EP.5 CRAZY LOVE คลั่งรัก ♥
ตอน เก่งแต่กับคนไม่มีทางสู้
ชายหนุ่มเลือดร้อนอย่างฟาเรนยกฝ่ามือหนาลูบใบหน้าที่เปียกชุ่มของเขาที่เลอะไปด้วยน้ำเย็นยะเยือก
บนใบหน้าสุดโหดของเขาเต็มไปด้วยรอยแดงช้ำจากน้ำแข็งก้อนเล็กที่ปะทะใบหน้าหล่อเหลาของเขาเข้าอย่างจัง
ทุกสายตาละแวกนั้นหยุดชะงักและมองมาที่พวกเขาทั้งคู่เป็นทางเดียว
ฟาเรนกระตุกยิ้มมุมปากและปัดก้อนน้ำแข็งที่ติดอยู่ตามเสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้ม ชุดประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่เขากำลังศึกษาอยู่ในตอนนี้ออก
"ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำแบบนี้กับฉันมาก่อน" เขาพูดขึ้นด้วยท่าทีเงียบขรึมแต่แฝงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่น่ากลัว
"ฉันก็ไม่เคยเจอใครที่เหี้ยเหมือนนายมาก่อนเหมือนกัน" หญิงสาวใจกล้าบีบแก้วน้ำพลาสติกในมือแน่นจนบี้แบนแทบจะแหลกคาฝ่ามือเล็ก ๆ ของเธอ
เธอจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความโกรธ จนลืมไปว่าตัวของเธอแตกต่างจากเขามากมายแค่ไหน
"เหอะ ๆ" เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ และจ้องน้ำขิงกลับอย่างแทบไม่กะพริบตาเลยแม้แต่นิดเดียว
"ฉันเหี้ยได้มากกว่านี้อีกนะ" ฟาเรนพูดออกมาในลำคอด้วยน้ำเสียงแหบสนิท
ฟุ่บ! เขากระชากคอเสื้อนักศึกษาตัวบางของหญิงสาวตรงหน้า จนตัวของเธอแทบลอยขึ้นจากพื้นด้วยความสูงที่แตกต่างกัน
"อ้ะ!" ร่างบางร้องเสียงหลงเมื่อถูกกระชากคอเสื้อจนตัวลอย
ปัก แป๊ก!
กระดุมเสื้อนักศึกษาตัวบาง ๆ กระเด็นชนกับเสื้อช็อปวิศวะตรงหน้า จนเผยให้เห็นร่องเต้าอวบอิ่มของเธออย่างเด่นชัด
ฟุ่บ! น้ำขิงรีบเอามือของเธอปิดหน้าอกเอาไว้ทันที แต่มันก็ไม่ทันจากสายตาที่แหลมคมของคนตรงหน้าที่เขาทั้งได้เห็นและสัมผัสหน้าอกของเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว
"ปล่อยฉันนะ" เธอพูดออกมาอย่างพยายามไม่แสดงท่าทีหวาดกลัว ทั้ง ๆ ที่ภายในใจมันไม่ใช่เลย
แควก! เขากระชากเสื้อของเธออย่างแรงจนกระดุมเสื้อหลุดออกมาทุกเม็ด
"ไอ้สารเลว!" น้ำขิงรีบดึงเสื้อปิดเอาไว้ทันที
พลั่ก! ฟาเรนปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเธอ
"พวกมึง วันนี้กูมีอะไรดี ๆ จะแบ่งให้ดูเว้ย" ฟาเรนตะโกนออกมาเสียงดังลั่นลานหน้าตึกคณะวิศวะ
ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมากระชากเสื้อของร่างบอบบางจนกระดุมเสื้อนักศึกษาตัวบางของน้ำขิงจนหลุดหมดทุกเม็ด
"เฮ้ย!" น้ำขิงรีบยกมือปิดหน้าอกของเธอเอาไว้ได้ทันด้วยความตกใจสุดขีด
เธอต้องกำชายเสื้อเอาไว้แน่นไม่ให้มันเปิดออก เพราะไม่มีกระดุมใด ๆ เหนี่ยวรั้งชายเสื้อนักศึกษาเลยแม้แต่เม็ดเดียว
หน้าตึกวิศวกรรมศาสตร์ ที่ส่วนใหญ่มีแต่นักศึกษาผู้ชาย ขณะที่น้ำขิงดึงเสื้อนักศึกษาตัวเองปิดเอาไว้แน่นและเงยหน้ามองเขาอย่างเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มันทั้งอายทั้งโกรธ
"วิ้ดวิ้ว ฮู่ว์ ~" เสียงเหล่าบรรดาผู้ชายที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองตรงมาที่เธอเป็นทางเดียว หญิงสาวรีบกอดอกเอาไว้แน่น ตัวสั่นสะท้านไปหมด
ฟาเรนมองตาของเธออย่างสะใจที่ได้รังแกคนที่ไม่มีทางสู้อย่างเธอได้สำเร็จ
"แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ" แววตาคมกริบเลื่อนต่ำลงมาที่หน้าอกของเธอพร้อมกับกระตุกยิ้มออกมา
"เพราะเธอทำฉันขายหน้าก่อน" เขาชี้หน้าเธอก่อนจะเลื่อนนิ้วมาปาดที่ลำคอของตัวเองอย่างข่มขู่ ๆ
"เราไปกันเถอะค่ะ ฟาเรน ~" ผู้หญิงอีกคนที่ยืนรออยู่นานเดินเข้ามาปัดเสื้อที่เปียกน้ำของเขา พร้อมกับควงแขนล่ำของฟาเรนอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
"ไปสิ" เขาตอบผู้หญิงอีกคนไปด้วยท่าทางปกติ ทันทีที่ทั้งคู่กำลังเดินหันหลังกลับออกไป
"คนอย่างนายมันก็เก่งแค่กับคนที่ไม่มีทางสู้นั่นแหละ ฟาเรน!" น้ำขิงพูดออกไปเสียงสั่น ฝ่ามือยังคงกำชุดนักศึกษาตัวบางของตัวเองเอาไว้แน่น
เพราะเธอไม่ได้มาเพื่อตัวเอง แต่เธอมาเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับคนอื่น คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยอย่างเจ๊ดาว
แต่ในเมื่อคนสารเลวที่ไร้จิตสำนึกอย่างเขามันยากเกินกว่าจะอธิบายเหตุผลได้ การพูดคุยอย่างสันติจึงไม่เป็นประโยชน์อะไรกับคนที่จิตใจหยาบกระด้างอย่างฟาเรน
"ว่าไงนะ?" เขาเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
"นี่เธอ จะเรียกร้องความสนใจจากฟาเรนของฉันอีกนานไหม?"
คราวนี้ไม่ใช่ฟาเรน แต่เป็นสาวสวยอีกคนหนึ่งที่หันมาเอาเรื่องน้ำขิงแทน เพราะเธอเริ่มสังเกตเห็นว่าฟาเรนเอาแต่สนใจน้ำขิงจนแทบจะลืมไปแล้วว่ามีเธอยืนอยู่ตรงนี้ด้วยอีกคน
"จะบอกอะไรให้นะ" ร่างบางที่เพิ่งโดนกลั่นแกล้งกัดฟันกรอดจ้องหน้าผู้ชายสารเลวคนนั้นอีกครั้ง
"ถ้านายไม่ใช่ลูกคนรวย คนมีอำนาจ" เธอมองสารรูปของเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สายตาเดียวกับที่เขาชอบใช้มองดูถูกเธอ
น้ำขิงพูดใส่เขาท่ามกลางสายตาของหลาย ๆ คนที่จับจ้องมองมาทางพวกเขา เพราะทั้งคู่ต่างยืนทะเลาะกันเสียงดังสนั่นจนกลายเป็นจุดสนใจ
"คนอย่างนายมันก็คงไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่งหรอก" น้ำขิงพูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้น
"นายมันก็แค่เกาะบารมีพ่อแม่ ทำกร่างไปวัน ๆ"
เธอพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้น พร้อมกับหันหลังรีบเดินกลับคณะตัวเองทันทีโดยไม่รีรอให้อีกฝ่ายพูดอะไรต่อแม้แต่คำเดียว
"เธอเองก็...ปากดีให้ได้ตลอดแล้วกัน" เขาพูดไล่หลังมาติด ๆ
ร่างบางเร่งสาวเท้าเดินกลับคณะของตัวเองด้วยความอับอายที่ชุดนักศึกษาแทบขาดไม่เหลือชิ้นดี
แต่ในขณะที่กำลังเดินออกมาก็สวนทางกับคลินต์ที่วิ่งหน้าตาตื่นมาทางฟาเรนอยู่พอดี
"ไอ้ฟาร์ เชี่ยวินด์มันไปอเมริกาแล้ว" เสียงของคลินต์ที่วิ่งสวนทางมาก็ตะโกนบอกฟาเรนทันที
"ไอ้ไทม์บอกว่ามันเลื่อนตั๋วเครื่องบินไวขึ้น ไอ้ไทม์เองก็ไปส่งมันไม่ทัน" คลินต์วิ่งผ่านน้ำขิงไปบอกกับฟาเรนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
แต่ประโยคที่คลินต์พูดออกมาทำเอาน้ำขิงเองถึงกลับต้องชะงักฟังทันที เพราะแน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับเพื่อนสนิทของเธอเต็ม ๆ
เนื่องจากเพื่อนสนิทของพวกเขาเคยคบหากันและคบกันอย่างจริงจังมาก ๆ ซะด้วย
"ไอรีน ~" คนแรกที่น้ำขิงกำลังเป็นห่วงอย่างมากในตอนนี้คือเพื่อนรักของตัวเธอเองอย่างไอรีน
เพราะถ้าวินด์เซอร์ไปเรียนต่อจริง ๆ คนที่แย่ที่สุดในตอนนี้ก็คงเป็นเพื่อนรักของเธอ เพราะไอรีนรักวินด์เซอร์มาก ๆ
"อะไรนะ?" น้ำเสียงของฟาเรนเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ร่างบางชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับไปมองผู้ชายสองคนที่คุยกันด้วยท่าทีเคร่งเครียดอยู่ไม่ไกล
ในมือเธอยังคงกดโทรศัพท์หาไอรีนซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย
"เมื่อคืนเห็นมันหายไปกับไอรีน กูนึกว่ามันจะเปลี่ยนใจซะอีก" ฟาเรนพูดขึ้นพร้อมด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความกังวลอะไรบางอย่าง
"กูฉิบหายแน่ถ้าไอ้วินด์หายหัวไปจริง ๆ" ฟาเรนกุมขมับตัวเองทันที
สายตาของเขาเหลือบกลับมามองทางสาวคู่กรณีที่ยืนอยู่ในระยะที่ห่างกันพอสมควร หลังจากที่สบสายตากันพักใหญ่อย่างลืมตัว
"นั่นมันน้ำขิงเพื่อนไอรีนนี่" ทันทีที่คลินต์มองตามสายตาของฟาเรนมาเจอเธอ เขาก็ทำท่าจะเดินมาหาทันที คงเพราะอยากจะถามเรื่องของไอรีนแน่ ๆ
เธอรีบหันหน้าหนีออกมาจากตรงนั้นโดยทันที เพราะเธอเองก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้ในสภาพยับเยินแบบนี้สักเท่าไหร่
NAM KHING’S PART
หลังจากที่ฉันพยายามติดต่อไอรีนอยู่นาน ในที่สุดยัยเพื่อนรักของฉันก็ยอมรับโทรศัพท์ของฉันสักที
ไอรีนบอกกับฉันว่าเธออยากอยู่คนเดียวสักพัก เพื่อทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ เงียบ ๆ
ฉันเองก็คิดว่าดีเหมือนกันที่เธอจะได้ลองอยู่กับตัวเองดูสักพัก เผื่อไอรีนจะได้เข้าใจตัวเองได้มากขึ้นว่า ระหว่างตอนที่เธอมีวินด์เซอร์กับไม่มีวินด์เซอร์แบบไหนที่เธอมีความสุขมากกว่ากัน
เพราะสุดท้ายแล้วหน้าที่สำหรับเพื่อนอย่างฉัน คือการยืนอยู่เคียงข้างเพื่อนรักคนนี้ ไม่ว่าเธอจะเลือกหนทางไหนก็ตาม
และไม่ว่าเธอจะอกหักมากี่ครั้ง ฉันก็เต็มใจที่จะยืนอยู่ตรงนี้เสมอ
แต่ในเมื่อตอนนี้ยัยไอรีนต้องการอยู่คนเดียวสักพัก ฉันก็ขอรีบไปเคลียร์ปัญหาชีวิตของตัวเองก่อนเลยแล้วกัน
เพราะปัญหาแต่ละเรื่องที่ฉันเจอมันหนักหน่วง และสาหัสไม่น้อยเลยจริง ๆ
@ผับ XSO
หลังจากที่ฉันมายืนดักรออยู่ที่หน้าลานจอดรถประจำตัวของเจ้าของผับ XSO ในที่สุดฉันก็ได้เจอกับเขาจนได้
"คุณวายซีคะ" ฉันรีบพุ่งตัวเข้าไปขวางทางเขาเอาไว้ทันที
"เธอเป็นใคร?" เขาเหล่สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอีกครั้ง
"ถ้ามาสมัครงานเข้าไปสมัครกับฝ่ายบุคคลด้านใน ไม่ใช่ฉัน" เขาพูดพร้อมกับชี้ไปทางเข้าด้านหลังของผับหรู
"ดิฉันไม่ได้มาสมัครงานค่ะ แต่จะมาขอร้องเรื่องเจ๊ดาว" หลังจากที่ฉันอธิบายไป ทางคุณวายซีก็ขมวดคิ้วอย่างงุนงงเล็กน้อย
"พนักงานที่คุณไล่ออกไปเมื่อเช้า" ฉันเดินตามคุณวายซีเจ้าของผับ XSO พร้อมกับยกมือไหว้ขอร้องเขาทันที จนทำให้เขายอมหยุดเดินและหันมาคุยกับฉันในที่สุด
"อ๋อ" เขาพยักหน้ารับนิ่ง ๆ
"คือ ดิฉันทำให้ (ไอ้) ...คุณฟาเรนเขาไม่พอใจเพียงคนเดียว"
"คุณก็ควรไล่ดิฉันออกคนเดียวพอ"
"อย่าไล่พนักงานดี ๆ อย่างเจ๊ดาวออกเลยนะคะ" ฉันพยายามพูดให้เขาไม่ไล่เจ๊ดาวออก เพราะเรื่องเมื่อคืนมันไม่ใช่ความผิดของเธอเลยแม้แต่น้อย
"จริง ๆ ฉันก็เสียดายพนักงานดี ๆ เหมือนกันนะ" เขาถอนหายใจพร้อมกับเหลือบมองฉันด้วยแววตาตำหนิเล็กน้อย
"ถ้าเป็นคนอื่น ฉันก็กล้าขัดใจอยู่หรอก"
"แต่นี่เป็นคุณฟาเรน"
"ใคร ๆ ก็รู้ว่าคนอย่างเขา ธรรมดาซะที่ไหน ถ้าเขาไม่พอใจเผลอ ๆ ไล่ที่ ผับของฉันก็เจ๊งกันพอดี" คุณวายซีพูดออกมาด้วยท่าทีลำบากใจเล็กน้อย
"แต่ว่าเจ๊ดาวเธอลำบากมากจริง ๆ นะคะ และยังต้องมาตกงานในช่วงเวลาแบบนี้อีก" ฉันพยายามพูดเผื่อหวังว่าคุณวายซีจะเมตตาเธอบ้าง
"ไหนๆ เธอก็มาขอร้องเพื่อพนักงานคนนั้นแล้ว" เขาเอื้อมมือมาแตะที่ไหล่ของฉันเบา ๆ
"เอาอย่างงี้แล้วกันนะ ฉันจะฝากงานให้กับพนักงานคนนั้นเอง"
"ตำแหน่งเดิม เงินเดือนเท่าเดิม แค่เปลี่ยนไปทำงานอีกผับหนึ่ง" คุณวายซีมองหน้าฉันและเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง
"จริง ๆ นะคะ" ฉันยังคงยกมือไหว้เขาอย่างวิงวอนอยู่สักพักใหญ่ ๆ
"อืมจริง" คุณวายซีพยักหน้ารับทันที
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริง ๆ " ฉันยกมือไหว้เขาท่วมหัวอย่างรู้สึกโล่งอก
อย่างน้อย ๆ เจ๊ดาวก็จะไม่ต้องตกงาน ไม่งั้นเรื่องนี้คงกลายเป็นตราบาปติดอยู่ในใจของฉันไปตลอดแน่ ๆ
"เธอนี่ก็ดีนะ"
"รู้ว่าทำผิดก็ยังพยายามหาทางแก้ไขและแสดงความรับผิดชอบ" เขาตบไหล่ของฉันเบา ๆ
ฉันทำได้เพียงแค่กัดฟันแน่น เพราะฉันรู้ว่ามันคงน่าละอายเกินไปถ้าจะเอ่ยปากของานเพิ่มให้ตัวเองด้วยอีกคน เพราะว่าตอนนี้ฉันเองก็เดือดร้อนเช่นกัน
"เธอหมดธุระกับฉันแล้วใช่ไหม?" เขาเลิกคิ้วถามขึ้นอีกครั้ง
"แฟนฉันรออยู่ตรงทางเข้านานแล้ว" เขาชี้ตรงไปที่ผู้ชายอีกคนที่ยืนใส่เสื้อสีม่วงแบบเดียวกับคุณวายซีเป๊ะ ๆ ซึ่งเขาก็กำลังมองตรงมาทางเราสองคนอยู่
"เอ่อ หมดแล้วค่ะ ๆ" ฉันพยักหน้ารับอย่างเกรงใจเขาขึ้นมาทันที
"ยังไงก็ขอให้เธอโชคดีในงานใหม่ครั้งหน้าแล้วกันนะ จะทำงานอะไรก็ศึกษาข้อมูลดี ๆ ก่อน จะได้ไม่พลาดเหมือนคืนก่อน!"
คุณวายซีพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะรีบเดินไปหาแฟนหนุ่มของเขา ซึ่งดูจากท่าทางแล้วคุณวายซีน่าจะเป็นเกย์คิง ส่วนคนที่ยืนรออยู่น่าจะเป็นเกย์ควีน
@หอพักนักศึกษา (นอกมหาลัย)
ห้อง 269
ฉันนั่งมองเงินเก็บของตัวเองอย่างน้ำตาตกใน
"งานร้านไอศกรีมก็ต้องลาหยุดไปทั้งวันเลยเพราะต้องไปดักรอคุณวายซีเรื่องของเจ๊ดาว"
"รายได้วันนี้ก็หายไปวันหนึ่งแล้ว" ฉันขีดฆ่าปฏิทินรายเดือนของตัวเองไปอีกวันหนึ่ง
"งานเสริมเพิ่งได้มาหมาด ๆ ยังไม่ทันได้รับเงินก็โดนไล่ออกเพราะไอ้คนสารเลวนั่น" ฉันก้มหน้ากุมขมับตัวเองอย่างคิดไม่ตกเลยจริง ๆ ว่าควรจะเอายังไงต่อดี
ครืดดด ครืดดด ~ ~
(เสียงโทรศัพท์สั่น)
-พ่อ-
ฉันมองหน้าจอโทรศัพท์ทั้งน้ำตาคลอเบ้า และเลือกที่จะไม่รับสายโทรศัพท์ของพ่อ
ปล่อยให้โทรศัพท์ยังคงสั่นอยู่แบบนั้นสามถึงสี่ครั้งพ่อก็หยุดโทรไปเองในที่สุด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องในหอพักของฉันดังขึ้น ฉันก็รีบปาดน้ำตาทันทีและวิ่งไปเปิดประตูห้อง เพราะส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเพื่อน ๆ ในคณะมาชวนไปติวหนังสือ หรือไม่ก็ไอรีนมาตามให้ไปนอนเป็นเพื่อน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"มาแล้ว ๆ" ฉันตอบไปพร้อมกับวิ่งมาเปิดประตูห้องทันทีอย่างไม่ได้คิดอะไร
...แอ๊ด…
ทันทีที่ประตูหอพักค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ
แขกที่ยังไม่ทันได้รับเชิญก็เดินก้าวเข้ามาในห้องของฉันทันทีพร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
"นาย?" ฉันก้าวถอยหลังอย่างตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าคนที่มายืนเคาะประตูห้องจะเป็นผู้ชายที่อันตรายมากที่สุดอย่างฟาเรนไฮต์
"มาทำไม?" ฉันพยายามจะผลักคนตัวสูงออกไปจากห้อง
ปัง!
ฟาเรนใช้เท้ายันประตูปิดเสียงดังสนั่นอย่างไม่มีความเกรงใจ
"ออกไปจากห้องฉันนะ!"
"ไม่งั้นจะร้องให้คนช่วย และจะร้องให้ลั่นไปทั้งตึก" ฉันพยายามทำใจดีสู้เสือและพยายามไม่แสดงท่าทีว่ากลัวคนตรงหน้า
"ทำไม?" ใบหน้าหล่อดิบเถื่อนค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ฉันทีละก้าว ทีละก้าว
ฉันก็ทำได้แค่ถอยหลังไปทีละก้าว ทีละก้าวเช่นกัน
"พออยู่ในห้องกับฉันสองต่อสอง"
ปั่ก! ฉันก้าวถอยหลังจนแนบชิดติดกำแพงห้องอย่างไม่อาจจะเลี่ยงไปทางอื่นได้เลย
"ไม่เห็นปากเก่งเหมือนตอนอยู่ข้างนอกเลยนะ" เขาพ่นลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่ใส่ใบหน้าของฉัน
"ช่วยดะ (จุ๊บส์!!)"