ความเดิม- "คร๊าบ..กลับก็กลับ" นวนนท์เอ่ยยิ้ม ๆ
…………………………………
สาย ๆ ของวันหยุดประจำสัปดาห์ นวนนท์นอนเอกเขนกบนโซฟาตัวยาวปล่อยความคิดล่องลอยไปเรื่อย เขาไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด รู้สึกเบื่อ ๆ มากกว่า ทันใดนั้นเขาเกิดความคิดบางอย่างบรรเจิดขึ้นมาท่ามกลางความเบื่อหน่ายนั้น ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก แล้วเดินออกจากบ้านพักไปพร้อมกับยานพาหนะสุดโปรด
ย่านการค้าในชุมชนชายหนุ่มจอดรถมอเตอร์ไซค์คันงามแล้วเดินเข้ามาในร้านขายขนมไทยที่มีลูกค้าค่อนข้างหนาตาทั้งไทยทั้งเทศ
"อ้าว!! นิว เข้ามาซิ นี่มาชิมสูตรใหม่ของป๋าเร็ว มะ มา ๆ นั่ง ๆ" ชายวัยกลางคนเรียกเด็กหนุ่มคราวหลานด้วยความกระตือรือร้น
"สวัสดีครับป๋าเข่ง วันนี้ทำอะไรครับ" นวนนท์เอ่ยทักทายผู้ใหญ่ที่นับถือยิ้ม ๆ พร้อมกับยกมือกระพุ่มไหว้อย่างนอบน้อม
"นี่…ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลย แต่อร่อยดีนะใช้แป้งเท้ายายม่อมน่ะ ลองชิมดูซิ" เขมรัฐเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับเลื่อนจานขนมไปตรงหน้าเด็กหนุ่มคราวหลาน
"อื้ม อร่อย เนียน ๆ ลื่น ๆ ไม่เหนียว มัน ๆ หวานกลมกล่อมกำลังดีครับ สอนผมบ้างซิ" นวนนท์แกล้งพูดหยั่งเชิงดูถ้าได้ก็เอาเขาจะหาเวลามาเรียนจนได้ซิน่า
"เอาซิ แต่ค่าสอนแพงอยู่นะ" เขมรัฐหยั่งเชิงกลับไม่โกง
"ยอมสู้ครับ ขนาดลองทำไม่มีชื่อยังอร่อยขนาดนี้เลย ผมขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์เลยครับ" นวนนท์พูดแล้วยิ้มเก๋
แต่ในขณะที่เขมรัฐกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเขาต้องชะงักไว้เพราะเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เป็นเสียงเฉพาะที่ตั้งไว้เวลามีเรื่องด่วนของคนในครอบครัว
เขมรัฐทำมือทำไม้เป็นเชิงบอกว่าขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อน ส่วนนวนนท์ได้แต่พยักหน้าอย่างรู้กัน และกินขนมรอไปพลาง ๆ
สักพักชายวัยกลางคนก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
"มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าครับป๋าเข่ง"
"จะว่ามีก็มี จะว่าไม่มีก็ไม่มีนะ ความจริงก็มีแหละ มันก็มีมานานแล้ว..เฮ๊อ…"
"หนักหนาเลยหรือครับ ถอนหายใจหนักเชียว เรื่องตีเรื่องต่อยบอกผมได้นะครับ ถ้ามีใครมากร่างผมจัดการให้ได้"
"ไม่ได้ เดี๋ยวมันโกรธเอา มันไม่มาให้ป๊ามันเห็นหน้าเลยจะว่าไง"
"อ้อลูกสาวหรือลูกชายล่ะครับ"
"ลูกสาว แต่มันจะเป็นแม่อยู่แล้ว กลัวมันจะโกรธทำอะไรก็เกรงใจมัน ยิ่งพี่ ๆ มันยิ่งหงอยอมมันคนเดียวมีแค่คนเดียวที่พอจะเอามันอยู่"
"ใครหรือครับ" นวนนท์เอ่ยถามอย่างกลั้นใจรอ
"แม่มัน แต่ขานั้นถ้าไม่หนักจริงก็ไม่ยอมขัดใจลูกเหมือนกัน ลูกสาวคนเดียว คนเล็กอีกต่างหาก พี่ ๆ มันมีแต่ผู้ชายตั้งสามคน มีมันคนที่สี่คนสุดท้องดันเป็นผู้หญิงอีกก็เลยยอมมันกันทั้งบ้าน"
"ป๋าคงมีความสุขดีพิลึกเลยนะครับ ฟังดูอบอุ่นดี"
"เออ อุ่นจนร้อนเลยแหละ นี่ก็เพิ่งจะเรียนจบการท่องเที่ยวโรงแรมอะไรของเค้า จะหางานตรงกับสายที่เรียนอิก อยากลำบาก ทำงานเข้ากะอดหลับอดนอนอีกละมั้ง ให้เรียนบริหารการบัญชีการตลาดก็ไม่ยอม มันจะบริหารแต่โรงแรมกับการท่องเที่ยวหรือไงก็ไม่รู้"
หึหึ "วัยรุ่นน่ะครับ อย่าไปขัดใจเค้าเลย ตะล่อมไว้กระตุกเบา ๆ อย่าให้สายป่านหลุดมือเป็นพอ ยังไงก็คนในครอบครัว รักษาไว้ให้ดีนะครับ"
"ขอบใจนะนิวที่ช่วยเตือน แต่บางทีป๋าก็อยากจะจับมาเขกหัวสักทีนึง ตีก้นสักป่าบนึง หมั่นไส้มัน มันดื้อ ไม่ฟังใคร ใช้จุดอ่อนของคนอื่นเป็นข้อต่อรอง แต่เห็นดีหน่อยไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แต่เรื่องแต่งตัวนี่อย่าให้พูดถึง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า นาฬิกา ต่างหู กำไล แอคเซสเซอรี่อื่น ๆ อีก ของมันต้องมี มันบอก ต้องยอมมันถ้ามันอยากได้ก็ต้องให้"
"ฟังดูคงเฟี๊ยวมากเลยนะครับ ชักอยากเห็นซ๊ะแล้วซิ"
"หึหึ นายจะได้เห็นถ้านายรับงานนี้เสียก่อน"
"งานอะไรครับ ผมมีงานประจำทำอยู่แล้วนะครับ บอกไว้ก่อน อีกอย่าง มือปงมือปืนอะไรผมไม่เอานะครับ แค่บอดี้การ์ดให้นายก็พอแล้ว ไหนจะดูแลความปลอดภัยที่โรงแรมอีกวันต้องจ้องกล้องวงจรปิดหลาย ๆ ตัว ก็ตาลายอยู่"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกแค่ทำคน ๆ นึงให้ตาสว่างก็แค่นั้นเอง"
"ยังไงครับ ผมขอทราบรายละเอียดให้มากกว่านี้ได้มั๊ยครับ"
"ได้ซิ คือนายต้องแยกผู้หญิงคนนี้ซึ่งก็คือลูกสาวป๋าออกจากผู้ชายคนนี้ที่เป็นแฟนของลูกสาวป๋าให้ได้ไม่วาจะด้วยวิธีใดก็ตาม"
"แล้วผมจะได้อะไรเป็นการตอบแทนละครับ"
"ร้านนี้ไง ค่าเซ้งถูก ๆ สองปีติดกัน แถมสอนสูตรขนมให้ฟรี ๆ ไม่คิดตังค์ โอเค้"
"โอเคทันทีครับ"
"ดีมาก งั้นเริ่มงานเลยนะ เดี๋ยวจะส่งข้อมูลทางแช็ทให้ อ้อ กลับก่อนนะ ฝากปิดร้านด้วย ร้านนี้เป็นของนายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปนะ" ชายวัยกลางคนพูดยิ้ม ๆ แล้วเดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง เล่นเอานวนนท์ถึงกับอึ้งและทึ่งในความใจของป๋าแก {ผมว่าลูกสาวป๋าก็คงเหมือนป๋าแหละ} นวนนท์ได้แต่คิดในใจ