ตอนที่ 2

2249 คำ
ตอนที่ 2 ฉันโยนผ้าปูที่นอนที่เอามาผูกรวมกับผ้าห่มเพื่อให้มันยาวพอที่จะใช้ปีนลงจากหน้าต่างห้อง ใช่แล้ว...ฉันจะหนีออกจากบ้าน! ฉันเกลียดการถูกบังคับและการมีบอดี้การ์ด ในเมื่อคุณพ่อคิดจะบังคับฉันในเรื่องนี้ ก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นหน้าฉันอีกต่อไปเลย!!! ตุ้บ! ฉันกระโดดลงสู่พื้นได้อย่างสวยงาม เอาล่ะ...ลงมาจากห้องได้ดีโดยที่ไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหามันหลังจากนี้ต่างหากล่ะ ก็บ้านฉันมีบอดี้การ์ดแน่นเอี๊ยดทุกตารางเมตรแบบนี้แล้วจะหนีออกไปทางไหนได้เล่า -*- ฉันนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเสี่ยงเดินไปทางหลังบ้าน แต่พอไปถึงก็พบบอดี้การ์ดมากมายยืนปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเคร่งครัด ฉันรีบถอยกรูดกลับไปตั้งหลักใหม่ที่กำแพงใหญ่ของบ้าน “ปวดฉี่เว้ย!” ฉันก้มหัวหลบหลังพุ่มไม้เมื่อเสียงชายชุดดำคนหนึ่งที่ยืนเฝ้ากำแพงตรงจุดที่ฉันอยู่พูดขึ้น เขากุมเป้าตัวเองแล้วทำสีหน้าเหยเก ไปสิไป! ไปเข้าห้องน้ำเลย ไปๆๆๆ “แค่แป๊บเดียว ไม่เป็นไรหรอกมั้ง” พูดจบเขาก็วิ่งหายลับไปทางตึกคนใช้ ฉันรีบใช้จังหวะนี้เหยียบกระถางต้นไม้ที่วางเรียงอยู่แล้วดันตัวเองขึ้นไปนั่งบนกำแพงอย่างรวดเร็ว ดีนะที่เชี่ยวชาญเพราะเมื่อก่อนฉันกับพี่ชายแอบปีนหนีคุณพ่อเที่ยวบ่อยๆ ฮ่าๆๆ ตุ้บ! ฉันกระโดดลงบนพื้นได้อย่างสวยงามอีกครั้งหนึ่ง หันซ้ายแลขวาไม่พบใครก็ติดสปีดวิ่งทันที นี่เพิ่งจะตีสองเอง กว่าจะมีคนรู้ว่าคุณหนูของบ้านได้หนีออกจากบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็คงจะสายๆ ของวันนี้ล่ะมั้ง “จอดด้วยค่ะ” ฉันโบกมือเรียกแท็กซี่ที่หน้าปากซอยซึ่งจอดเรียงกันอยู่เป็นแถว พวกแท็กซี่นี่เขาไม่กลับบ้านไปหลับไปนอนบ้างหรือไงนะ? “ไปไหนครับ” “สวนซินแบคค่ะ” ฉันเปิดประตูหลังขึ้นไปนั่งก่อนจะบอกสถานที่ที่ต้องการจะไป โชเฟอร์มองฉันด้วยสายตางงๆ “สวนซินแบคมันเป็นสวนส่วนตัวของตระกูล ‘ศิลาวาลัย’ นี่ครับ” “หนูนี่แหละค่ะ...คุณหนูของตระกูลศิลาวาลัย” ฉันเดินเข้ามาในสวนพร้อมดอกไม้นานาชนิดที่พี่ซินแบคชอบ สวนนี้เป็นสวนที่คุณพ่อสร้างขึ้นเพื่อพี่ซินแบคโดยเฉพาะ พี่ชายเป็นคนที่ชอบดอกไม้และต้นไม้มาก หลังจากที่พี่ชายจากไป คุณพ่อก็สร้างที่นี่ขึ้น เพื่อเป็นการไถ่โทษและระลึกถึงพี่ซินแบค “เซลมาเยี่ยมนะพี่ซิน” ฉันยิ้มพร้อมกับไล้นิ้วมือลูบไปที่กลีบของดอกลิลลี่ป่าที่พี่ซินแบคชอบ ผิวของกลีบดอกลิลลี่ป่านวลสวย สีขาวอ่อนๆ กระทบกับแสงไฟที่สาดส่อง มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลยล่ะ “เซลจะมาอยู่กับพี่นะ อยู่กับพ่อแล้วไม่สบายใจ ไม่อยากอยู่” ฉันพูดออกมาตามที่ใจคิด ก้มลงสูดกลิ่นหอมของดอกลิลลี่ป่าที่อยู่ในกระถางเป็นแนวยาว ฮ้า~ หอมสดชื่นจริงๆ เลย จากนั้นฉันก็นั่งเล่านู่นเล่านี่ คุยจิปาถะไปเรื่อยเปื่อยกับพี่ซินแบค ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่คุณพ่อคิดจะหาบอดี้การ์ดมาให้ฉัน ดอกลิลลี่ป่าช่างเป็นผู้ฟังที่ดีอะไรอย่างนี้นะ ไม่พูดแทรกฉันสักคำเลย ฮ่าๆๆ พี่ซินแบคก็ด้วย ไม่พูดแทรกฉันแม้แต่คำเดียวเหมือนกัน “บางที...ฉันก็อยากให้พี่โต้ตอบฉันเหมือนกันนะ” ฉันยิ้มบางๆ แม้จะไม่ร้องไห้ แต่ความเจ็บปวดก็อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจจนเหมือนจะ...หายใจไม่ออก ทรมานจริงๆ อาการแบบนี้... ................ ........ ฉันค่อยๆ ลืมตาเมื่อรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่สัมผัสบริเวณใบหน้าและต้นคอ มันชวนให้จั๊กจี้ยังไงพิกลอยู่ -*- กำลังหลับสบายๆ เลยนะ “เฮ้ยยย!” “อ๊ะ! เงียบๆ นะ” เขาเอามือมาอุดปากฉันที่กำลังจะร้องตะโกนออกไป แล้วมองไปทางด้านซ้ายเหมือนกำลังแอบใครอยู่ ผมสีดำไฮไลท์เทาของเขาประปรายลงมาที่ใบหน้าของฉัน นี่คือที่มาของสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกจั๊กจี้สินะ ว่าแต่นี่มัน...สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย “เอาล่ะ มีอะไร” บีเอปล่อยมือที่อุดปากฉันอยู่ออก ก่อนที่ตัวเขาจะเขยิบถอยห่างออกจากฉัน ทำไมเขาถึงใส่แต่ชุดยูคาตะนะ ครั้งก่อนก็ใส่ยูคาตะเหมือนกันแต่สีน้ำเงิน คราวนี้เป็นสีดำ “นาย! นายมาได้ยังไง!” “ขับรถมา -_-“ “อีตาบ้า! ฉันหมายถึงมาที่นี่ทำไม” “มาตามยัยคุณหนูบางคนกลับบ้านน่ะสิ -_-“ เขาพูดพร้อมกับใช้นิ้วชี้หน้าฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทำหน้าตึงๆ ตลอดเวลาไม่เมื่อยหรือไงยะ -*- “นี่นาย...รู้แล้วเหรอ!” “อืม” “ระ...รู้ได้ไง!” “คุณพ่อของเธอโทรไปหาคุณพ่อของฉัน บอกให้ฉันไปหาที่บ้าน พอไปถึง คุณพ่อของเธอก็เล่าให้ฟัง” เขาตอบด้วยสีหน้าเหมือนเดิม ไม่มีความตื่นตระหนกอยู่ในแววตาสักนิด “แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่” “คุณหนูที่ดีแต่ใช้อารมณ์ ไม่ใช้สมองและปัญญาอย่างเธอ ก็มีที่นี่ที่เดียวเท่านั้นแหละที่พึ่งได้น่ะ -_-“ “ว่าไงนะ!!!” “เอาล่ะคุณหนู ได้เวลาเลิกเล่นซ่อนแอบแล้ว กลับเถอะครับ” เขาโค้งหัวให้ฉันแล้วผายมือให้เดินไปที่ทางออกของสวน “นายไม่มีสิทธิ์!!!” ฉันตะโกนใส่หน้าก่อนจะผลักเขาจนกระเด็นแล้ววิ่งหนีออกมา บ้าที่สุดเลย! คุณพ่อไม่ได้กระวนกระวายเรื่องที่ฉันหนีออกจากบ้านเพราะคัดค้านการมีบอดี้การ์ดเลยใช่มั้ย!!! “วิ่งช้าจังนะครับคุณหนู” บีเอที่ตามมาพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้านิ่งเรียบ ทั้งๆ ที่กำลังวิ่งอยู่ แต่หน้าตาและจังหวะการวิ่งของเขาราวกับเราสองคนกำลังเดินไม่มีผิด! “ตามฉันมาทำไมไม่ทราบ!” “ตามมาปกป้องน่ะสิ” คำตอบสั้นๆ แต่กลับทำให้หัวใจฉันเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ รู้สึกหายใจติดขัด เอาอีกแล้ว...อาการแบบนี้อีกแล้ว “ฉันไม่ต้อง...” “ระวัง!” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ บีเอก็พูดแทรกก่อนจะกระชากตัวฉันพาวิ่งไปอีกทาง “อะไรของ...” ปัง! “กรี๊ด!!!” ฉันกรี๊ดลั่นให้กับเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่แทนการอาละวาด สะ...เสียงปืนนี่นา! “มีคนลอบยิงคุณหนูอยู่ อย่าหยุดวิ่งเป็นอันขาดนะ” บีเอสั่ง สีหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นมา เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มใบหน้าเขา ฉันมองไล่ตั้งแต่ใบหน้าลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงไหล่ของเขา... “เฮ้ย! นายถูกยิงนี่!!!” “ผมไม่เป็นไร คุณหนูห่วงตัวเองเถอะ” บีเอตอบโดยไม่มองหน้าฉัน เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาพาฉันวิ่งหนีต่อไป มือของเขาที่จับมือฉันไว้ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดไม่น้อย เหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลวนอยู่รอบๆ ตัวฉัน จนเจ็บ... “พวกมันยังตามมาอยู่” วิ่งไปได้สักพักเขาก็พูดขึ้นมาอีก ฉันหันกลับไปมองก็พบว่ามีผู้ชายสองคนกำลังวิ่งตามเรามา ในมือของสองคนนั้นมีปืนอยู่ด้วย ต่างจากเราสองคนที่ไม่มีอะไรเลย มีเพียงดาบไม้ไผ่ของเขาที่สะพายอยู่ที่หลัง “นายปล่อยฉันได้มั้ย” ฉันพยายามสะบัดมือเขาออก ทำไมฉันต้องมาทนอยู่กับบอดี้การ์ดที่คุณพ่อหามาให้ด้วยเนี่ย “ผมมีหน้าที่ปกป้องคุณหนู -_-“ “แต่ฉันไม่ต้องการ ปล่อยสิ!!” ฉันสะบัดมือออกได้ในที่สุด และผลักเขาที่กำลังวิ่งอยู่จนล้มลงไป จากนั้นก็แยกตัววิ่งมาอีกทาง พอหันกลับไปมองเพื่อจะดูว่าผู้ชายสองคนนั้นตามมาถึงไหนแล้วก็พบว่าบีเอกำลังต่อสู้กับสองคนนั้นอยู่ โดยที่เขาโดนยิงเพิ่มที่ต้นขา!! “บ้าเอ๊ย!” ฉันขยี้หัวตัวเองอย่างโมโห แล้วไอ้หมอนั่นมันไปบ้าสู้กับสองคนนั้นทำไมเล่า แทนที่จะหนี โธ่เอ๊ย! ฉันวิ่งเข้าไปหลบหลังต้นไม้ใกล้ๆ กับที่ที่บีเอต่อสู้อยู่ มันใกล้พอที่จะได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกันบ้างระหว่างที่สู้กัน “ห้ามทำร้ายคุณหนูราพันเซลเด็ดขาด!” คำพูดนี้ดังชัดมาแต่ไกล ฉันถึงกับสะอึกในคำพูดของบีเอที่กำลังใช้ดาบไม้ไผ่ป้องกันตัวเองจากกระสุนปืน ฉันมองบีเอที่สู้ยิบตาด้วยความรู้สึกที่ไม่ชัดเจน “ตำรวจ!ตำรวจมา!” ฉันแกล้งตะโกนออกไปเมื่อบีเอเสียท่าล้มลงและกำลังจะถูกพวกมันยิงอีกครั้ง “เฮ้ย! ตำรวจมา ไปก่อนเว้ย” แล้วมันสองคนก็รีบวิ่งหนีไปอีกทางเมื่อฉันเปิดซาวนด์เอฟเฟกต์เสียงหวอของรถตำรวจที่อัดไว้ในโทรศัพท์มือถือ (อัดเล่นๆ น่ะ ไม่คิดว่าจะใช้ประโยชน์ได้ =_=) พอเห็นว่าสองคนนั้นวิ่งหายไปแล้วฉันก็รีบออกมาจากที่ซ่อนตรงไปหาบีเอที่ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งด้วยท่าทีที่สบายสุดๆ เพียะ! ฉันตบหน้าบีเอเต็มแรงจนเขาหน้าหัน ก่อนที่เลือดจะไหลออกจากมุมปาก บีเอใช้นิ้วโป้งเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วหันมาสบตากับฉัน ให้ตายสิ...นัยน์ตาเขามันว่างเปล่าจริงๆ เย็นชาเหลือเกิน “บ้าหรือไงถึงได้ไม่หนีน่ะ!” ฉันผลักอกเขา บีเอเซถอยหลังไปเล็กน้อยแต่ไม่ล้ม เขายังคงนิ่งและเงียบไม่พูดอะไร ได้แต่จ้องหน้าฉันเท่านั้น “ฉันถามทำไมไม่ตอบเล่า! ทำไมไม่หนี ไปสู้กับมันสองคนทำไม นายเป็นคนนะไม่ใช่ควาย อย่าโง่นักจะได้มั้ย!!” ฉันทุบบีเอเป็นว่าเล่น โกรธจริงๆ นะ ทำไมถึงไม่หนี ทำไมถึงยังบ้ามาสู้กับพวกนั้นทั้งๆ ที่ตัวเองบาดเจ็บขนาดนี้ ทำไม!! “กลับบ้านเถอะครับคุณหนู คุณพ่อเป็นห่วงคุณหนูมาก” เขารวบมือฉันไว้ทั้งสองข้างแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ มันตัดขั้วหัวใจฉันได้เลย “ไม่กลับ อย่ามายุ่งกับฉัน!!” “ไม่ยุ่งไม่ได้ มันคือหน้าที่ ผมรับปากคุณพ่อของคุณหนูไปแล้วว่าจะดูแลคุณหนูให้” “ฉันไม่ต้องการ ฉันเกลียดนาย! ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดนาย!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! ฉันตบหน้าบีเอไปอีกชุดใหญ่ แต่เขาก็ยังไม่ปล่อยมือจากฉัน ทำไมถึงดื้อแบบนี้นะ! “ต่อให้คุณหนูตบผมมากกว่านี้ ผมก็จะไม่ปล่อยคุณหนูไป เพราะสิ่งที่คุณหนูจะได้เจอหลังจากนี้ มันเดิมพันชีวิตทั้งชีวิตของคุณหนูและผู้คนอีกมากมาย” “พล่ามบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ!” ฉันบิดมือออกมาจากเขาได้หนึ่งข้าง ก่อนจะใช้มือข้างที่เป็นอิสระนั่นบีบแผลที่โดนยิงตรงแขนของเขาจนเลือดไหลล้นออกมาตามซอกนิ้วของฉัน แต่สีหน้าของบีเอก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดออกมาสักนิด “ทำไม...ทำไมยังทนอยู่อีก ฉันร้ายกับนายขนาดนี้แล้วนะ ทำไมถึงยังทน!” “เพราะผม...อยากจะปกป้องคุณหนู” “ทำไม...ทำไมต้องอยากปกป้องฉัน เราเพิ่งเคยเจอกันแค่สองครั้งเท่านั้นนะ” “ครับ เราเจอกันแค่สองครั้ง” “แล้วทำไม...” “เพราะผมกับคุณหนูสูญเสียเหมือนกัน” “.....” “ได้เวลากลับบ้านแล้วนะครับ มีอะไรค่อยไปคุยกับคุณพ่อที่บ้านดีกว่า อย่าทำแบบนี้เลย” คำพูดของเขาอ่อนโยนและนุ่มนวลมาก แต่สีหน้าของเขากลับเย็นชาจนน่ากลัว ตกลงอย่างไหนคือตัวจริงของเขากันแน่นะ? “ฉันไม่ต้องการบอดี้การ์ด” “คุณหนูกลับไปคุยกับคุณพ่อได้ เชิญครับ“ บีเอปล่อยมืออีกข้างของฉันแล้วโค้งหัวให้พร้อมกับผายมือเช่นเดิม ฉันมองหน้าเขาอย่างขัดใจนิดหน่อยที่ทำตัวตรงตามสเต็ปบอดี้การ์ดแบบนี้ “ฮึ่ย!!” ฉันจำใจต้องกลับบ้านไปกับเขาในที่สุด เพราะรู้สึกเห็นด้วยในคำพูดของเขานิดๆ ฉันควรจะคุยกับคุณพ่อให้รู้เรื่อง และที่สำคัญคือ...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ทำให้ฉันรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณประมาณ 50% ว่า ขาของฉันเหยียบเส้นความตายมาข้างหนึ่งแล้ว “แล้วที่บ้านฉันเป็นยังไงบ้าง” ฉันถามเมื่อเราสองคนขึ้นมานั่งบนรถอัลฟ่า โรมิโอสีดำสนิท โดยบีเอทำหน้าที่เป็นคนขับ นี่เป็นรถของเขาแน่เลย เพราะบ้านฉันไม่มีใครใช้รถหรูแบบนี้หรอก “วุ่นวายมากถึงมากที่สุด” เขาตอบด้วยสีหน้านิ่งแล้วหักเลี้ยวปาดซ้ายอย่างรวดเร็ว กรี๊ดดดด เห็นหน้านิ่งๆ ไม่นึกว่าจะขับรถเหมือนเหาะได้แบบนี้นะเนี่ย TOT “นายขับช้าๆ หน่อยก็ได้นะ ฉันไม่รีบ” “.....” ขอบคุณที่ตอบนะยะ อีตาบอดี้การ์ดมาดนิ่งงงงงงงง >O<
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม