3
“เชิญครับ”
“….”
“อ—เอ่อ บ้านอาจรกหน่อยนะครับ พอดีผมต้องหาเอกสารของพ่อตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เลยยังไม่มีเวลาเก็บ” นั่นเป็นประโยคโง่ ๆ ที่ใบว่านพอจะนึกได้ หลังเวลาต่อมาเขาได้พาคุณเกื้อเข้ามาในบ้านตัวเองแล้ว เพราะคิดว่าหากให้อีกฝ่ายรออยู่ข้างนอกมันคงดูไม่เหมาะสมเท่าไร
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ” คุณเกื้อตอบกลับมา พลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัวบ้าน โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“แล้วคุณเกื้ออยากได้เป็นน้ำปกติหรือน้ำเย็นดีครับ” ใบว่านถามขึ้น เพื่อไม่ให้อีกคนสนใจกับสิ่งรอบตัวมากกว่านี้ ซึ่งถ้าให้พูดกันตามตรงแล้ว… ใบว่านรู้สึกอายมากที่คนอย่างคุณเกื้อจะมาเห็นสภาพบ้านของเขา แม้บ้านหลังนี้ใบว่านจะอยู่มาตั้งแต่เด็กก็ตาม
แต่ใบว่านก็อายอยู่ดี
“ฉันขอเป็นน้ำเย็นก็แล้วกัน”
“ได้ครับ” ว่าจบ ใบว่านก็รีบสาวเท้าเดินเข้าไปตรงส่วนในของบ้าน เพื่อเปิดตู้เย็นหยิบเอาน้ำเปล่าที่ยังไม่เปิดดื่มมาส่งให้อีกฝ่าย โดยในวินาทีที่คุณเกื้อรับน้ำไปจากใบว่าน อีกฝ่ายก็มีคำถามขึ้นมาอีก
“เธออยู่กับพ่อแค่สองคนเหรอ”
“ใช่ครับ ตั้งแต่แม่เสีย…ผมก็อยู่กับพ่อแค่สองคนเท่านั้น”
สำหรับการจากไปของแม่ ณ ตอนนี้ใบว่านก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรอีกแล้ว มีเพียงแค่ความคิดถึงบางเวลาเท่านั้น เพราะตอนที่แม่มีชีวิตอยู่ แม้เธอจะไม่ได้เลี้ยงเขามาตั้งแต่แบเบาะเนื่องจากต้องกระเสือกกระสนหางานทำ แต่เธอก็พยายามจะช่วยเหลือมาตลอด พยายามส่งเงินค่านมให้ใบว่านไม่ขาด หาได้มากก็ให้มาก หาได้น้อยก็พยายามแบ่งมาให้ตลอด
“แล้วยังเสียใจอยู่ไหม” คุณเกื้อถาม
“ตอนนี้ไม่เสียใจแล้วครับ แต่ก็อาจคิดถึงเธอบ้าง” ใบว่านตอบไปตามตรง แล้วหลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมพวกเขาทั้งคู่
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว งั้นหลังจากนี้ฉันจะเพิ่มเงินให้เธอจากห้าพันเป็นหนึ่งหมื่นก็แล้วกันนะ เธอจะได้ไม่ต้องไปหางานพิเศษทำจนเหนื่อย” คุณเกื้อพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เหมือนอีกฝ่ายได้ไตร่ตรองทุกอย่างมาดีแล้ว แต่ทว่าใบว่านกลับไม่เห็นด้วย เนื่องจากเขาคิดว่ามันมากเกินไป
“อย่าดีกว่าครับ เพราะผมคิดว่ามันเกินความจำเป็น”
“แต่เงินห้าพันต่อเดือนเธอก็ไม่พอใช้หรอก แล้วก่อนหน้านี้ที่ฉันให้เธอเป็นเงินจำนวนเท่านี้ ก็เพราะฉันเห็นว่าพ่อเธอก็คอยหาเงินเข้าบ้านอยู่”
“….”
“ตกลงเอาตามนี้นะ?” คุณเกื้อพูดย้ำ เพื่อให้ใบว่านกับเจ้าตัวเข้าใจตรงกัน ซึ่งใบว่านก็อยากจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังอีกฝ่ายอยู่หรอก แต่เรื่องนี้เขาไม่สามารถเชื่อฟังได้จริง ๆ
“แค่คุณเกื้อเป็นธุระช่วยจัดการเรื่องงานศพของพ่อให้ ผมก็เกรงใจจนไม่รู้จะเกรงใจยังไงแล้วครับ ซึ่งถ้าคุณเกื้อจะเพิ่มเงินให้กันอีก ผมคงไม่สะดวกรับเอาไว้จริง ๆ”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันควรจะทำยังไงดี” อีกฝ่ายถามกลับมา ราวกับต้องการความเห็นจากใบว่าน
“ให้ผมเท่าเดิมครับ”
“….”
“คุณเคยให้เท่าไรก็ให้เท่านั้นแหละ” ใบว่านยืนกรานคำตอบเดิมว่าเขาไม่ประสงค์ที่จะรับเงินรายเดือนมากกว่านี้ ยิ่งอีกฝ่ายไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ใครมันจะกล้ารับเอาไว้
“เธอนี่ดื้อกว่าที่ฉันคิดอีกนะ ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเธอเป็นเด็กดี แต่สงสัยฉันคงจะคิดไปเองทั้งนั้น” คุณเกื้อพูดยาว โดยนี่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายพูดยาวถึงขนาดนี้
“ก็ผมเกรงใจไงครับ”
“เกรงใจอีกแล้ว ถ้าอย่างนั้น…เรามาแลกเปลี่ยนกันดีไหม” คุณเกื้อเสนอความคิด ทำเอาใบว่านได้แต่เอียงคอมองผู้ใหญ่ตรงหน้าด้วยความฉงน เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าคุณเกื้ออยากแลกเปลี่ยนอะไรกับตัวเอง
ตอนที่อยู่งานศพ ใบว่านเคยเสนอตัวทั้งเรื่องงานบ้าน งานสวน งานช่างหรืองานบัญชีให้ไปแล้ว แต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้องการ แล้วคราวนี้คุณเกื้ออยากจะได้อะไรจากใบว่านกัน?
“คุณเกื้อจะแลกเปลี่ยนกับอะไรเหรอครับ” ใบว่านถามอย่างซื่อ ๆ
“ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก”
“….”
“แต่เอาเป็นว่าเงินห้าพันที่ฉันจะให้เพิ่มหลังจากนี้ เธอต้องทำงานแลกกับมันก็แล้วกัน” อีกฝ่ายบอกกลับมา และในเวลาเดียวกันนั้นเสียงฟ้าก็ร้องสนั่น ก่อนจะตามมาด้วยเม็ดฝน เนื่องจากเป็นฤดูกาลของมัน
“หลังคา… หลังคารั่ว!” ราวกับเป็นระบบอัตโนมัติที่ใบว่านจะเอ่ยเช่นนั้นออกมายามฝนตก ซึ่งพอเขาคิดได้เช่นนั้น ใบว่านก็ลืมคุณเกื้อไปชั่วขณะ เขารีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อไปหยิบเอากะละมังซักผ้ามารองน้ำฝนตรงที่ประจำ ในขณะที่คุณเกื้อก็ทำเพียงแค่ยืนกะพริบตาปริบ ๆ เท่านั้น
“บ้านเธอหลังคารั่วเหรอ”
“อ๋อ ใช่ครับ”
“….”
“แต่เดี๋ยวผมก็จะเรียกช่างมาเปลี่ยนแล้วล่ะครับ รอว่าง ๆ ก่อน” ใบว่านเอ่ย โดยเวลาเดียวกันนั้นความอายของเขาก็เริ่มทำงานอีกครั้ง เนื่องจากใบว่านรู้สึกอายมากที่บ้านตัวเองหลังคารั่ว
“เหมือนมันจะไม่ได้รั่วแค่ตรงนั้นนะใบว่าน” คุณเกื้อพูด พลางเงยหน้าขึ้นมองหลังคาบนหัวของเจ้าตัว และในจังหวะเดียวกันนั้นใบว่านก็ถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อมีน้ำฝนกระทบใส่ใบหน้าของคุณเกื้อ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าหลังคามันไม่ได้รั่วแค่จุดเดียว
“เอากะละมังมาเพิ่มอีกสักใบเร็ว” คุณเกื้อพูด พลางหันซ้ายหันขวาคล้ายกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง ซึ่งพอใบว่านเห็นเช่นนั้น เขาก็รีบวิ่งกลับเข้าไปเอากะละมังอีกใบมา พลางนึกบ่นกับตัวเองในใจว่าเขาควรจะไล่คุณเกื้อกลับไปตั้งแต่ตอนที่ฝนยังไม่ตก ใบว่านจะได้ไม่ต้องมาอายแบบนี้
“คุณเกื้อไม่ต้องทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง!” พอเดินออกมาจากห้องน้ำได้ ใบว่านก็ต้องร้องเสียงหลง หลังเขาเห็นว่าคุณเกื้อกำลังใช้ผ้าขี้ริวเช็ดน้ำฝนให้กันอยู่ ซึ่งมันก็ดูไม่เข้าท่าเลยแม้แต่นิด
“ร้องอะไรเสียงดัง ฉันก็แค่จะเช็ดน้ำฝนช่วยเธอเอง”
“ก็ผมอาย!” ใบว่านเอ่ย ขณะที่ดวงตาของเขาก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา เนื่องจากใบว่านอยากจะร้องไห้ใส่หน้าคุณเกื้อ
“….”
“ผมอายกับสภาพบ้านของตัวเอง ผมอายที่บ้านตัวเองหลังคารั่ว แถมคุณเกื้อยังจะมาเช็ดน้ำฝนให้กันอีก ผมอายนะครับ!” ใบว่านพูดต่อเสียงดังลั่น เพราะเขาชักจะทนไม่ไหวแล้ว
“แล้วเธอจะอายทำไม?” คุณเกื้อถามต่ออย่างไม่เข้าใจ
“….”
“ก็ไม่ใช่เพราะเธอไม่มีหรอกเหรอ เราถึงได้เจอกัน และฉันถึงได้ให้ทุนการศึกษากับเธอน่ะ” คุณเกื้อว่าต่อ ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่คุณเขาว่าทุกคำ หากใบว่านร่ำรวยหรือฐานะทางบ้านมีมากกว่านี้ ใบว่านกับคุณเกื้อก็คงไม่ได้รู้จักกัน
“ฉันพูดถูกไหม?” คุณเกื้อถามย้ำ เหมือนต้องการจะให้ใบว่านตอบ
“ครับ คุณพูดถูก”
“ดังนั้นอย่าอายเพราะเธอไม่ได้ทำผิดกฎหมายสักหน่อย แล้วอีกอย่าง…”
“….”
“ความจนมันไม่ใช่เรื่องน่าอาย” พูดจบ คุณเกื้อก็ย่อตัวลงอีกครั้ง เพื่อใช้มือสะอาดของตัวเองหยิบผ้าขี้ริวสีมอมเช็ดน้ำบางส่วนที่กระเด็นออกมาจากกะละมังรองน้ำ ในขณะที่ใบว่านก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนที่เขาจะย่อตัวลงดึงผ้าขี้ริวออกมาจากมือของคุณเกื้อ ตั้งใจจะทำความสะอาดพื้นเอง
“ตอนนี้คุณเกื้อกลับไปได้แล้วครับ มันดึกมากแล้ว” ใบว่านตัดสินใจพูดออกไป ขณะที่มือของเขาก็กำลังทำหน้าที่ของมัน
“นี่เธอไล่ฉันเหรอ” อีกฝ่ายถาม โดยนั่นก็ทำให้ใบว่านรีบเงยหน้าขึ้นไปมองคุณเกื้อโดยพลัน
“เปล่านะครับ” เขาปฏิเสธทั้งหน้าซื่อ “ผมก็แค่คิดว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว คุณควรจะกลับไปพักผ่อน ไม่ได้มีเจตนาอื่น”
“สงสัยฉันคงคิดมากเกินไปสินะ” คุณเกื้อพึมพำ และในเวลาเดียวกันนั้นคุณกานต์ ผู้ช่วยของคุณเกื้อก็เดินเข้ามาในบ้านพอดี
“คุณเกื้อครับ เราจะกลับเลยไหมครับเพราะตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว”
“อืม เรากลับกันเลยก็ได้” ว่าจบ คุณเกื้อก็หันมามองทางใบว่านเล็กน้อย จากนั้นอีกฝ่ายก็หมุนตัวเดินออกจากบ้านไปโดยที่ไม่มีแม้แต่ประโยคบอกลากัน
“ไปสักที เฮ้อ” หลังมั่นใจแล้วว่าคุณเกื้อคงไม่เดินย้อนกลับมาอีก ใบว่านจึงพูดกับตัวเองพลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง
หลายวันต่อมา
“อันไหนที่เป็นเสื้อผ้าของพ่อและคิดว่าตัวเองจะไม่ได้ใส่ก็พับใส่ถุงมาเลยนะ ใบว่าน”
“ได้จ้ะ แต่น่าจะได้แค่ถุงสองถุงเองนะป้า เพราะพ่อว่านมีเสื้อผ้าไม่เยอะ”
“ไม่เป็นไร ๆ เพราะเราแค่เอาไปบริจาคให้คนไม่มีเสื้อผ้าใส่เฉย ๆ” ช่วงสายของวัน ขณะที่ใบว่านกำลังนั่งซักเสื้อผ้าอยู่หน้าบ้าน เขาก็พูดกับป้าข้างบ้านด้วยน้ำเสียงสดใส เมื่อเธอได้เดินมาคุยเรื่องเสื้อผ้าของพ่อที่ควรจะเอาไปบริจาคให้คนไม่มี ดีกว่าจะเก็บเอาไว้ให้ปลวกแทะ
“โอเคจ้ะ ถ้าว่านพับเสร็จแล้วจะเดินเอาไปให้นะจ๊ะ”
“แล้วห้องนอนของพ่อน่ะ รื้อเลยนะว่าน… อย่าเก็บเอาไว้เหมือนว่าพ่อยังอยู่ เพราะมันไม่ดี”
“จ้ะ เดี๋ยวว่านจะรีบเก็บเลย” ใบว่านยังคงพูดต่อด้วยรอยยิ้ม ซึ่งพอป้าข้างบ้านเดินกลับไปแล้ว รอยยิ้มที่ดูสดใสในตอนแรกก็เปลี่ยนเป็นความหม่นหมองแทน เนื่องจากใบว่านยังทำใจไม่ได้
เป็นเวลาเกือบสัปดาห์แล้วที่พ่อของใบว่านได้จากไปตลอดกาล
และเพราะช่วงนี้ใบว่านกำลังอยู่ในระยะทำใจ พยายามปรับตัวให้ชินกับการอยู่คนเดียว นั่นจึงทำให้ใบว่านมีอาการร้องไห้อยู่บ่อย ๆ ยามที่เขาไปเรียนมหาลัยได้เจอเพื่อนฝูงวัยเดียวกันก็จะรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่พอต้องกลับมาอยู่เพียงลำพังอีกครั้ง ใบว่านก็จะมีอารมณ์อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ
ยิ่งมองเห็นของใช้ของพ่อ ที่ ๆ พ่อเขาชอบอยู่ ใบว่านก็ยิ่งอ่อนไหว ซึ่งเขาก็ต้องใช้เวลาสักระยะ ไอ้อาการที่เป็นอยู่ในตอนนี้ถึงจะดีขึ้น
“ฮ—ฮึก ว่านคิดถึงพ่อ คิดถึง ฮือออ” ขณะที่กำลังทยอยเก็บเสื้อผ้าพ่อลงใส่ถุงและแยกบางส่วนเอาไว้ดูต่างหน้า ใบว่านก็สะอื้นไห้ไปด้วย เมื่อเขารู้สึกหัวใจสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื่องจากตอนนี้ใบว่านไม่เหลือใครแล้วจริง ๆ แม้จะมีอาพลอยคอยมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันบ้าง แต่เธอไม่ใช่คนในครอบครัวของเขา
มันไม่เหมือนกัน
“พ่อทิ้งกันไปแบบนี้ แล้ว…แล้วว่านจะอยู่กับใคร” ใบว่านพูดต่อ พยายามจะควบคุมอารมณ์ไม่ให้ร้องห่มร้องไห้ไปมากกว่านี้ แต่มันก็ช่างเป็นเรื่องยากเหลือเกิน
ต่อมา หลังนั่งพับเสื้อผ้าตัวสุดท้ายเสร็จแล้ว ใบว่านก็มาจัดการของใช้ของพ่อต่อ โดยเขาก็เลือกที่จะกวาดใส่ถุงดำทั้งหมด เนื่องจากปกติแล้วใบว่านก็ไม่ได้ใช้ของร่วมกับพ่อ ซึ่งในระหว่างที่ใบว่านกำลังลงมือเก็บกวาดห้องพ่อ ตั้งใจจะเปลี่ยนให้เป็นห้องทำงานของตัวเองอยู่นั้น จู่ ๆ เสียงการแจ้งเตือนของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
โดยมันก็เป็นการแจ้งเตือนจากธนาคารที่บอกว่าบัญชีของใบว่านมียอดเข้า
“ทำไมถึงโอนมาแล้วล่ะ เพราะมันยังไม่ถึงวันเลยนี่” ใบว่านพูดกับตัวเอง เมื่อเขาเห็นว่ามีเงินจำนวนหนึ่งหมื่นเข้ามาในบัญชี และเจ้าของเงินนี้ก็คงเป็นคุณเกื้อแน่นอน แต่ยังไม่ทันที่ใบว่านจะได้สงสัยมากกว่านั้น เบอร์ของคุณกานต์ที่เคยบันทึกเอาไว้ตอนเดินเอกสารของพ่อก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอพอดี
“สวัสดีครับ” ใบว่านพูดกับปลายสายก่อน
[สวัสดีครับ คุณว่านได้รับแจ้งเตือนจากธนาคารหรือยังครับ] คุณกานต์ถาม
“ครับ เพิ่งได้รับเมื่อครู่นี้เลยครับ” ใบว่านตอบกลับไปและถามต่อ เพราะโดยปกติแล้วคุณกานต์ไม่เคยโทรมาหากันยามที่มียอดเข้า “ไม่ทราบว่าคุณกานต์มีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าคุณเกื้ออยากเรียกใช้อะไรผม”
[อ๋อ ก็ไม่เชิงหรอกครับ]
“….”
[พอดีเย็นนี้คุณเกื้ออยากนัดคุณว่านให้ออกมากินข้าวด้วยกันน่ะครับ คุณว่านสะดวกหรือเปล่า]
“….” เพียงแค่ได้ยินผู้ช่วยของคุณเกื้อบอกกันเช่นนั้น ใบว่านก็ถึงกับทำหน้าฉงนทันที เพราะวันเผาศพของพ่อ คุณเกื้อที่เดินทางมาร่วมงานศพด้วยก็ไม่พูดกับใบว่านเลยสักประโยคเดียว คล้ายกับอีกฝ่ายโกรธเคืองกันทั้งที่ใบว่านไม่ได้ทำอะไรให้
หรือโกรธที่ถูกไล่เมื่อหลายวันก่อนก็ไม่รู้
[เห็นคุณเกื้อบอกว่าคุณเกื้อต้องคุยเรื่องการแลกเปลี่ยนกับคุณว่านน่ะครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร]
“อ—อ๋อ ได้สิครับ ผมสะดวก” ใบว่านตอบรับปลายสาย และคิดไปว่าตอนนี้คุณเกื้อน่าจะคิดออกแล้วว่าควรจะใช้ใบว่านทำอะไรดี
[ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะส่งโลเคชั่นไปให้อีกทีนะครับ ขอบคุณมากครับ]