“คุณแม่ คุณพ่อสวัสดีค่ะ” เพียงขวัญเอ่ยทักทายคุณหญิงปิ่นและคุณธาราที่มีศักดิ์เป็นปู่ย่าแท้ๆ ของลูกเธอด้วยท่าทางนอบน้อมและเคารพ
ธาราพยักหน้าให้เธอเช่นเคยเพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดอะไรมากเท่าไหร่
“เป็นไงเดินทางมาเหนื่อยไหมลูก” ปิ่นเดินมาลูบหัวเพียงขวัญด้วยความเอ็นดู
“ไม่เหนื่อยค่ะ วอมไม่ได้งอแงเท่าไหร่” เธอส่งยิ้มให้เจ้าของคำถามแล้วเอ่ยตอบเขาไป
“ดีแล้วล่ะ แล้วหนูจะอยู่ที่นี่ถาวรเลยใช่ไหม”
“ค่ะ ไม่กี่วันก็จะพาวอมไปสมัครเรียนที่นี่ค่ะ” เธอกะว่าคงหมดเวลาหนีแล้ว เธอไม่อยากที่จะหนีความจริงไปตลอดชีวิตแต่ถ้าเลือกได้เธอก็ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเขาคนนั้นในเวลานี้เช่นกัน
“ให้หลานเรียนโรงเรียนของแม่นะหนูขวัญ แม่เป็นห่วงหลาน”
“เอ่อ...ได้ค่ะคุณแม่” เธออึกอักออกไปแต่ก็ปฏิเสธอะไรปิ่นไม่ได้ยังไงเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าของลูกเธอทุกอย่างล้วนแต่เป็นความหวังดีทั้งสิ้นคงจะกล่าวปฏิเสธได้ยาก
“แม่ขอหลานไปนอนกอดสักคืนได้ไหม คิดถึงมาก” เธอหันไปยิ้มให้หลานที่กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่อีกมุม
“หนูแล้วแต่ลูกเลยค่ะ วอมมาหาแม่หน่อยครับ”
“ค้าบแม่” เด็กชายวิ่งมาหาแม่ของเขาโดยที่มีของเล่นอยู่เต็มมือทั้งสองข้าง
“ไปบ้านย่าไหมครับ บ้านย่ามีของเล่นให้หนูเล่นเต็มเลย” ปิ่นหลอกล่อหลานเต็มที่ เด็กชายจึงหันไปหาแม่ของเขาเพื่อขออนุญาตก่อนที่จะตอบอะไรไป
“ถ้าหนูอยากไปแม่ก็อนุญาตครับ”
“ไปค้าบ วอมอยากไปเล่นของเล่น” เสียงเจื้อยแจ้วรีบตอบทันที
“แต่หนูต้องห้ามซนกับคุณย่าเข้าใจไหม”
“เข้าใจค้าบ”
“พี่จันพาวอมไปเปลี่ยนชุดหน่อยค่ะแล้วเตรียมชุดไปสองสามชุดนะคะ” เธอหันไปบอกแม่บ้านตามด้วยเด็กชายที่เดินจับมือแม่บ้านขึ้นไปอย่างว่าง่าย
“เอ่อ...คุณแม่คะ” เธอเว้นจังหวะพูดแล้วหันไปมองปิ่น
“ตาวินไม่รู้หรอก รายนั้นไม่เคยกลับบ้านอยู่แล้ว หนูสบายใจได้” ปิ่นพูดออกไปเมื่อรับรู้ว่าเธอจะบอกอะไรที่เกี่ยวกับลูกชายของเขา
“ค่ะคุณแม่” เธอยิ้มสบายใจขึ้นมาเมื่อได้ฟังคำตอบของปิ่น
“พรุ่งนี้แม่ไปรับนะครับ เป็นเด็กดีนะ” เธอนั่งยองๆ แล้วลงไปคุยกับเด็กชาย
“ค้าบแม่ ฟอด” เด็กชายพูดจบแล้วหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่จากนั้นจึงเดินไปจูงมือย่าของเขาแล้วขึ้นรถตู้สีดำเงาออกไป ตามด้วยรถของการ์ดนำหน้าและตามหลังเสริมความปลอดภัย
เธอเดินไปนั่งที่โซฟาตัวเดิมพลางคิดถึงเรื่องของลูกและเธอที่ไม่รู้จะเป็นยังไงต่อและความกังวลก็เริ่มที่จะทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ
“ม๊าว่าหนูออกไปเจอเพื่อนไหมจะได้หายเครียด” แม่ของเธอเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของลูกจึงเอ่ยออกไป
“ค่ะม๊า” เธอกดเข้าไปในไลน์โทรศัพท์เครื่องเดิมที่มีทั้งแชทและสายกระหน่ำโทรเข้ามาจากเพื่อนของเธอ ตั้งแต่ไปอยู่ที่นู้นเธอก็ไม่เคยได้บอกอะไรเพื่อนเลย เธอปิดโทรศัพท์เงียบอยู่กับลูกและทำงานเท่านั้น
“พวกมึงกูกลับมาแล้วนะ”
“กรี๊ดอีขวัญ กลับมาแล้ว” เกรซรีบตอบเธอทันที
“ขวัญหายไปไหนมา มึงรู้ไหมว่าพวกกูเป็นห่วงมึงแค่ไหน ทำไมไม่รับสายเพื่อนเลยวะ” พะพายพูดตัดพ้อออกไปใส่เธอ
“พวกมึงใจเย็นๆ ไว้กูค่อยเล่าให้ฟัง พวกมึงว่างหรือเปล่า”
“ว่าง ไม่ทงไม่ทำงานมันแล้ว”
“งั้นเจอกันที่ห้างนะ”
เธอนัดแนะสถานที่กับเพื่อนแล้วขึ้นไปแต่งหน้าแต่งตัวใหม่แล้วขับรถของตัวเองออกไปตามสถานที่ห้างที่นัดไว้
“กรี๊ด อีขวัญ กูคิดถึงมึงสุดๆ” เกรซตะโกนโวยวายแล้วรีบวิ่งมากอดเธอกลางร้านอาหารของห้างหรู
“อีเกรซมึงเบาๆ หน่อยได้ไหมกูอายคน” เพียงขวัญพูดแล้วหันไปโค้งหัวให้โต๊ะข้างๆ เล็กน้อยแสดงความขอโทษแทนเพื่อน
“เล่ามาเลยค่ะ” พะพายรีบพูดออกไปทันที ท่ามกลางความอยากรู้ของทุกคนไม่แม้แต่น้ำฟ้าที่จ้องมองเธอนิ่ง
“กูก็ไปทำงานปกติอะ ไม่มีเวลาเลยไม่ค่อยได้ตอบแชทพวกมึง” เธอก้มหน้าลงแล้วเอ่ยตอบเพื่อนเพราะทนต่อสายตาคาดคั้นนั้นไม่ไหว
“พวกกูรู้หมดแล้วว่ามึงไปเพราะหนีพี่วิน”
“มึงกับพี่วินยังไงกันแน่”
“พี่วินให้พี่พร้อมมาถามฟ้าเรื่องขวัญทุกวันเลยนะ”
“มึงเล่ามาให้หมดเลย” พะพายกดเสียงต่ำกดดันเพื่อนสุดฤทธิ์
“เออเล่าก็ได้” เพียงขวัญจำใจตอบออกไปเพราะหลีกเลี่ยงคำถามของเพื่อนไม่ได้