EP.9 CRAZY LOVE คลั่งรัก ♥
ตอน คลิปหลุด
"มึงจะมาถามถึงไอ้ผู้ชายเหี้ย ๆ แบบนั้นทำไม" ฉันพูดเสริมไปอย่างพยายามกลบเกลื่อนพิรุธของตัวเอง
"ก็กูเป็นห่วงมึงไง ไม่รู้ว่าคืนนั้นมันทำอะไรมึงรึเปล่า" ไอรีนถอนหายใจออกมาเบา ๆ
"ฟาเรนมันยิ่งเป็นคนประสาทแดกอยู่ด้วย
"มันอาจจะมาระรานมึง เพราะมึงเป็นเพื่อนกูก็ได้นี่นา" ไอรีนบ่น ๆ ด้วยความที่เธอเป็นห่วงฉันมาก ๆ ซึ่งฉันก็เข้าใจดี
เพราะถ้าคิดย้อนกลับไปแล้ว ฉันคงไม่มีเรื่องกับฟาเรนแน่ ถ้าคนชั่วนั่นไม่เข้ามาหาเรื่องไอรีนเพื่อนรักของฉันก่อน
เอาจริง ๆ ไอรีนก็คือชนวนความแค้นนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ
"ตอนนี้มึงเลิกกับวินด์เซอร์ไปแล้ว"
"ไอ้ชั่วนั่นก็คงเลิกยุ่งกับพวกเราแล้วล่ะ" ฉันโกหกไอรีนไป ไม่อยากให้เธอมานั่งกังวลถึงเรื่องของฉัน
เพราะแค่เรื่องวินด์เซอร์คนเดียว ไอรีนก็เสียศูนย์มากพอแล้ว มันพยายามทำตัวเหมือนเข้มแข็งและไม่เป็นไรมากนัก
แต่จริง ๆ แค่มองตาก็รู้แล้วว่ายัยไอรีนคิดถึงแต่วินด์มากแค่ไหน
"อืม กูเลิกกับเพื่อนรักของมันแล้ว เลิกกันแล้ว!" ไอรีนพูดถึงวินด์เซอร์ด้วยแววตาที่เศร้า ๆ แต่พยายามใช้เสียงแข็ง ๆ ข่มสู้เอาไว้
"แต่ยังไงถ้ามึงมีปัญหาอะไร มึงก็ต้องบอกกูนะเว้ยขิง"
ไอรีนหันมาย้ำกับฉันอีกครั้งและพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยกันแทน เพราะถ้าวกกลับไปเรื่องของวินด์เซอร์ ไอรีนคงนั่งร้องไห้ไม่หยุดแน่
"อืม" ฉันตอบไปอย่างไม่พูดอะไรต่อ เพราะไม่อยากพูดถึงทั้งเรื่องของวินด์เซอร์และเรื่องของฟาเรนด้วย
@ลานจอดรถ
"มึงจะไม่ยอมโดดเรียนคาบบ่ายกับกูจริง ๆ เหรอ?" ไอรีนหันมาถามฉันขณะที่เราสองคนเดินออกมาที่ลานจอดรถหน้าตึกเรียน
"กูโดดเรียนครบแล้ว ถ้าโดดอีกคงหมดสิทธิ์สอบแน่ ๆ"
"กลัวเทอมหน้าจะหลุดทุนเอาน่ะสิ" ฉันตอบไอรีนไปตามตรง
เพราะผลการเรียนที่แย่ลงของฉันในเทอมก่อน ๆ ก็ทำให้ฉันถูกตัดทุนไปครึ่งหนึ่งเลยเหมือนกัน เพราะว่าฉันต้องวิ่งวุ่นทำงานพาร์ตไทม์หนักมากจนทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเลย
ความจริงแล้ว ฉันไม่ใช่คนเก่งหรือฉลาดอะไรเลย เพียงแต่ฉันขยันมาก ๆ เพราะว่าถ้าสอบชิงทุนเรียนไม่ได้ ฉันก็คงไม่มีปัญญาจะเรียนที่มหาลัยแห่งนี้แน่ ๆ
ที่เลือกมหาลัยนี้ก็เพราะว่าได้ทั้งทุนเรียน ทุนหอพัก และยังค่าใช้จ่ายอุปกรณ์การเรียนรายเดือนด้วย
"งั้นเลิกเรียนแล้ว มาหากูที่คอนโดด้วยนะ" ไอรีนกดรีโมตเปิดรถของเธอก่อนจะหันมากำชับกับฉันอีกครั้ง
"คืนนี้ไม่อยากอยู่คนเดียว อยากให้มึงมานอนด้วย" ไอรีนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
"ได้สิ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้ว กูไปทำอะไรให้กิน" ฉันก็ตอบรับกลับไปทันที
"มึงก็ไม่ต้องเศร้านะเว้ย"
"ถึงมึงจะไม่มีแฟน แต่มึงยังมีเพื่อนอยู่ตรงนี้นะ" ฉันบีบไหล่ไอรีนไปเบา ๆ
"เลิกเรียนแล้วรีบมาเลยนะ" ไอรีนโบกมือลาและเดินกลับไปยังลานจอดรถทันที
"คืนนี้ฉันเอง ก็ไม่อยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน"
ฉันมองตามรถของไอรีนนิ่ง ๆ เพราะฉันเองก็เจอเรื่องแย่ ๆ มาหนักหน่วงไม่แพ้กันเลย และฉันก็ไม่อยากกลับไปนอนหอตัวเองเลย
ฉันคงนอนห้องตัวเองไม่หลับไปอีกหลายคืนเลย เพราะมันหวาดระแวงไปหมด
"เฮ้อ ~ ~" ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา
ถ้าพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับไอรีน คนอื่นมองอาจจะไม่เข้าใจว่าฉันกับไอรีนเป็นเพื่อนรักกันได้ยังไง
ในเมื่อยัยไอรีนมันเป็นลูกคุณหนูเกิดจากวงศ์ตระกูลที่ร่ำรวยระดับประเทศ เธอทั้งสวย รวย เก่ง
ส่วนฉันนั้นเป็นเพียงเด็กทุนธรรมดา ฐานะทางบ้านก็กลาง ๆ แต่ตอนนี้จะเรียกว่าฐานะระดับล่างก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่แม่แท้ ๆ ของฉันเสียไปครอบครัวของเราก็จนขึ้นเรื่อย ๆ
ตั้งแต่ฉันคบไอรีนมา ฉันไม่เคยเอ่ยปากขอยืมเงินไอรีนเลยสักครั้งเดียว แม้จะรู้ว่าเธอรวยมาก และไอรีนเองก็พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยฉันเสมอ
แต่ที่ฉันไม่กล้าขอและไม่คิดจะขอยืม หรือถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เลยนั้นเป็นเพราะว่าฉันไม่อยากให้คนอื่น ๆ มองว่าฉันคบกับไอรีน เพราะเธอฐานะดี และฉันเองก็เคยถูกคนในคณะนินทาลับหลังมาไม่น้อยเลยเรื่องความสัมพันธ์เพื่อนรักของเราสองคน
เริ่มตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มสนิทกันใหม่ ๆ จากค่ายรับน้องตอนปีหนึ่ง ทุกคนมองว่าฉันทนคบไอรีนเพราะเธอเป็นคนรวยเพียงแค่นั้น
เพราะด้วยลักษณะนิสัยของยัยไอรีนที่ดูแรง ๆ ขี้เหวี่ยง จอมวีนและแสนจะเอาแต่ใจของเธอ ทำให้หลายคนคิดว่าฉันอดทนคบกับเธอเพราะผลประโยชน์ เพราะเธอรวย
แต่ไม่มีใครรู้ดีเท่าไอรีนกับฉัน ว่าแท้จริงแล้วเราสองคนสนิทกันเพราะอะไร
ในมุมของฉันนั้นไอรีนดูเหมาะสมจะเป็นเพื่อนมาก ๆ เพราะเธอชอบระบาย ส่วนฉันก็ชอบรับฟัง เธอเอาแต่ใจ และฉันก็ตามใจเก่ง
เราชอบอะไรคล้าย ๆ กัน เราเข้ากันได้ทุกอย่าง และฉันยืนยันตรงนี้เลยว่า ฉันคบเพื่อนคนนี้ด้วยใจจริง ไม่ได้สนใจว่าเธอรวย หรือเป็นลูกหลานของใคร
และฉันก็สัญญากับตัวเองเอาไว้เลยว่า จะเป็นจะตายยังไงฉันก็จะไม่ยืมเงินเพื่อนคนนี้เด็ดขาด เพราะฉันยังฝังใจกับสิ่งที่คนอื่น ๆ มองว่าฉัน และฉันไม่ต้องการทำให้ไอรีนรู้สึกแย่แบบนั้น
@ตึก B ในอาณาเขตคณะนิเทศศาสตร์
"น้ำขิง ๆ" เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกฉันมาแต่ไกล
ซึ่งพอหันไปตามเสียงนั้น ฉันก็เจอกับเตยหอม นักศึกษาทุนเหมือนกันกับฉัน หรือจะเรียกว่าเป็นคู่แข่งตัวฉกาจเลยก็ว่าได้
"ว่าไง เตยหอม?" ฉันถามกลับไปทันทีอย่างเสแสร้งยิ้มเบา ๆ แม้จะเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วก็ตาม
โดยปกติฉันกับเตยหอมแทบไม่เคยคุยกันเลยสักคำเดียว เจอหน้ากันก็เฉพาะตอนที่ทำกิจกรรมของมหาลัย และก็ตอนเป็นตัวแทนของมหาลัยไปแข่งกับมหาลัยอื่น ๆ
"อาจารย์วารีให้ฉันมาเรียกเธอไปพบตอนนี้เลย" เตยหอมพูดขึ้นด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
"อาจารย์วารี?" ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะอาจารย์วารีคืออาจารย์ใหญ่ของคณะเรา
"อาจารย์มีธุระอะไรกับฉันงั้นเหรอ?" ฉันถามไปอย่างข้องใจ
"ก็เรื่อง...คลิปหลุดของเธอไง!" ทันทีที่เตยหอมพูดจบประโยค
"คลิปหลุด?" ฉันทวนคำนั้นอีกครั้งด้วยเสียงที่สั่น ๆ และแทบจะล้มทั้งยืนจริง ๆ
"ใช่ คลิปที่อัพลงเว็บบอร์ดของมหาลัยไง" เตยหอมพยักหน้ากลับมา
ความรู้สึกของฉันตอนนี้คือ ชาวาบไปทั้งหน้า และไม่กล้าจะเงยหน้าสบตาใครเลยจริง ๆ
ฉันเอาแต่ยืนนิ่งไปอย่างทำอะไรไม่ถูกเลย เมื่อถึงนึกเรื่องเมื่อคืนนั้น
"คลิปที่เธอสาดน้ำใส่หน้าฟาเรนหน้าตึกคณะวิศวะไง"
"รีบไปหาอาจารย์ได้แล้ว อาจารย์รอเธออยู่" เตยหอมอธิบายต่อ
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเตยหอม ซึ่งเธอก็แอบลอบยิ้มเบา ๆ
แต่พอฉันเงยหน้าขึ้นเธอก็รีบหุบยิ้มทันที
"ยังไงเราก็เป็นเด็กทุนเหมือนกัน ฉันขอแนะนำเธอเลยนะ"
"ว่าเธอไม่ควรไปมีเรื่องมีราวกับคนอื่นโดยที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าของเขา"
"เธอก็น่าจะรู้ว่ามหาลัยนี้ลูกคนรวย คนมีอำนาจเดินอยู่เต็มไปหมด" เตยหอมเพื่อนร่วมคณะพูดขึ้น พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ
ตอนที่ทำไปก็ไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาจริง ๆ นั่นแหละ
ฉันจึงทำได้แค่ยืนนิ่งอย่างไม่ตอบโต้อะไร
"ฉันไม่ได้พูดให้เธอเครียดเกินไปใช่ไหม?" เตยหอมเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบ
"ไม่...ยังไงก็ขอบใจที่มาบอกนะ" ฉันเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท
"ยังไงก็สู้ ๆ นะน้ำขิง" เตยหอมแตะไหล่ของฉันเบา ๆ
"กล้องไอโฟนเนี่ยมันถ่ายหน้าเธอชัดแจ๋วเลยจริง ๆ" เธอตีหน้าเศร้าก่อนจะเดินผ่านฉันไปทันที
ฉันหันมองตามเธอไปเล็กน้อย ในมือของเตยหอมถือโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่ด้วย
"หรือว่าจะเป็นเตยหอมที่ถ่ายคลิปนั้น" ฉันมองตามแผ่นหลังของเธอไปจนสุดสายตา
"ต้องทำกันขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?"
ฉันถามอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ
แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรว่าเตยหอมเป็นคนถ่ายคลิปและเอาไปลงจริง ๆ มันเป็นเพียงการสันนิษฐานของฉันเพียงคนเดียว
@ห้องอาจารย์วารี คณะนิเทศศาสตร์
"อาจารย์ได้ปรึกษากับอาจารย์หลาย ๆ คนแล้วถึงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวของนักศึกษาในรั้วมหาลัยของเรา" อาจารย์วารีพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่จริงจังกว่าทุกครั้ง
"พวกเราลงความเห็นว่าควรมีบทลงโทษให้กับนักศึกษาที่มีความประพฤติแย่"
"อาจารย์ทุกคนลงความเห็นแล้วว่า เราขอยกเลิกให้ทุนการศึกษากับนักศึกษาในเทอมหน้าที่จะถึงนี้" อาจารย์พูดก่อนจะยื่นกระดาษมาให้ฉันเซ็นยินยอม
"แต่อาจารย์วารีคะ" ฉันยกมือขออนุญาตพูดทันที
"เทอมที่แล้ว ที่ทางมหาลัยให้หนูกับเตยหอมต้องแบ่งทุนกันคนละครึ่ง หนูเองก็ต้องทำงานหนักมาก ๆ เพื่อหาเงินจ่ายค่าเทอมให้ทันเวลาที่กำหนด"
"ถ้าเทอมหน้าหนูต้องจ่ายค่าเทอม ค่าหอพักเต็มจำนวน หนูอาจจะไม่ได้เรียนเลยก็ได้นะคะ" ฉันเอ่ยไปตามตรงพร้อมกับเลื่อนกระดาษคืนให้อาจารย์ไป
"ทางคณะไม่เห็นใจนักศึกษาบ้างเลยเหรอคะ?"
"อีกอย่างเรื่องทะเลาะวิวาทในมหาลัยของเราก็ใช่จะไม่มีเลย"
"นักศึกษาผู้ชายมีเรื่องต่อยตีกันก็บ่อย ผู้หญิงตบตีกันก็เยอะ"
"ทำไมหนูถึงโดนลงโทษเพียงคนเดียวล่ะคะ อาจารย์?" ฉันเอ่ยถามหาความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ
"เธอลืมอะไรไปรึเปล่านักศึกษา?" อาจารย์เลื่อนกระดาษคืนมาให้ฉันอีกครั้งและมองฉันด้วยแววตาที่กดดัน
"เธอต้องเข้าใจนะว่าเด็กทุนกับเด็กที่จ่ายค่าเทอมเต็มจำนวนมันต่างกัน" อาจารย์พูดเสียงดังฟังชัดใส่หน้าของฉัน
"นี่อาจารย์กำลังจะบอกหนูว่า เด็กที่บ้านรวยกับเด็กที่บ้านจน" ฉันควบคุมความโกรธไม่อยู่จริง ๆ เลยขึ้นเสียงใส่อาจารย์กลับไปเพียงเล็กน้อย
"มีค่าไม่เท่าเทียมกันใช่ไหมคะ?" ฉันมองแผ่นกระดาษนั้นอยู่พักใหญ่ มือยังคงกำปากกาเอาไว้แน่น
"นี่เธอกำลังแสดงกิริยาก้าวร้าวใส่อาจารย์อยู่นะน้ำขิง!" อาจารย์ขึ้นเสียงกลับมาเช่นกัน
"หนูก็แค่สงสัยค่ะ เลยถามไปตรง ๆ" ฉันเอ่ยตอบไปอย่างเสียงสั่น ๆ
"เธอได้เรียนฟรี ที่พักฟรี แถมยังได้เงินรายเดือนอีกด้วย" เธอเอียงคอมองหน้าฉันเล็กน้อย
"และคำว่าเด็กทุน คือเด็กที่มหาลัยส่งเสริมสนับสนุนทุกเรื่อง"
"เธอก็รู้ว่ามันไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่อยากจะได้ทุนการศึกษาดี ๆ แบบนี้จากมหาลัยมีชื่อเสียงแห่งนี้ของเรา"
"และที่เราตัดทุนเธอ นั่นก็เป็นเพราะเธอมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างรุนแรง!"
"การเป็นเด็กทุนควรจะเป็นนักศึกษาต้นแบบที่ดีให้กับทางมหาลัย"
"และเท่าที่อาจารย์และอาจารย์คนอื่น ๆ ได้ดูคลิปเมื่อวานแล้ว เราทุกคนต่างลงความเห็นว่าเธอบุกไปหาเรื่องนักศึกษาคณะวิศวะด้วยตัวเอง"
"สาดน้ำใส่หน้าเขา ด่าทอเขา"
"เธอรู้ไหมว่า อาจารย์ในคณะเราต้องอับอายแค่ไหนที่มีเด็กอย่างเธอเรียนอยู่ในคณะของเรา"
"และยิ่งไปกว่านั้น เธอคือนักศึกษาที่เราคัดสรรและมอบทุนการศึกษาให้มาโดยตลอด"
"การตัดเงินทุนเธอ ถือเป็นบทลงโทษที่เบามากแล้วนะน้ำขิง"
"เธอจะเรียนดีอย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะ พฤติกรรมและนิสัยส่วนตัวก็ต้องดีด้วย"
อาจารย์อธิบายร่ายยาวเป็นชุดจนฉันทำได้แค่นั่งฟังอย่างเงียบ ๆ
เพราะยิ่งพูดไปก็ยิ่งดูเหมือนก้าวร้าวอยู่ดี
"อาจารย์พูดชัดเจนแบบนี้แล้ว"
"เธอยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกงั้นเหรอ?" เธอถามย้ำอีกครั้ง
".....ไม่มีค่ะ" ฉันจำใจพยักหน้ารับอย่างเสียงอ่อนลง
เพราะอาจารย์คนนี้ท่านก็เคยช่วยฉันในหลาย ๆ เรื่องที่ผ่าน ๆ มา
และเรื่องนี้มันก็คือความผิดพลาดของฉันเองที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์โกรธตัวเอง ไม่เจียมฐานะของตัวเอง
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ฉันก็คงดูนิสัยแย่ในสายตาของอาจารย์ทุกคนจริง ๆ
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ฉันเจอกับอะไรมาบ้าง และฟาเรนทำเลวอะไรกับฉันไว้
อาจารย์ส่งกระดาษให้ฉันพร้อมกับวางปากกากระแทกลงกับโต๊ะอย่างกดดันให้ฉันเซ็นยอมรับการตัดทุนการศึกษาในเทอมสุดท้ายนี้
ฉันจับปากกาเซ็นลงไปทั้งน้ำตาตกใน
ค่าเทอมเดือนละแสนกว่าบาท ฉันจะไปหาได้จากที่ไหนกันล่ะ?
"อาจารย์เห็นว่าเทอมหน้าเธอก็เรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ?"
ฉันก็พยักหน้ารับเพราะตามกำหนดการ เด็กทุนจำต้องลงเรียนหนักกว่าคนอื่น
และต้องจบให้ได้ภายในสามปีครึ่ง
ห้ามดรอป ห้าม F เลยแม้แต่ครั้งเดียว
"จ่ายเต็มแค่เทอมเดียว ยังไงก็ไปหากู้ยืมมาก่อนก็ได้นี่นาถ้าเธอไม่มีจริง ๆ" อาจารย์เก็บเอกสารไปด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
"จบจากมหาลัยเราไป เดี๋ยวเธอก็มีงานดี ๆ ทำ ก็ค่อยไปใช้หนี้เขาเอา" อาจารย์พูดเชิงให้กำลังใจฉัน
ความรู้สึกเหมือน ถูกตบหัวและลูบหลังยังไงก็ไม่รู้สิ
"หมดธุระแล้ว เธอกลับไปเรียนได้แล้วไป" อาจารย์พยักหน้าให้กับฉันและมองไปทางประตูทางออก
"สวัสดีค่ะอาจารย์"
ฉันยกมือไหว้เธอตามมารยาท ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะของอาจารย์ทันที
ฉันแอบเห็นว่าอาจารย์หยิบเอกสารขอทุนของเตยหอมขึ้นมาสอดต่อจากเอกสารของฉันทันที
มันก็ชัดแล้ว
เธอตัดทุนฉันเพื่อไปให้ยัยเตยหอมจริง ๆ
"ตั้งใจเรียนแล้วก็อย่าไปก่อเรื่องก่อราวอะไรอีกแล้วกัน" อาจารย์พูดไล่หลังมาขณะที่ฉันเปิดประตูออกมาจากห้อง
"ค่ะ"
ฉันพยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติ ก่อนจะเดินออกจากห้องของอาจารย์พร้อมกับกำหมัดแน่น
แต่เดินออกมาเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง
เพราะมันทั้งเครียด ทั้งกดดัน และทุกอย่างมันก็ประเดประดังเข้ามาพร้อม ๆ กันจนฉันรับไม่ไหวแล้วจริง ๆ
หมับ!
จู่ ๆ ฉันก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงและดึงเข้าไปหลบในมุมตึกระหว่าง ตึก A กับ ตึก B ของคณะนิเทศศาสตร์
"อะโอ๊ย!" ฉันร้องขึ้นเพราะเขากระชากแขนที่มีบาดแผลอยู่พอดี
"ไง ~" น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นตรงหน้าของฉัน
แทบไม่ต้องหันไปมองหน้าฉันก็รู้ได้ทันที
จากน้ำเสียง กลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ และกลิ่นบุหรี่ที่คละคลุ้งอบอวลไปหมด
"เห็นหน้าผัว" ปากที่คาบบุหรี่ที่ติดไฟอยู่เอ่ยถามขึ้น พร้อมกับดึงฉันเข้าไปหา
"ดีใจจนร้องไห้เลยเหรอ?" ปลายบุหรี่ร้อน ๆ ของเขาแทบจะชนเข้ากับแก้มของฉันอยู่แล้ว