หญิงสาวพยุงร่างกายบอบช้ำของตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะกลับบ้านเพราะเธอทนอยู่ที่นี่ไม่ไหว
"ฮรึก ฮือ" หญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำด้วยความเสียใจในใจหวนคิดถึงอดีตที่แสนหวานของเธอและเขา
เธอเป็นคนที่บอกความรู้สึกกับเขาก่อนซึ่งวันนั้นเขาเองก็ยอมเปิดใจให้เธอจนทั้งคู่คบกันมาได้ถึงสองปี
หญิงสาวเก็บตัวอยู่ในห้องโดยที่ไม่พูดอะไรกับใครแต่วันนี้เธอจะออกไปหาบิดาของเธอเพื่อถามให้แน่ใจว่าเรื่องมันคืออะไรทำไมอดีตคนรักของเธอถึงบอกเธอมาแบบนั้น
หญิงสาวเดินเข้ามาในบริษัทใหญ่ในเครือของตระกูลอย่างหน้าตั้งเพราะเธออยากจะเคลียร์เรื่องนี้กับบิดา
"แด๊ดหล่ะ" เธอถามลูกน้องของบิดาเสียงเรียบนิ่งจนชายฉกรรจ์ขนลุกกับน้ำเสียงที่แปลกไปของคุณหนูของบ้าน
"นายใหญ่อยู่ในห้องทำงานกันคุณฟีน่าครับ" หญิงสาวไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินเข้าไปอย่างถือวิสาสะ
แกร๊ก!!!
"ฮึก แด๊ด ฮือ" เธอเดินเข้ามากอดบิดาร้องไห้โฮโดยที่มาเฟียใหญ่บิดาของเธอโอบกอดเธอเอาไว้
"เป็นอะไร ใครทำอะไรหนู!?" ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามซึ่งเธอก็ไม่ได้ตอบอะไรเพราะร้องไห้อยู่
"ฮืออ ไม่จริงใช่มั้ยคะ แด๊ดไม่ได้ฆ่าใครเพื่ออยากได้ที่ดินเขาใช่มั้ย บอกหนูที ฮรึก" ทันทีที่เธอเอ่ยขึ้นบิดาของเธอก็เริ่มทำตัวไม่ถูกและยังหันไปมองห้องนอนของตัวเองเธอคิดว่าฟีน่าเพื่อนสนิทของเธอคงอยู่ในนั้น
"ไปคุยที่ห้องประชุม" บิดาของเธอรีบจูงมือเธอเดินห้องประชุมอย่างเร่งรีบด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
"หนูไปเอามาจากไหน ใครบอกอะไร บอกแด๊ดมา!!?" มาเฟียใหญ่บิดาของเธอเอ่ยถามเธอเสียงร้อนรนจนเธอร้องไห้หนักกว่าเดิมเพราะอาการของบิดาเธอในตอนนี้มันเหมือนกลับว่ายอมรับความจริงทางอ้อม
"ไม่มีใครบอกหนูหรอกค่ะ เขาเกลียดหนูไปแล้ว ฮือ จริงใช่มั้ยคะบอกหนูสิ" เธอเองก็เอาแต่ร้องไห้จนตัวโยนเอาแต่บอกว่าแฟนหนุ่มของเธอเกลียดเธอเเล้วๆ
"ใช่..ปู่ของฟีน่าตายเพราะแด๊ดเอง" ทันทีที่บิดายอมรับเธอถึงกับทรุดตัวลงพื้นอย่างหมดแรงร้องไห้ปานจะขาดใจจนผู้เป็นบิดาต้องรีบเข้ามาสวมกอดเธอ
"ฮรึก ฮือ แด๊ดทำทำไม ฮือ เขาเกลียดหนูแล้ว ฮือ เขาบอกเลิกหนูแล้ว ฮือ" ยิ่งเธอร้องไห้มากเท่าไหร่ผู้เป็นบิดาก็กอดเธอแรงขึ้นมากกว่าเดิม
"อย่าเพิ่งให้ฟีน่ารู้ได้มั้ย แด๊ดอยากสืบด้วยตัวเองว่าแด๊ดไม่ผิด ทำเพื่อน้องที่จะเกิดมาได้ไหมลูก" เธอมองหน้าบิดาทั้งน้ำตาก่อนจะเอ่ยถามเมื่อได้ยินคำว่าน้องจากปากบิดาอย่างสงสัยในคำพูด
"ฟะ ฟีน่าท้องหรอ ฮรึก" พูดถึงตรงนี้เธอยิ่งอยากร้องไห้เพราะเด็กในท้องไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
"รอแด๊ดนะแล้วแด๊ดจะหาหลักฐานทุกอย่าง เชื่อแด๊ดนะ" ผู้เป็นบิดาเอ่ยบอกเธอเสียงเข้มจนเธอยอมอ่อนลง
"ฮรึก จะจริงหรอคะ แด๊ดแน่ใจใช่มั้ย ฮือ" ยิ่งพูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอก็ยังมีหวังว่าคนรักของเธอจะกลับมารักเธออีกครั้ง
"แด๊ดไม่ได้พูดเพื่อให้ความหวังหนูจริงๆ ใช่มั้ย" เธอมองหน้าบิดาทั้งน้ำตา
"ครับเด็กดีกลับบ้านก่อนนะอย่าร้องเดี๋ยวไม่สวย" รู้สึกปวดใจไม่น้อยที่ทำให้ลูกสาวร้องไห้มากขนาดนี้
หญิงสาวเดินออกมาจากบริษัทอย่างเหม่อลอยก่อนจะขึ้นรถขับตรงออกมาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
"คิดจริงๆ หรอว่าฉันจะรักผู้หญิงที่เป็นลูกสาวฆาตกรที่พรากคนที่ฉันรักที่สุดในชีวิตไป!"
"ผู้หญิงอย่างเธอมันก็คงเลวไม่ต่างจากพี่ชายนักหรอก คิดจริงๆ หรอว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับน้องสาวผู้ชายเลวระยำอย่างมัน!!"
"ฮือ ฉันทำอะไรผิดนักหนา ทำไมไม่ให้ฉันมีความรักมีความสุขกับคนที่ฉันรักบ้าง ฮรึก" หญิงสาวนั่งสะอึกสะอื้นไห้โดยไม่อาบสายตาใครที่มองมา
ฝนตกโปรยปรายลงมาซึ่งเธอก็ไม่ได้หลบฝน เธอนั่งร้องไห้กลางสายฝนโดยไม่รู้สึกหนาวเหน็บเพราะจิตใจของเธอในตอนนี้มันเจ็บปวดยิ่งกว่าจะรู้สึกอะไรได้อีก
ตึก ตึก ตึก
จู่ๆ ก็มีปลายเท้าหนาตรงเข้ามาหยุดที่ตรงหน้าของเธอโดยที่เธอก็เงยหน้ามองขึ้นช้าๆ และพอมองชัดๆ เธอยิ้มทั้งน้ำตามองหน้าผู้ชายที่เธอคุ้นเคยยืนกางร่มให้เธออยู่นั่นเอง
"ไม่หนาวหรอครับ เดี๋ยวก็เป็นไข้เอาหรอก" น้ำเสียงอบอุ่นของผู้ชายที่เคยเป็นคนติวหนังสือให้เธอในช่วงเริ่มเรียนมหาลัย
"พะพี่เจย์ ฮรึก หนูไม่ไหวเลย ฮือ" เธอโผล่เข้าสวมกอดเจย์เดนผู้ชายที่เป็นเซฟโซนสำหรับเธอมาตลอด
"เป็นอะไร หื้ม" ชายหนุ่มกอดปลอบเธอโดยไม่กลัวว่าตัวเองจะเปียกไปด้วยซักนิด
"ฮือ ไม่มีใครรักหนูเลย ทุกคนเกลียดหนู หนูมันน่ารังเกียจใช่มั้ยคะ หนูไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว หนูไม่ไหวเลย ฮรึก" เธอสะอื้นไห้ในอ้อมกอดของเจย์เดนเพราะเขาอีกคนเดียวที่คอยรับฟังคอยอยู่ข้างๆ เธอมาโดยตลอด
"ไปเถอะครับ อยากระบายกับพี่หรือเปล่า หื้ม" ชายหนุ่มประคองเธอขึ้นมานั่งบนรถก่อนจะยื่นมือไปเอาชุดสูทมาคุมให้เธอ
"พี่จะลงไปรอข้างนอกหนูเป็นชุดเถอะจะได้ไม่ป่วย" เขาเดินลงจากยืนหันหลังให้เธอเพื่อเปลี่ยนชุดที่เขาชอบซื้อเสื้อยืดเอาไว้เวลาฉุกเฉิน
หญิงสาวเปลี่ยนชุดไม่นานเธอก็เคาะประตูรถเรียกเขาเข้ามาเพราะอากาศข้างนอกมันหนาวเพราะฝนตกหนักแถมยังฟ้าร้องอีกด้วย
"ขอบคุณนะคะที่อยู่กับหนูในเวลาแย่ๆ เวลาที่หนูไม่สบายใจ" เธอพูดเสียงแผ่วเบา
"เป็นอะไรหรือเปล่า บอกพี่ได้นะพี่ยินดีรับฟัง" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนโยนจนเธอยอมเล่าออกมานิดเดียวแต่ไม่ทั้งหมด
"ถ้าเขารักเราเขาจะยอมฟังทุกอย่าง ยอมฟังเหตุผลของเราและเขาก็จะมีความเชื่อใจในตัวเราไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่" เขาพูดแค่นี้หวังว่าเธอจะเข้าใจ
".."
"ถ้าหากพี่เป็นเขาพี่จะฟังเหตุผลของเธอพี่จะเชื่อในคนรักของพี่และพี่จะต้องแน่ใจก่อนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียคนที่รักไป"