โซ่ทองคล้องรัก 04

1190 คำ
"มันเป็นงานที่เรารับไว้ก่อนน่ะสิ สัญญาแมสเซ็นเจอร์ก็เอามาให้เซ็นแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะจัดคู่น้องเพนนี ทางออร์แกไนเซอร์จ้างเราเสร็จแล้วก็ไปจ้างน้องเค้า ทางนั้นก็ตกลงมาเหมือนกัน คราวนี้เลยแก้อะไรไม่ได้ล่ะ" "งั้นก็แปลว่า เค้ารู้ว่าผมรับงานนี้ ก็เลยรับด้วย" "พี่ก็งง ตกลงว่าอยากให้เงียบหรืออยากให้เป็นข่าวกันแน่ ออกงานคู่กันอย่างนี้ สื่อขอสัมภาษณ์คู่แน่ๆ แล้วข่าวมันจะจบได้ยังไงกัน" "งั้นก็แปลว่าไม่อยากจบ กระแสดีก็ทำเงินดี ข่าวว่าร้อนเงินนี่" พระเอกหนุ่มบอกเสียงหยันๆ นึกถึงคนที่พูดด้วยท่าทางที่จริงจังว่าจะจบทุกอย่าง แต่การกระทำสวนทาง แน่นอนล่ะว่าเขาจะไม่ถอย เธอจะได้รู้ว่าเล่นกับไฟ ไฟมันลวกเจ็บ จะได้ไม่ทำเล่นๆ แบบนี้อีก "ข่าวคงดังขึ้นอีกระลอกหนึ่ง เดี๋ยวพี่จะบอกแม่นายเองว่ามันเป็นงาน นายไม่ได้เป็นอะไรกับเพนนีจริงๆ" "ครับ" เขารับคำด้วยท่าทางที่ดูอารมณ์เสียเล็กน้อย นัยน์ตานั้นเคืองขุ่นจนผู้จัดการส่วนตัวไม่กล้าตอแยเรื่องนี้เพิ่มเติมเพราะรู้ว่าจะทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีมากขึ้น ในห้องแต่งหน้าของนักแสดงหลังเวทีในลานกิจกรรมของห้างขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่จัดงานเปิดตัวของเว็บชอปปิง ออนไลน์ สตาฟเดินเข้ามาส่งปทิตากับพิมพ์ดาว พวกเธอคิดว่ามาถึงเร็วแล้วแต่ทว่ามิกซ์กับวฤทธิ์นั่งอยู่ก่อน ยังไม่มีช่างแต่งหน้าทำผมอยู่ในห้องนี้ เพราะกำลังแต่ให้นักแสดงคู่หลักที่ต้องขึ้นเวทีก่อนที่อีกห้องหนึ่ง สายตาของวฤทธิ์ตอนที่หันมามองทำให้ปทิตาที่กำลังจะเดินเข้าไปถอยกลับมาก้าวหนึ่ง แต่สุดท้ายเธอก็ต้องเดินตามพิมพ์ดาวเข้าไปหาสองคนนั้น และยกมือไหว้พี่มิกซ์ที่รับไหว้และมองเธอด้วยสายตากังขา เธอหันไปไหว้อีกคนข้างพี่มิกซ์แววตาสุดจะหยั่งถึงความรู้สึกของเขาทำให้เธอหนาวแถวๆ ต้นคออย่างบอกไม่ถูก "เพนนีมีเรื่องจะคุยกับไวท์" พิมพ์ดาวบอกแทนคนที่ยืนหาปากตัวเองไม่เจอ "เงินล้านหนึ่งที่ให้ไป ไม่พอเหรอ จะเอาอีกเท่าไหร่ถึงจะจบ ลองว่ามาซิ" "เอ๊ะ" พิมพ์ดาวมองพระเอกรุ่นน้อง "ที่พี่รับงานนี้ให้เพนนีเพราะว่าจะคุยเรื่องนี้ด้วย จะได้พูดออกสื่อให้ตรงกันด้วย คราวนี้มันจะได้จบแบบเคลียร์ เพราะผ่านมาเป็นอาทิตย์ เรื่องนี้ไม่เงียบสักที มันต้องพูด" "ส่วนเรื่องเงินที่คุณให้มา ฉันไม่รับค่ะ ฉันตั้งใจจะคืนตั้งแต่วันแรกแล้วเเต่หาโอกาสไม่ได้" ปทิตาหยิบซองออกมาจากกระเป๋าถือยื่นคืนให้วฤทธิ์ เขาไม่ยื่นมือมารับ เธอก็ตั้งไว้ตรงโต๊ะข้างหน้าเขา "อีกอย่างหนึ่งที่ฉันต้องการ ถ้าต้องมีสัมภาษณ์ร่วมกัน ทำเหมือนเราไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้ไหมคะ ข่าวมันจะไม่จบ เพราะฉันคิดว่าจบแบบเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร มันไม่ได้ผล" เขาเลิกคิ้ว มองสีหน้าจริงจัง มีแววสับสนในดวงตาคนตัวโตครั้งหนึ่ง ก่อนที่เสียงคนพูดดังเเว่วใกล้เข้ามา เหมือนจะเข้ามาที่ห้องนี้ ปทิตาจึงตั้งท่าจะถอยไป แต่เขาคว้ามือเธอเอาไว้ "ผมให้ไปแล้วไม่คืน ถ้าไม่เอาก็เอาไปบริจาค ถ้าอยากให้เรื่องมันเงียบก็ต่างคนต่างเงียบ ไม่ใช่รับงานคู่ เพราะทำอย่างนี้ผมเข้าใจว่าไม่ได้อยากให้เงียบแต่อยากให้มันเป็นกระแสขึ้น เพราะฉะนั้นพูดแล้วก็ทำตามที่พูด เข้าใจตรงกันนะ" เขามองเธอที่อ้าปากค้าง แล้วปรายตาไปมองผู้จัดการส่วนตัวของเธอด้วยในประโยคท้ายๆ แล้วประตูห้องพักนักแสดงก็ถูกเคาะ ปทิตารีบผละมานั่งอีกมุมโดยที่ยังมือสั่นและมีเช็คเงินสดในกำมือ เธอหันไปมองวฤทธิ์ ที่เพียงแค่ปรายตามองมาด้วยใบหน้าที่โกรธจัดมากขึ้นหลายเท่าตัว เข้าเข้าใจเธอผิด หรือเพราะว่าไม่เคยจะคิดมองเธอในแง่ดีกันแน่ ปทิตาชักสงสัย แต่ไม่มีเวลาคุยอะไรกันมากกว่านั้นเธอได้แต่มองผู้จัดการ ซ่อนสีหน้าเครียดเอาไว้ แล้วยิ้มทักทายช่างแต่งหน้าทำผมและทีมประสานงาน ก่อนจะไปนั่งแต่งหน้าเตรียมขึ้นเวทีและเผชิญกับกองทัพนักข่าวที่จะขอสัมภาษณ์หลังงานอีเวนต์ ร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนและความเครียดสะสมทำให้หญิงสาวอยากจะอาเจียนมากขึ้น โดยเฉพาะตอนที่มองวฤทธิ์ใช้สายตาเหยียดหยันเธอ มันกดดันมากเหลือเกิน กองทัพนักข่าวที่รุมอยู่ในตอนนี้ไม่ได้ทำให้วฤทธิ์ตื่นเต้น เขามีข่าวกับผู้หญิงตลอด เป็นกระแสที่ทำให้ได้งานเยอะ นอกจากความมีวินัย ฝีมือการแสดงที่เป็นพรสวรรค์ติดตัวมาแล้วก็เห็นจะเป็นข่าวพวกนี้แหละที่ทำให้เขามีกระแสและถูกพูดถึงเสมอ แต่วันนี้ดูเหมือนนักข่าวจะมากกว่าปรกติ เพราะผู้หญิงที่เป็นข่าวกับเขาค่อนข้างถูกจับตา เขามั่นใจเกินครึ่งหนึ่งว่าหญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธข่าวลือเหมือนผู้หญิงคนอื่น ที่ทำให้เรื่องที่แอบกินกันกลายเป็นแค่ข่าวลือ แต่กับปทิตาดูเหมือนเธออยากเกาะกระแสนี้ เขาเองไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ไม่ได้ชอบท่าทางที่เหมือนไม่อยากเป็นข่าว แต่การกระทำกลับตรงข้าม ท่าทางปากอย่างใจอย่างของเธอทำให้เขาไม่ชอบ ผู้หญิงคนนี้ไม่ซื่อตรง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่ยุ่งกับเธอ แต่เพราะย้อนกลับไปไม่ได้แล้วก็ต้องรับมือ เสียงกดถ่ายรูปรัวๆ เมื่อเธอกับเขาเสร็จจากงานอีเวนต์แล้วออกมายืนสัมภาษณ์คู่ นักข่าวกรูเข้ามาสนใจพวกเธอจนคู่รักนักแสดงที่กำลังให้สัมภาษณ์อยู่ถึงกับเหวอ เรื่องเขากับยายเพนนีท่าทางจะเป็นกระแสที่มาแรงจริงๆ "มองกล้องนี้หน่อยค่า" เสียงเรียกจากนักข่าวให้เขากับเธอหันไปมองมุมต่างๆ ก่อนจะเริ่มมีคำถาม "ออกงานคู่ครั้งแรกเป็นยังไงบ้างคะ" เขาหันไปมองคนข้างๆ "ก็ดีครับการตอบรับดี แฟนคลับมีป้ายไฟเพียบเหมือนเดิม" วฤทธิ์ตอบ เพราะก่อนผันตัวเป็นนักแสดงเขาเคยเป็นนักร้องที่ครองใจวัยรุ่นยุคนี้จึงมีแฟนคลับเยอะ พี่มิกซ์บอกว่าป้ายไฟคู่ก็มาคงเพราะว่าอยากเชียร์นางเอกเรียบร้อยคนนี้กับเขา เพราะที่ผ่านมาล้วนมีข่าวกับแต่ละคนที่ไม่น่าเชียร์ทั้งนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม