึกงานจริง ในขณะนี้หัวใจและสมองของเธอควรจะโฟกัสแต่เพียงเรื่องงานเท่านั้น นอกเสียจากว่าการฝึกงานครั้งนี้มีบางอย่างแอบแฝง บางอย่างที่รู้ดีอยู่แก่ใจ           ภาพโดยรวมของร้านที่มองเห็นดูจะเสร็จเรียบร้อยแทบทั้งหมดแล้ว คงมีแค่การเดินไฟเท่านั้นที่ยังเห็นมีคนงานหลายคนติดตั้งอยู่ และเมื่อหนึ่งในนั้นหันมาเห็นอารักษ์กับเธอ เขายิ้มและเดินเข้ามาหาในทันที           “สวัสดีครับคุณอารักษ์”           “สวัสดีครับ รอผมนานหรือยังครับ”           “ไม่ครับ ผมก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”           ชายวัยกลางคนที่อารักษ์แนะนำว่าเป็นผู้รับเหมาตกแต่งร้าน แยกตัวไปคุยกับอารักษ์ในโซนกำลังติดตั้งไฟ มัสยาจึงเลือกจะเดินชมบริเวณโดยรอบของร้าน และทุกจุดที่ไปเยือนก็ทำให้เธอได้ยิ้มทุกครั้งไป เพราะอดคิดไม่ได้ว่า เพียงเธอจะผลัดเปลี่ยนเดรสสีชมพูนี้ออกและสวมใส่เสื้อคอกระเช้ากับผ้าซิ่นพื้นบ้านเข้าไปแทน คงจะเข้ากับบรรยากาศของร้านได้อย่างลงตัว           ร่างงามระหงเดินมาถึงโซนด้านข้างที่จัดแต่งโต๊ะอาหารกลางแจ้งเอาไว้ มีระเบียงไม้สูงระดับเอวเป็นแนวกั้น ทว่าพื้นที่นั้นไม่ได้เป็นแบบสี่เหลี่ยมมุมฉากดั่งเคยเห็นจากร้านอาหารทั่วไป แต่กลับถูกสร้างเป็นโค้งเว้าตามต้นลีลาวดีต้นใหญ่ที่ถูกปลูกกระจายอยู่ และมีต้นหนึ่งถูกล้อมจนคล้ายกับว่าจะอยู่กึ่งกลางระเบียง 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม