เอวิตาตื่นขึ้นมาอีกทีตอนแปดโมงเช้าด้วยอาการงัวเงีย หวังว่าโซลดอนคงจะออกไปส่งนางแบบสาวคนนั้นแล้ว เพราะปกติเวลาที่ชายหนุ่มพาแฟนสาวของเขามานอนค้างที่นี่ เขาจะตื่นเช้ามากเพื่อรีบไปส่งฝ่ายหญิงกลับบ้าน แล้วจึงกลับมาอาบน้ำกินข้าวที่คฤหาสน์ของตนเอง
เจ้าของร่างเล็กลุกขึ้นอาบน้ำแปรงฟัน แล้วมาสวมชุดกระโปรงยาวแค่เข่าสำหรับใส่อยู่บ้าน หมุนตัวที่หน้ากระจกหนึ่งรอบก่อนเดินออกมาจากห้องนอน
สาวน้อยเดินลงบันไดมาจนถึงชั้นล่าง ตั้งใจจะออกไปเดินเล่นรอบบ้านสักหน่อย
“นั่นใครเหรอคะโซล”
โซลดอนหันมองมาทางเอวิตาแล้วก็เหยียดยิ้ม ก่อนจะหันมากอดคู่นอนคนใหม่มาหอมฟอดใหญ่ต่อหน้าต่อตาคนที่ยืนอึ้งอยู่กับที่
“ลูกของคนใช้ในบ้านน่ะ”
“ลูกคนใช้?... แล้วทำไมถึงลงมาจากชั้นบนล่ะคะ แล้วดูการแต่งตัวก็เหมือนไม่ได้ขึ้นไปทำงาน น่าจะเพิ่งออกมาจากห้องนอนของตนเองด้วยซ้ำ”
นางแบบสาวตั้งข้อสังเกต เซ้นส์ของผู้หญิงแรงเสมอในเรื่องรักๆใคร่ๆ แคนดี้จึงอดไม่ได้ที่จะมองสาวน้อยที่เพิ่งเดินลงมาจากบันไดด้วยสายตาพินิจพิจารณา อย่างจับผิด
“คุณอย่าไปสนใจเลย แกเป็นใบ้”
เอวิตาอึ้งเป็นคำรบสองเมื่อได้ยินโซลดอนบอกกับแฟนสาวของเขาว่าเธอเป็นลูกคนใช้หนึ่งละ และสองเธอเป็นใบ้ เขาช่างเอ็นดูเธอจริงๆ แต่ก็ดีแล้วในเมื่อเธอไม่มีอะไรจะต้องพูดกับสองคนนั้นอยู่แล้ว
“เป็นใบ้?... จริงหรือเปล่าคะโซล”
“สามปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้แกไม่คุยกับผมเลย คุณคิดว่าแกเป็นใบ้หรือเปล่าล่ะ”
แคนดี้ชักงงกับคำอธิบายของแฟนหนุ่มจนคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม ตกลงว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ได้เป็นใบ้จริงๆหรอกใช่ไหม ก็แค่ไม่อยากพูดเลยไม่พูดแค่นั้นกระมัง หรือว่ามีอะไรมากกว่านั้น
ขณะที่แคนดี้กำลังสงสัยในตัวเอวิตาอยู่นั้น โซลดอนก็จงใจรวบร่างนางแบบสาวเข้ามากอดแล้วจูบหล่อนต่อหน้าน้องสาวนอกไส้อีกครั้ง จนเอวิตาต้องรีบเดินหนีจากภาพนั้นไปแทบไม่ทัน
พอเห็นว่าเอวิตาเดินลับหายไปแล้ว โซลดอนก็กระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วผละอ้อมกอดจากนางแบบสาวทันที การที่ได้แกล้งให้เอวิตาให้หล่อนหน้าแดงได้ มันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทุกครั้ง
เดือนหน้าบิดาของเขาบอกว่า จะส่งเอวิตาไปช่วยงานเขาที่บริษัท แต่เขาไม่รู้ว่าเด็กใบ้นั่นจะตกลงไหม แต่ถ้าเอวิตายอมไปทำงานละก็ เขาก็มีแผนจะทำให้เด็กนั่น ขอลาออกจากงานตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เข้าทำงานเลยทีเดียว
‘ใครอยากจะทนทำงานอยู่กับเด็กใบ้ที่แสนจะจืดชืด วันๆเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง น่าเบื่อจะตาย’
เมื่อมันเป็นความต้องการของผู้มีพระคุณ เธอก็จำเป็นต้องทำตามที่ท่านสั่ง ท่านสั่งให้เธอไปเรียนรู้งานกับโซลดอน เพื่อว่าต่อไปในอนาคตข้างหน้า เธอจะได้ไปบริหารงานในสาขาของบริษัทที่เมืองไทย ที่คาดว่าอีกไม่เกินสองปี เคซีอี ไดนามิค กรุ๊ป จะขยายสาขาไปยังเมืองไทยแน่นอน
ก๊อกๆ!
กว่าจะฝ่าด่านมาถึงหน้าห้องท่านรองประธานของเคซีอี ไดนามิค กรุ๊ป เธอต้องรวบรวมความกล้าที่จะยกมือขึ้นเคาะประตูห้องเพื่อไปเผชิญหน้ากับเจ้านายคนแรกในชีวิตด้วยใจที่เต้นรัว เกรงกลัว และแทบจะถอยหลังเดินกลับ แล้วไปบอกกับพ่อเลี้ยงของเธอว่า
‘หนูคงทำไม่ได้’
แต่เพราะเธอคือลูกของ อรอิน ผู้หญิงที่เป็นฮีโรของเธอมาโดยตลอด ทำให้เอวิตาต้องกัดฟันเดินหน้าท้ามฤตยูต่อไป
ผาง!
จู่ๆประตูก็เปิดออก ขณะที่มือเล็กกำลังจะเคาะบานประตู หญิงสาวตกใจจนผงะ เซถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความขวัญอ่อนของตนเอง
“เธอมาสายไปห้านาที” เสียงนั้นเข้มดุ ดวงตาคมกล้าจ้องมองหน้าเธอนิ่ง ยกแขนข้างหนึ่งยันขอบประตูเอาไว้
เอวิตาชะงักกึกแล้วรีบหลบตาคมวับคู่นั้น ก่อนจะเดินตัวลีบลอดแขนใหญ่เข้าไปในห้อง แล้วไปยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของท่านรองประธานฯ ก้มหน้ารอฟังคำสั่งอย่างหวั่นหวาด แค่วันแรกของการทำงานก็ทำเอาเธอแทบจะก้าวขาไม่ออกแล้ว เพราะโดนตำหนิเรื่องมาทำงานสาย
โซลดอนเดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้หรูของเขา ขณะที่เอวิตาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้ตนเอง
“นั่งลงสิ”
สาวน้อยนั่งลง ยังคงก้มหน้านิ่ง
“เวลาฉันพูด ให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย ฉันจะได้รู้ว่าเธอกำลังตั้งใจฟังฉันพูดอยู่” สั่งเสียงเข้ม ออกจะติดรำคาญด้วยซ้ำ
เอวิตาค่อยๆเงยหน้าขึ้น แล้วมองสบตาผู้มีอำนาจเหนือกว่าด้วยความรู้สึกเหมือนตนเองจะเป็นไข้ เธอกำลังรู้สึกร้อนๆหนาวๆกับสายตาคมวาวที่เขามองมาอย่างสำรวจ
“วันนี้สิ่งที่เธอจะต้องทำ คือ...”
แล้วแฟ้มเอกสารข้อมูลของบริษัทก็ถูกมือใหญ่ยกมาวางไว้ตรงหน้าหญิงสาวพร้อมกับสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“อ่านให้จบทุกแฟ้มภายในวันนี้ แล้วย่อใส่สมุด ว่าแต่ละแฟ้มพูดถึงอะไรบ้าง แล้วมายืนรายงานฉันพรุ่งนี้”
“ค่ะ”
“และหน้าที่ของเธออีกอย่างในช่วงเวลาฝึกงานกับฉันคือ ทำตัวเป็นไม้กันสุนัขสาวๆให้ฉันด้วย เพราะช่วงนี้งานฉันยุ่งมาก ไม่ต้องการให้ใครมารบกวน”
“ค่ะ”
“นั่นโต๊ะทำงานของเธอ”
พนักงานใหม่ป้ายแดงหันไปมองที่โต๊ะทำงานของตนเองแวบหนึ่งแล้วต้องแอบลอบถอนหายใจหนักๆ
‘ทำไมต้องหันหน้าโต๊ะทำงานไปทางเขาด้วย’
“ไปทำงานได้แล้ว”
“ค่ะ”
ร่างบางในชุดพนักงานสีฟ้าสดใส เดินหอบแฟ้มเอกสารเต็มอ้อมแขนไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง แฟ้มเอกสารกองโตถูกวางลงบนโต๊ะเบาๆพร้อมจัดเรียงให้เป็นระเบียบ ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตนเอง แล้วเตรียมสมุดบันทึกในกระเป๋าสะพายที่เตรียมมาวางไว้บนโต๊ะ และเตรียมอ่านงานที่ถูกมอบหมายให้อ่านให้จบภายในวันนี้
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงที่เอวิตาก้มหน้าก้มตาอ่านแฟ้มข้อมูลของบริษัทอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยไม่ยอมออกไปรับประทานอาหารเที่ยง เธอแค่ลุกไปชงกาแฟมาดื่มเท่านั้น พร้อมหยิบขนมปังสองสามชิ้นมานั่งกินที่โต๊ะทำงานตนเอง
จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาเลิกงาน หญิงสาวก็หอบแฟ้มเอกสารไปวางที่หน้าโต๊ะทำงานของเจ้านายหนุ่มหน้าดุ ที่เงยหน้ามองเธอด้วยประกายตาสงสัย
เพราะตลอดเวลาในช่วงที่ชายหนุ่มทำงาน เขาเข้าๆออกๆจากห้องเป็นว่าเล่น เพื่อออกไปประชุม ไปกินข้าว ไปคุยกับลูกค้า พอกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานอีกทีก็ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว แต่โซลดอนก็มักทำงานล่วงเวลาเสมอ
แววตาที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามมองพนักงานใหม่ จนหัวคิ้วแทบจะชนกันเป็นปม
“เธออ่านจบทั้งแปดแฟ้มนี้แล้วรึ”
“ค่ะ”
ซีอีโอหนุ่มมองหน้าน้องสาวนอกไส้อย่างคาดไม่ถึง ถ้าหล่อนอ่านจบครบทุกแฟ้มก่อนเวลาเลิกงานนี่ มันอัจฉริยะแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้หรอกว่าเอวิตาชอบการอ่านมาตั้งแต่เด็ก และเธออ่านหนังสือทุกอย่างได้ไวมาก และมีวิธีจดช็อตโน๊ตที่เร็วจำง่ายไม่มีใครเลียนแบบได้อีกด้วย
“งั้นลองรายงานแต่ละแฟ้มแบบย่อๆให้ฉันฟังหน่อยสิ”
“ค่ะ”
แล้วพนักงานฝึกหัดที่มีความสามารถในการอ่านเร็ว ก็รายงานความสำคัญของแต่ละแฟ้มงานแบบย่อๆเข้าใจง่ายให้กับบอสใหญ่ฟังแบบกระชับได้ใจความ ทำเอาโซลดอนนึกทึ่งอยู่ในใจไม่น้อย แต่ก็ไม่คิดจะชมหญิงสาว
ก๊อกๆ!
กำลังจะหาเรื่องจับผิดพนักงานฝึกหัดป้ายแดง แต่ระฆังสวรรค์ก็มาช่วยสาวน้อยเอาไว้ได้เสียก่อน แต่มันคงเป็นระฆังนรกสำหรับผู้บริหารหนุ่มไม่น้อย เมื่อผู้หญิงที่ก้าวเข้ามาใหม่ คือ...!