ส่วนฮัสลานเองก็มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาจดจ้อง เพราะเขาจำได้เลยว่าเธอคือผู้หญิงไทยคนนั้นที่เอากระเป๋ามาให้เขาที่สนามบินตอนนั้น เขาไม่คิดเลยว่าจะมาเจอเธอที่นี่อีก ยิ่งในกระโจมส่วนตัวของราชิดแล้วเขาก็ยิ่งแปลกใจ
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันระวังเอง…” มารียาพูดภาษาอังกฤษบอกไปแล้วก้มหน้าลงทันที เพราะการแต่งตัวของชายคนนี้บ่งบอกเลยว่าเขานั้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่ให้ตายเถอะ ทำไมผู้ชายประเทศหน้าคมเข้มหล่อกันขนาดนี้เนี่ย…
ฮัสลานก็มองหน้าสวยๆของเธอแล้วเขาก็ตัดใจทำหน้านิ่งๆแล้วเดินผ่านเธอไปแบบไม่พูดตอบอะไร ก่อนจะเข้าไปหาเพื่อนๆของเขาที่นั่งอยู่เนื่องจากตอนนี้ทุกคนกำลังมองเขากันอยู่ เขาไม่สามารถแสดงท่าทีสนใจอะไรเธออย่างออกนอกหน้าได้ เพราะมันจะไม่ใช่ผลดีกับผู้หญิงคนนี้เอง
มารียาก็มองตามแบบหมั่นไส้ขึ้นมาทันทีเลย เพราะเธออุตส่าห์ขอโทษเขาแล้ว จะพูดตอบมาสักหน่อยมันจะตายหรือไง มารียาคิดไปก็ทำหน้ามึนตึงแล้วเดินออกไปจากกระโจมนี้ทันที
“ยัยมีน รอพี่ด้วย” กวินตาเรียกน้องสาวแล้วก็รีบตามออกไปทันที
ด้านฮัสลานก็เดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทของเขาทั้งสองด้วยสีหน้าคมเข้ม จนราชิดและจาซุสนั้นมองแล้วก็ยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นมาทักทายเพื่อนหนุ่มที่เดินทางมาถึงแล้ว
“มาแล้วเหรอวะ ฉันสองคนกำลังรอแกอยู่พอดีเลยว่ะ เมื่อกี้คนของฉันรายงานว่าวันนี้บาซิมจะลงแข่งด้วย” ราชิดพูดออกไปเพราะบาซิมและฮัสลานนั้นเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันแบบจริงจังไปซะทุกอย่าง ไม่ใครก็ใครต้องชนะกันไปข้างหนึ่ง
“หึ…คราวก่อนมันแพ้ฉันยังไง วันนี้มันก็ต้องแพ้ฉันแบบนั้นแหละ” ฮัสลานพูดบอกไปเพราะเรื่องแข่งรถเขาไม่เคย เรื่องธุรกิจเองก็เช่นกัน
“แกอย่ามันมั่นใจไปนะฮัสลาน บาซิมมันลูกไม้แพรวพราวจะตายไป ยังไงแกก็ควรจะระวังมันไว้บ้าง” จาซุสพูดบอกไปแบบเป็นห่วงเพื่อนหนุ่ม
“เฮ้อ….ไอ้นี่มันก็บ้านะ มันจะโรคจิตอะไรขนาดนั้นวะ แกทำอะไรมันก็จ้องจะจองล้างจองผลาญแกไปซะทุกอย่าง ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆว่ามันจะเอาชนะแกไปทำไมวะ” ราชิดเอ่ยถามออกไปแบบไม่เข้าใจจริงๆว่าบาซิมจะทำแบบนั้นทำไม
“ก็มันครอบครัวมันเป็นศัตรูกับครอบครัวฉัน พ่อแม่มันก็คงจะสั่งสอนมาให้เอาชนะฉันนั่นแหละ ตั้งแต่เด็กจนโตมันก็เป็นแบบนี้ ในชีวิตนี้มันคงจะมีเรื่องเดียวนั่นแหละที่เอาชนะฉันไปได้” ฮัสลานพูดบอกไปก็ทำหน้าบึ้งออกมา เพราะเรื่องเดียวที่บาซิมเอาชนะเขาได้นั่นก็คือเรื่องฟาติมา ผู้หญิงที่ครอบครัวเขาหมายตาจะเอามาเป็นภรรยาของเขา
“หึ เรื่องฟาติมาน่ะเหรอ ทุกวันนี้มันยังภูมิใจไม่หายเลยล่ะมั้ง มันจะรู้ไหมว่าแกน่ะไม่ได้สนใจหรือพิศวาทอะไรเมียมันเลย คนที่สนใจคือพ่อแม่ของแกนู้น ฮ่าๆ ” จาซุสพูดบอกไปแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ
“ช่างมันเถอะ ปล่อยให้มันคิดเองเออเองแบบนั้นต่อไปเถอะ แล้วนี่…” ฮัสลานพูดตอบไปก่อนจะเข้าเรื่องเพื่อถามหาผู้หญิงไทยคนเมื่อกี้แบบเนียนๆ แต่ดันมีคนมาขัดจังหวะเข้าซะก่อน
“ขออนุญาตค่ะ คุณจาซุส เดี๋ยวคุณจะแข่งแล้วคุณทานอาหารหน่อยนะคะ ตั้งแต่เช้าคุณทานไปแค่กาแฟเองนะคะ” กวินตาเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารแล้วเอ่ยพูดออกไปด้วยรอยยิ้มอย่างเอาใจจาซุส จนจาซุสนั้นหันมาให้เธออย่างอ่อนโยน
“มีผลไม้ค่ะ มีนเอามาให้ด้วยเผื่อคุณจาซุสไม่อิ่ม…” มารียาพูดเสริมออกไปด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างน่ารัก พร้อมกับเมินสายตาไม่สนใจหนุ่มแขกอีกสองคนที่ยืนอยู่กับจาซุสเลยสักนิด จนจาซุสนั้นยิ้มอย่างเอ็นดูเด็กสาว
ต่างจากฮัสลานที่หันไปมองเธอด้วยสีหน้ามึนตึงเมื่อเธอนั้นเอาอาหารมาเอาอกเอาใจเพื่อนของเขา นี่อย่าบอกนะว่าเธอและผู้หญิงอีกคนเป็นผู้หญิงของเพื่อนเขาน่ะ ฮัสลานคิดในใจไปอย่างอดไม่ได้
“ขอบคุณนะ เอาไปวางตรงนั้นก็ได้เดี๋ยวผมคุยกับเพื่อนแล้วจะไปทาน” จาซุสบอกไปด้วยเสียงอ่อนโยน จนราชิดและฮัสลานหันมามองเพื่อนหนุ่มอย่างแปลกใจ เพราะปกติเพื่อนหนุ่มไม่ได้เป็นคนพูดจาอ่อนโยนแบบนี้เลย
กวินตาก็พยักหน้าเข้าใจแล้วเดินไปทางโต๊ะอาหารโดยมีมารียาตามไปด้วย แล้วสองสาวก็เอาอาหารและผลไม้ที่ยกมือนั้นไปจัดวางบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย
“ฉันชักจะอิจฉาแกแล้วนะจาซุส สาวๆดูแลไม่ห่างเลยนะโว้ย สงสัยว่าฉันต้องเลี้ยงไว้สักคนสองคนแบบแกซะแล้ว…” ราชิดพูดแซวออกไปแล้วทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มออกมา
“งั้นแกก็หาให้ดีก็แล้วกัน เพราะคนปากหมาแบบแกต้องหาคนดีๆยากแน่นอนว่ะ…ฉันไปทานข้าวก่อนนะโว้ย…” จาซุสพูดตอบไปแบบกวนๆก็ตบไหล่เพื่อนหนุ่มแล้วเดินไปทางโต๊ะอาหารทันที ทำให้ราชิดมองตามมันแบบหมั่นไส้เลยทีเดียว
“ไอ้นี่ พอมีผู้หญิงหน่อยล่ะกัดเพื่อนเชียวนะ” ราชิดพูดบอกไปแล้วมองตามเพื่อนหนุ่มไปแบบค้อนๆ เพราะเขาแซวอะไรไปมันก็ตอกกลับมาแบบจุกๆทุกทีเลย
“ฉันพึ่งรู้นะว่าตอนนี้มันเลี้ยงผู้หญิงเอาไว้ด้วย…” ฮัสลานพูดออกไปแล้วมองตามเพื่อนหนุ่มไปด้วยความอิจฉา เพราะเขาคงสายไปแล้วหนึ่งก้าวกับผู้หญิงคนนั้น
“ฉันก็พึ่งรู้เมื่อกี้เหมือนกันว่ะ คราวก่อนคิดว่ามันจะแค่ควงมาเล่นๆ ที่ไหนได้มันแอบเลี้ยงเอาไว้ที่บ้านมานานแล้ว แล้วแกดูสิ สวยน่ารักเอาใจเก่งแบบนี้ ฉันล่ะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจาซุสมันถึงหลงเขาน่ะ แกก็อย่าไปแซวเรื่องผู้หญิงของมันแรงๆล่ะ เดี๋ยวจะโดนมันกัดแบบฉัน” ราชิดพูดบอกไปแบบไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย แต่มันก็ทำให้ฮัสลานคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงของเพื่อนหนุ่มแล้วจริงๆ
ฮัสลานได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองที่เพื่อนหนุ่มและสองสาวแบบจดจ้อง นี่เพื่อนเขามันโชคดีได้แต่ผู้หญิงสวยๆไปหรือไง มันไปหามาจากไหนกัน ฮัสลานคิดในใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะถอนหารใจแล้วเดินไปนั่งคุยกับราชิด
ด้านมารียาที่นั่งทานอาหารอยู่กับพี่สาวและจาซุสนั้นก็รู้สึกเหมือนว่ามีสายตาของใครบางคนมองเธออยู่ตลอดเวลา เธอจึงแลสายตาไปมองก็เจอสายตาของหนุ่มแขกที่เธอเกือบชนหน้าประตูเมื่อกี้มองเธออยู่ จนเธอรีบหลบสายตาหันกลับมาแบบประหม่า ว่าเขาจะมองเธอทำไมกัน
“เป็นอะไรหรือเปล่ามีน…ทำไมไม่ทานล่ะ” กวินตาเอ่ยถามน้องสาวของเธอออกไป เพราะเห็นน้องสาวไม่ได้ทานอะไร
“อ่อ เปล่าค่ะ..มีนว่ามีนไปเดินเล่นแถมนี้ดีกว่าค่ะ พี่กวางกับคุณจาซุสทานให้อร่อยนะคะ เดี๋ยวมีนมา…” มารียาพูดบอกไปก็ยิ้มให้พี่สาวไป เพราะเธอจะบอกยังไงว่าเพื่อนของคุณจาซุสเขามองเธออยู่น่ะ เธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินเลี่ยงออกมาทันที
“ปล่อยน้องสาวคุณไปเดินเล่นเถอะ เดี๋ยวเขาก็มา เรามาทานอาหารกันดีกว่า มา ป้อนผลไม้ผมหน่อยสิ…” จาซุสพูดบอกไปก็ยิ้มทะเล้นออกมาอย่างอ้อน
“ค่ะ…” กวินตาพูดไปก็เอาผลไม้ป้อนให้จาซุสทานอย่างชอบใจ ทำให้ฮัสลานที่มองอยู่นั้นถึงกับทำหน้าสงสัยทันทีว่าเธออกไปไหน ทั้งๆที่เธอควรจะช่วยผู้หญิงอีกคนนั้นดูแลเพื่อนของเขาสิ
“ผู้หญิงของจาซุสออกไปไหนอีกวะนั่น” ฮัสลานแกล้งพูดออกไปเพื่อให้เพื่อนหนุ่มอย่างราชิดนั้นหันไปมอง
“คนนี้ใช่ผู้หญิงของจาซุสมันที่ไหนวะ นั่นมันน้องสาวของผู้หญิงของมันต่างหาก ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น แต่มันด่าฉันซะหน้าหงายเลย ทำไมวะ ฉันเห็นแกมองไปทางเขาเมื่อกี้ อย่าบอกนะว่าแกสนใจผู้หญิงคนนี้น่ะ” ราชิดพูดบอกไปแบบกระจ่างๆให้เพื่อนเข้าใจ ก่อนจะแอบถามด้วยสีหน้าและรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ด้านฮัสลานพอได้ยินว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงของเพื่อนหนุ่มก็แอบยิ้มมุมปากอย่างดีใจ
“เปล่า..ที่ฉันมองก็เพราะว่าฉันจำได้ว่าฉันเคยเจอเขาตอนที่ไปไทยคราวก่อนต่างหาก ฉันลืมกระเป๋าไว้บนรถแท็กซี่แล้วเขาเป็นคนเอามาคืนให้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะจำฉันไม่ได้” ฮัสลานพูดบอกไปเพราะเขาจำเธอได้ตั้งแต่แรกเห็นเลย แต่เธอกลับทำเหมือนไม่เคยเจอเขามาก่อนอย่างนั้นแหละ
“ฮ่าๆ มีด้วยเหรอวะคนที่เคยเจอแกแล้วจำไม่ได้น่ะ หน้าตาของแกก็ไม่ได้ธรรมดาขนาดที่ไม่เป็นที่เตะตาของสาวๆนะโว้ย…หรือว่าแกไม่ใช่สเปคของเขา เขาก็เลยไม่ได้สนใจจะจำน่ะ แต่ดูเหมือนว่าแกจะจำเขาได้แม่นเลยนะ” ราชิดพูดบอกไปด้วยรอยยิ้มขำๆ เมื่อเจอคนเมินเพื่อนของเขาเข้า
“แกไม่ต้องมาจับผิดฉัน ฉันแค่จำคนที่มีน้ำใจให้ฉันมันผิดตรงไหนวะ คุยกับแกแล้วน่าเบื่อว่ะ ฉันไปเชครถที่จะแข่งข้างนอก” ฮัสลานพูดบอกไปก็ลุกเดินออกไปทันที ทำให้ราชิดนั้นมองตามแล้วยิ้มออกมา
พอออกมาด้านนอกแล้วฮัสลานก็มองหาผู้หญิงคนนั้นทันที แต่ด้วยความที่คนเยอะทำให้เขานั้นต้องใช้สายตาสอดส่องหาเธออยู่นานทีเดียว ก่อนจะเห็นเธอไปยืนถ่ายรูปอยู่อูฐอย่างเพลิดเพลิน ทำให้เขามองแล้วก็ยิ้มกับความน่ารักของเธอ
“อยากจะขี่ไหมคุณ” ฮัสลานเดินเข้าไปยืนด้านหลังเธอแล้วเอ่ยพูดออกไปแบบนิ่งๆ ทำให้มารียาหันมามองทันทีเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆด้านหลัง
“คุณ…อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่จะถ่ายรูปเฉยๆ ไม่ได้อยากจะขี่มันหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ” มารียาพูดบอกไปแล้วมองเขาแบบนิ่งๆ เพราะก่อนหน้านี้เธอพูดด้วยแล้วยังทำหยิ่งใส่เธออยู่เลย ทำไมอยู่ๆถึงเข้ามาคุยกับเธอได้
“ผมฮัสลาน เป็นเพื่อนของจาซุส” ฮัสลานเห็นเธอตอบมาแบบนั้นก็แนะนำตัวเขาไปทันที เผื่อเธอจะเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง
“ค่ะ…ฉันมารียาค่ะ เรียกง่ายๆว่ามีนก็ได้ค่ะ…ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” มารียาพูดตอบไปก็จะเดินเลี่ยงออกไป เพราะเธอไม่อยากจะพูดคุยอะไรกับเขาเลย ถึงเขาจะหล่อปานไหนก็เถอะ แต่เมื่อกี้ใครบอกให้เขาหยิ่งไม่ตอบเธอเองล่ะ มาตอนนี้เธอไม่ได้อยากจะเสวนาด้วยแล้ว
“เดี๋ยวสิ ผมมาขอบคุณคุณที่ช่วยเอากระเป๋ามาคืนตอนที่เราเจอกันที่สนามบินด้วย” ฮัสลานพูดบอกไปเพราะเขาอยากจะผูกมิตรกับเธอไว้ จึงใช้เรื่องที่เจอกันตอนนั้นมาแอบอ้างตีสนิทเธอ
“เอากระเป๋าคืนที่สนามบินเหรอคะ อ่อ…นี่คุณคือฝรั่งคนนั้นเหรอคะ ขอโทษนะคะที่ฉันจำคุณไม่ได้” มารียานึกไปก็ทำตาโตออกมาอย่างนึกได้ว่าเธอเคยช่วยเอากระเป๋าไปคืนฝรั่งที่สยามบินเมื่อเดือนก่อน เธอไม่คิดเลยว่าจะมาเจอเขาอีก นี่เธอสมองเสื่อมหรือไงนะถึงไม่จำคนหน้าหล่อแบบนี้น่ะ
“ไม่เป็นไร ผมคงหน้าตาไม่ได้โดดเด่นจนทำให้คุณจำได้ ส่วนเรื่องที่ผมเสียมารยาทกับคุณเมื่อกี้ต้องขอโทษด้วย” ฮัสลานพูดบอกไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะโน้มหัวลงเป็นการขอโทษเธอด้วยใจจริง เพราะเขาไม่ได้มีเจตนาจะเมินเธอ
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ถือว่าเราหายกันก็แล้วกันนะคะคุณฮัสลาน ว่าแต่คุณออกมาข้างนอกนี่ทำไมเหรอคะ” มารียาพูดบอกไปก็ยิ้มให้เขาทันที เพราะอย่างน้อยเขาก็ขอโทษเธอก็ให้อภัยแค่นี้ก็จบ ยิ่งเขาเป็นเพื่อนกับคุณจาซุสแล้วด้วยเธอก็ต้องยิ่งเป็นมิตรกับเขาเข้าไว้
“ผมจะไปเชครถที่จะแข่งน่ะ พอเห็นคุณก็เลยเข้ามาคุยด้วยสักหน่อย ผมไม่อยากจะให้คุณคิดว่าผมเป็นคนหยิ่งหรือคนที่เสียมารยาทน่ะ หึๆ” ฮัสลานพูดบอกด้วยรอยยิ้มมุมปากแบบหล่อ จนมารียามองแล้วก็ทำหน้ายิ้มประหม่าเลยทันที
“คุณพระ รอยยิ้มแบบนี้มันรอยยิ้มพิฆาตชัดๆเลยนะเนี่ย” มารียาคิดในใจแล้วก็ฉีกยิ้มตอบเขาไปเพราะไม่คิดว่าพออยู่ใกล้เขาแล้วเจอรอยยิ้มแบบนี้แล้วมันจะทำให้เธอรู้สึกใจเต้นรัวแบบนี้เลย
“อย่างน้อยตอนนี้คุณก็คุยกับฉันแล้วนิคะ ฉันจะคิดแบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ ” มารียาตอบไปแล้วก็มองเขาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับคิดในใจว่าที่เขาข้ามาคุยกับเธอแบบนี้ คงไม่ใช่ว่าเขาสนใจในตัวเธอหรอกนะ หรือว่าเขาจะแค่เข้ามาขอบคุณเรื่องวันนั้นเฉยๆกันแน่
“งั้นผมขอไถ่โทษคุณด้วยการพาคุณขี่อูฐนี่ละกัน…พรึบ…” ฮัสลานพูดบอกไปก็เข้าไปเอามือจับที่เอวเธอแล้วอุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนอูฐตัวนี้อย่างรวดรวดเพราะอูฐมันกำลังนั่งอยู่จึงไม่ได้สูงเท่าไหร่
“ว้าย…คุณไม่เอาฉันกลัว…คุณฮัสลาน….” มารียาที่ถูกฮัสลานอุ้มนั้นก็โอบกอดเขาอย่างกลัวๆจนเธอรู้ได้ว่าก้นของเธอมันนั่งอยู่บนหลังอูฐแล้วตอนนี้
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวผมจะขึ้นไปนั่งด้วย…” ฮัสลานที่ถูกเธอโอบกอดนั้นก็อมยิ้มออกมา แล้วเขาก็สูดดมกลิ่นหอมๆจากตัวเธออย่างชอบใจ เพราะมันอ่อนละมุนราวมาก
มารียาก็เงยหน้าหันไปมองแล้วก็ค่อยๆเอามือที่โอบกอดเขาไปจับที่ยึดตรงหลังอูฐซึ่งมันมีไว้สำหรับคนที่นั่งมัน แต่ด้วยความที่ไม่เคยขึ้นมาก่อนมันจึงทำให้เธอนั้นมือสั่นเลยทีเดียว
“จับตรงนี้ไว้นะคุณ…พรึบ…ผมขึ้นมานั่งด้วยแบบนี้คุณรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้างหรือยัง” ฮัสลานเอามือของเขาไปจับมือของเธอไว้จับที่เกาะไว้ แล้วเขาก็มองสบตากับเธอแบบอ่อยๆ ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนหลังอูฐถัดจากที่นั่งของเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่เกาะด้านหน้า ทำให้ตอนนี้เข้ากำลังโอบกอดเธอไว้อย่างเนียนๆ
“ค่ะ…” มารียาตอบไปสั้นๆเพราะตอนนี้จะให้เธอพูดอะไรล่ะ ก็เขาเล่นใกล้ชิดเธอจนเธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวแล้ว แค่นั่งอูฐด้วยกันแค่นี้มันจำเป็นต้องใกล้ชิดกันขนาดนี้ไหมเนี่ย
“งั้นผมจะลองพาคุณขี่เล่นแถวนี้ละกัน ไม่ต้องกลัวนะ มีผมอยู่คุณปลอดภัยแน่นอน” ฮัสลานพูดบอกไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอามือเอื้อมไปดึงสายแล้วกระตุกเพื่อสั่งให้อูฐนั้นลุกขึ้น แล้วตัวเขาและมารียาก็โยกโอนแบบโครงเคลงไปหน้าไปหลังจากการลุกของอูฐทันที
“ว้าย…” มารียาร้องไปแบบกลัวๆพร้อมกับร่างกายของเธอนั้นเอนตัวไปอิงซบเขาอย่างไม่รู้ตัว แต่ที่แน่ๆตอนนี้เธอจับเกาะนี้ไว้มั่นเลยเพราะกลัวตก พออูฐยืนจนนิ่งแล้วเธอก็ลืมตาขึ้นมามองแบบโล่งใจ
“หึ เห็นไหมว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย ขี่อูฐยังกลัวแล้วขี่อย่างอื่นนี่คุณกลัวไหมหึ” ฮัสลานเอ่ยถามเธอออกไปแบบกำกวมด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะค่อยๆให้อูฐเดินไปตามแนวพร้อมกับคนคุมอูฐที่จูงนำไป
“อย่างอื่นที่คุณพูดนี่หมายถึงขี่อะไรเหรอคะ” มารียาที่ไม่ทันมุกของเขาก็เอ่ยถามกลับด้วยสีหน้างงๆ พร้อมกับคิดประมวณคำถามของเขา ก่อนจะคิดว่าเธอจะต้องกลัวขี่อะไรอีก
“ฮ่าๆ ผมก็หมายถึงขี่ม้าอะไรพวกนี้ไงคุณ ทำไม คุณคิดอะไรงั้นเหรอ…” ฮัสลานตอบไปก็หัวเราะขำออกมาอย่างชอบใจในความใสซื่อของเธอที่ไม่เข้าใจในมุกของเขา สงสัยว่าเธอจะไม่ได้คิดลามกในหัวแบบที่เขาคิดแน่ๆ
“เปล่าค่ะ ฉันก็แค่งงกับคำถามของคุณน่ะค่ะ ขี่ม้าฉันก็กลัวค่ะ ฉันยังไม่เคยขี่ม้ามาก่อน” มารียาพูดบอกไปตามตรง เพราะที่นี่ไม่ได้เหมือนประเทศไทยที่จะขี่อูฐขี่ม้าเป็นน่ะ
“ไว้วันหลังผมจะพาคุณไปขี่ม้าละกัน รับรองเลยว่าถ้าผมสอนคุณขี่ล่ะก็ คุณจะต้องขี่เก่งแน่นอน หึๆ” ฮัสลานพูดบอกไปด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาจะสอนเธอขี่อย่างอื่นจนช่ำชองเลยล่ะ
“อ่อค่ะ…” มารียาได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตะขิตตะขวางใจกับคำพูดของเขา เพราะไม่รู้ว่าเขาหมายถึงขี่ม้าหรือขี่อะไรกันแน่ เฮ้อ ทำไมเขาต้องพูดให้เธอคิดลามกในหัวด้วยเนี่ย
“นายครับ ได้เวลาเตรียมลงแข่งแล้วครับ” อาลีเดินมาตามเจ้านายของเขา เพราะตอนนี้ใกล้เวลาที่จะลงแข่งแล้ว แต่เจ้านายของเขากลับมาพาสาวขี่อูฐนี่สิ มันใช่เวลาไหมเนี่ย…
“อืม…เข้าใจแล้ว…วันนี้ผมคงพาคุณขี่อูฐได้เท่านี้นะ ผมมีแข่งรถต่อ” ฮัสลานพูดบอกไปก็พยักหน้าสั่งให้คนคุมอูฐนั้นสั่งให้อูฐนั้งลง
“ค่ะ ว้ายคุณ…” มารียาตอบไปก็ร้องว้ายออกมาแล้วก็หันตัวไปกอดเขาแบบไม่ตั้งใจอีกครั้ง ก่อนจะรีบผละมือออกจากตัวเขาเมื่อตั้งสติได้ เธอก็มองเขาลงจากอูฐไปแล้วเขาก็ส่งมือมารับเธอ
“ขอบคุณค่ะคุณฮัสลาน…พรึบ…” มารียาจับมือเขาแล้วก็ค่อยๆลงมาจากอูฐ และเธอก็เซจนล้มใส่อกของเขาจนเขานั้นโอบกอดเธอไว้อีกครั้งพร้อมกับใบหน้าที่ห่างกันเพียงแค่น้อยนิด มันก็ทำให้เธอนั้นมองสบตากับเขาแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างเกร็งๆ
“ขอโทษค่ะ ฉันนี่ซุ่มซ่ามจริงๆเลย” มารียาพูดบอกไปแล้วมองหน้าเขาระยะประชิดอย่างทำตัวไม่ถกเลย ทำไมวันนี้เธอต้องใกล้ชิดเข้าครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ด้วยนะ หน้าขายหน้าจริงๆเลย
“ไม่เป็นไร ผมว่ามันก็ดูน่ารักดีกับความซุ่มซ่ามของคุณ….หึๆ” ฮัสลานพูดบอกไปด้วยรอยยิ้มเพราะความซุ่มซ่ามของเธอมันน่ารักมาก
“น่ารักตรงไหนคะเนี่ย” มารียาทำหน้ายิ้มแห้งๆออกไป เพราะความซุ่มซ่ามของเธอไม่เห็นมันจะน่ารักตรงไหนเลย เอะอะก็กอดเขาเนี่ยนะ
“ผมก็มองว่ามันน่ารักอยู่ดี…ตอนนี้ผมต้องไปแล้ว ยังไงผมฝากคุณเชียร์ผมด้วยนะ…” ฮัสลานพูดบอกไปก็ขยิบตาใส่เธอแบบอ่อยๆ ก่อนจะยิ้มแล้วเดินออกไปพร้อมกับอาลีลูกน้องของเขา
“คุณพระ…ถึงกับขยิบตาใส่เลยเหรอ ว่านเสน่ห์เก่งใช่ย่อยเลยนะเนี่ย…” มารียาพูดออกไปแล้วเอามือทาบหน้าอกอย่างใจสั่น เพราะไม่คิดว่าหนุ่มแขกเขาจะรุกแรงแบบนี้ ใช่ๆแน่ๆ ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าเขาต้องสนใจเธอแน่ๆ