บทที่ 2 เริ่มต้นใหม่

2244 คำ
“นี้สินะ...ชีวิตของคนรวย” มาเรียตะลึงกับอาหารที่แสนจะดูดีมากหน้าหลายตา วางเรียงรายจนยาวเต็มโต๊ะ เธอค่อยๆเดินไปจนถึงหัวโต๊ะ โดยมีเหล่าข้ารับใช้ยืนรอปรนิบัติเธออยู่ “วันนี้พ่อครัวเตรียม มื้อเช้าไว้ทุกแบบตามที่คุณหนูเคนสั่งเลยค่ะ คุณหนูอยากทานโจ๊ก หรือสลัด หรือแค่ขนมปังง่ายๆดีคะ?” สาวใช้คนสนิทอย่างจินร่ายยาวขึ้น พลางเลื่อนเก้าอี้ให้นายของตน “เอ่อ..วันนี้มีคนมาร่วมโต๊ะด้วยเหรอ?” มาเรียถามด้วยความไม่แน่ใจนัก ถ้าเป็นปกติเธอต้องไม่เจอใคร เพราะรู้ดีว่ามาเรียเติบโตมาโดยที่พ่อแม่ของเธอไม่ได้มีเวลาให้ แต่พวกเขาทั้งสองรักเธอมากจึงยอมให้เธอได้ทุกอย่าง ไม่แปลกเลยถ้าจะทำให้เธอกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ แต่ด้วยอาหารที่เต็มทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าจะมีแขกมาร่วมโต๊ะ “ไม่นะคะ ทั้งหมดนี้พ่อครัวให้คุณหนูได้เลือกค่ะ ปกติคุณหนูจะเลือกได้ก็ต่อเมื่อได้กลิ่นก่อนถึงจะทราบว่าอยากทานอะไร ถ้าไม่มีอาหารมาวางให้เลือกแบบนี้ละก็ พ่อครัวคงต้องเปลี่ยนคนอีกแน่ๆ” จินเผลอหลุดปาก เธอนึกขึ้นได้จึงรีบเอามือปิดปากตัวเอง “มะ หมายถึง..” สาวใช้ตัวน้อยรีบคิดหาข้อแก้ตัว “ไม่เป็นไร ฉันขอกินโจ๊กแล้วกัน” มาเรียทำหน้าหน่ายๆกับตัวเอง พลางคิดว่าพวกคนรวยมักมีรสนิยมประหลาด เสียดายของชะมัด ถ้าเป็นเมื่อชาติก่อน เธอคงอยู่ได้เป็นอาทิตย์แน่ๆ “เอาโจ๊กอะไรดีคะ มี หมู ไก่ ปลา..” “เอาหมู!!” ให้ตายสิ แล้ววจำเป็นต้องทำทุกอย่างแล้ววางไว้เลยหรือไง เมื่อโจ๊กนำมาวางตรงหน้า ไม่นานนักสาวใช้คนอื่นๆก็รีบหยิบโจ๊กอื่นออกไป “แล้วของที่เหลือพวกนั้นจะเอาไปไหน” มาเรียมองตามด้วยความสงสัย “อ่อ พวกเราเททิ้งแน่นอนค่ะ คุณหนูไม่ต้องห่วง” จินตอบพร้อมยิ้มหวาน “เททิ้ง?!” มาเรียทวนเสียงสูง “เดี๋ยวก่อน!! เอากลับมานี้ก่อน” สิ้นเสียงคำสั่งสาวใช้รวมถึงพ่อครัวสะดุ้งตัวโหยง พลางคิดในใจว่าวันนี้คงต้องเก็บเศษจานกันอีกแน่ ในขณะที่เหล่าบริวารตัวสั่นเทา มาเรียกับคิดแค่ว่าจะกินทั้งหมดยังไงดี “ที่เหลือไม่ต้องทิ้งพวกเธอเอาไปแบ่งกันเถอะ แล้ววันหลังฉันจะบอกเองว่าจะกินอะไร ไม่ต้องทำเยอะขนาดนี้” มาเรียมองเหล่าข้าบริวารที่ต่างหันมองหน้ากันอย่างงุนงง ก่อนจะรีบยกของออกไปแต่เธอสังเกตได้ว่าบางคนก็มีรอยยิ้มเล็กๆกับมื้ออาหารนี้ “คุณหนู...” จินสาวใช้คนสนิทถึงกับน้ำตาคลอเมื่อเห็นนายของตนใจดีขึ้น “อย่าเว่อร์หน่าจิน” มาเรียกล่าวเสียงเรียบแม้มุมปากเธอจะกระตุกยกยิ้มข้นเล็กน้อยก่อนจะทานอาหารเช้าไป หลายวันต่อมา... “เฮ้ออออออออออออออออออ” เสียงถอนหายใจดังลั่น มาเรียหมดหนทางที่จะหาคำตอบ หลายวันมานี้สิ่งที่เธอสังเกตได้คือ ทุกคนล้วนกลัวเธอ ไม่กล้าแม้แต่จะขัดใจ แค่เพียงเธอกระดิกนิ้ว ทุกคนก็ต่างกุรีกุจอนกันเข้ามาหาเธอ “ไม่แปลกหรอก ก็มาเรียเอาแต่ใจสุดๆเลยนี้หน่า...” มาเรียพึมพำกับตัวเอง “แล้วฉันจะหาข้อมูลจากไหนได้กันเล่า แค่เดินผ่านทุกคนก็วิ่งหนีกันหมดแล้ว” มาเรียส่ายหัวไปมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก “มาเรีย ฉันเองนะ ขอเข้าไปได้ไหม” เสียงอ่อนหวานดังขึ้นหน้าประตู มาเรียสะดุ้งก่อนจะครุ่นคิด เพราะที่นี่ไม่มีใครเรียกเธอแบบนี้สักคน ยิ่งเสียงหวานขนาดนี้เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก แม้จะมีความรู้สึกคุ้นก็ตาม “อืม...เข้ามาสิ” แม้เธอจะแปลกใจแต่ก็ไม่ทิ้งความสุขุม “มาเรียเป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่เธอกลับจากโรงพยาบาล ฉันได้ยินมาว่าเธอหลับไปหลายวัน...” สาวน้อยร่างเล็กชะโงกหน้าเข้ามาก่อนจะย่างกรายยางเดินตรงมาที่เธอ ผมสีทองยาวหยักศก กับดวงตากลมโตตั่งลูกกวางสีทองอร่ามดูน่าเอ็นดู ริมฝีปากบางเล็กที่หยุดชะงักเมื่อขาเรียวเดินเข้ามาถึงตัวมาเรีย ความงดงามที่น่าเอ็นดูนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ ตรงตามที่นิยายได้พรรณนาไว้ทุกอย่าง นางเอกของเรื่อง “ซิลเวีย” เด็กกำพร้าที่ครอบครัวของมาเรียรับเข้ามาเลี้ยงดูแต่เด็กเพื่อเป็นเพื่อนของเธอ เพื่อนสนิทและรู้ใจที่สุดของมาเรีย มาเรียพลางคิดในใจสวยอะไรขนาดนี้นะเหมาะสมกับการเป็นนางเอกที่นิสัยดีจริงๆ แม้แต่เธอเองยังเคลิ้มดั่งต้องมนต์สะกด “ซิลเวีย..” มาเรียเผลอเอ่ยชื่ออกมาด้วยความตะลึง “หื้มม ” ซิลเวียขานตอบพร้อมส่งยิ้มหวาน “ฉันเป็นห่วงเธอมากเลยนะ ตอนนี้เธอดีขึ้นรึยัง?” ซิลเวียรีบพุ่งเข้ามาพร้อมสำรวจรอบตัวของมาเรียเพื่อนรัก “ฉะ ฉันไม่เป็นไร ว่าแต่ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาลหรอ?” มาเรียเอ่ยด้วยความงุนงง พลางชี้หน้าตัวเอง “หรือว่าเธอ?!” ซิลเวียหน้าซีดเผือก ก่อนจะวิ่งออกไปเพื่อตะโกนเรียกให้จินนี่เข้ามาช่วย “ดะ เดี๋ยวก่อนซิลเวีย” มาเรียตั้งสติได้รีบดึงแขนเพื่อนรักกลับมา “เธอความจำเสื่อมใช่มั้ย เธอจำฉันได้มั้ยมาเรีย” น้ำใสเอ่อล้นดวงตาโต ก่อนที่ร่างเล็กกระโดดเข้ากอดมาเรีย “เดี๋ยวนะ ฉะ ฉัน..” มาเรียที่ยังคงสับสน แต่เพิ่งคิดขึ้นได้ว่าถ้าแกล้งความจำเสื่อมเมื่อนิยายทะลุมิติอื่นๆที่เธอเคยอ่าน จะง่ายกว่ามั้ยนะ จะได้รู้ว่าตัวเองอยู่ตอนไหนของเนื้อเรื่อง “ใช่แล้ว ฉันน่าจะลืมไปชั่วขณะ ฉันจำอะไรก่อนหน้านั้นไม่ได้เลย...” มาเรียตอบเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย “ฉันว่าแล้ว!! ควินท์ต้องทำอะไรเธอแน่ๆใช่ไหม เขาให้เธอกินยาอะไรหรือเปล่า หรือว่าเขาทำเธอหัวกระแทก” ซิลเวียลนลานเล็กน้อย “ควินท์? .....ฉันไปเจอควินท์มาเหรอ” มาเรียพยายามจะเรียบเรียงเหตุการณ์ในหัวของเธอว่าตอนในบ้างของนิยายที่มีฉากการพบกันของมาเรียและควินท์ ซึ่งความเป็นไปได้น้อยมากๆ เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะว่ามาเรียคือตัวการที่ทำให้ทุกคนเกลียดควินท์ยังไงแหละ!! แล้วมาเรียเองก็พยายามเลี่ยงการเจอหน้าควินท์วซึ่งๆหน้ามาโดยตลอด เพราะฉะนั้นการเจอกันของทั้งคู่จึงมีน้อยมากๆ จะมีก็แต่.... “ตอนจบ!!!” มาเรียที่นึกออก ร้องลั่นขึ้นมาด้วยอาการตกใจสุดขีด ก่อนที่จะขยี้หัวตัวเอง ต้องบ้าแน่ๆ เพราะเหตุการณ์ที่ควินท์เจอกับมาเรียนั่นในต้นฉบับเอ่ยช่วงตอนจบของนิยาย เป็นการเคลียร์ปมของมาเรียและควินท์ ซึ่งในนิยายกล่าวไว้ว่า ควินท์ลักพาตัวมาเรียออกม และได้คุยกันสองคนเพื่อสะสางความแค้นใจเรื่องที่มาเรียใส่ร้ายเขา จนทำให้เขาต้องโดนพ่อแม่แท้ๆกักขังและทารุณกรรมในวัยเด็ก และทำให้เขากลายเป็นอาวุธเดินได้จนปัจจุบัน ซ้ำร้ายมาเรียยังคอยรังกีดกันควินท์และซิลเวียอีกหลายครั้ง เธอจึงคิดว่าการที่ควินท์พาเธอไปอาจจะต้องเป็นการทำร้ายแน่ๆ “ตอนจบ?” ซิลเวียตกใจกับท่าทางของเพื่อนรัก แต่ก็สับสนไม่น้อยที่มาเรียตะโกนคำแปลกๆออกมา “เธอหมายถึงอะไรเหรอ...?” มาเรียเอียงคอถาม “หรือไม่ใช่แค่ความจำเสื่อม เธอ....” มาเรียทำหน้าหนักใจที่จะเอ่ยออกมา แต่เธอเข้าใจว่าเพื่อนของเธออาจจะเพี้ยนไปเลยก็ได้ “ว่าแล้ว ยากล่อมประสาทแน่ๆ” ซิลเวียเอามือจับคางพร้อมทำหน้าคิดหนัก “ดะ เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่จ๊ะซิลเวีย คือฉันหมายถึง..ตอนจบของนิยายที่ฉันอ่านนะ พอดีฉันเพิ่งนึกออก แฮะๆ” มาเรียพยายามแก้ตัว แม้ตอนนี้เธอกำลังจะประสาทเสียกับการที่ต้องมาเกิดในตอนจบของนิยายก็ตาม “นิยาย? แต่เธอไม่ชอบอ่านนิยายนี้หน่า เธอเคยบอกว่าไม่ชอบเรื่องเพ้อฝัน..” ซิลเวียขมวดคิ้วจนผูกกันเป็นปม กับเรื่องใหม่ที่เพื่อนสนิทเอ่ยขึ้น “ฮะฮ่าๆ พอดีฉันอ่านเพลินๆตอนสองสามวันมานี้ เพราะนึกอะไรไม่ออกหน่ะ เผื่อจะช่วยรื้อฟื้ออะไรได้บ้าง” มาเรียเอ่ยพลางเกาหัว ซิลเวียยังคงมองมาเรียด้วยความสับสน เพราะไม่ใช่แค่การพูดจา แม้แต่ท่าทางของเพื่อนเธอก็เปลี่ยนไปเหมือนคนละคน ซิลเวียที่เธอรู้จัก จะชอบเอาแต่ใจ เหย่อหยิ่งในตัวเอง และมีความมั่นใจสูงกว่านี้ แต่คนตรงหน้ากับอ่อนโยนและท่าทางที่เงอะๆงะๆนั่นช่างไร้เดียงสาเกินกว่าจะเป็นมาเรียจอมบงการได้ “จะว่าไป..งั้นตอนนี้ถ้าจำไม่ผิด...ควินท์จะต้อง..” มาเรียพยายามคิดเนื้อหาที่ต่อจากเดิม ไม่นานนักเธอกลืนน้ำไหลอึกใหญ่อย่างยากเย็น เพราะหลังจากที่ไปเจอกัน แม้จะเป็นการพาตัวไปแบบไม่เต็มใจ แต่มาเรียที่พกที่ช็อตไฟฟ้าตลอดเวลา เธอได้ใช้มันไปกับควินท์ในตอนที่เขาพุ่งเข้ามาหาเธอเลยทำให้ช็อตสลบไปทั้งคู่ ไอพระเจ้าบ้านั่น!!! แต่งเรื่องชุ่ยชะมัด!! กะจะตัดตัวละครออกเห็นๆ เพราะเหตุการณ์นี้เกิดหลังจากที่พระเอกและนางเอกของเรื่องได้ทำการสู่ขอกันแล้ว.... “มาเรีย...เธอพูดถึงควินท์เหรอ?” ซิลเวียไม่มั่นใจในสิ่งที่ได้ยิน เพราะชื่อนี้แทบจะเป็นชื่อต้องห้ามเสียด้วยซ้ำ “ใช่นะสิ ก็ถ้าฉันจำไม่ผิดวันนั้นเราทั้งคู่สลบไปเพราะเครื่องช็อตไฟฟ้า....ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?!” มาเรียทวนคำพูดก่อนจะทำหน้าตกใจ แล้วรีบวิ่งไปถามซิลเวีย “เอ่อ...วันที่เข้าไปพบเธอ จำได้แค่ว่าควินท์โดนส่งโรงพยาบาลเหมือนกัน แต่เขาไมได้สลบไปแบบเธอนะ...” ซิลเวียเอ่ยอย่างกล้าๆกลัว “หืม หมายความยังไง?” มาเรียสับสนขึ้นกว่าเดิม แถมต้นฉบับยังจบไปแบบนั้น ทำให้เธอเองก็ไม่สามารถรู้เรื่องราวหลังจากนั้นได้ “ก็คนที่เรียกคิเอลและฉันไปก็คือควินท์นี้หล่ะ แถมตอนนั้นเธอคือคนที่สลบไป แต่เขาตัวชุ่มไปด้วยเลือด ตอนแรกคิเอลโกรธสุดๆไปเลย คิดว่าควินท์ทำร้ายเธอจนสลบไป...” ซิลเวียเงียบไปสักครู่ เธอมองหน้ามาเรียอย่างชั่งใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ เธอคงไม่กล้าออกความเห็นสินะ เพราะถ้าหากเธอพูดขึ้นมาว่าควินท์อาจจะไม่ได้ทำ มาเรียคนเดิมคงจะวีนเขวี้ยงข้าวของพังกระจายอีกแน่ๆ “ไม่เป็นไรนะซิล..ฉันจะไปเยี่ยมควินท์สักหน่อย อย่างน้อยฉันว่าเขาอาจจะพยายามช่วยฉันก็ได้” มาเรียตัดสินใจเอ่ยออกไป สร้างความตกใจไม่น้อยให้กับซิลเวีย “เธอ...จะยอมให้อภัยเขาแล้วใช่มั้ย?” ซิลเวียถามอีกครั้ง “อือ..อาจจะต้องลองดู” มาเรียยิ้มกลบเกลื่อน แม้ในใจจะกังวลมากก็ตาม “เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะมาเรีย...” ซิลเวียเอ่ยขึ้นพลางมองหน้ามาเรียด้วยสายตาที่คาดเดาได้ยาก “อ่า..สงสัยสมองฉันจะโดนกระทบจริงๆสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า” แม้เสียงหัวเราะจะฟืดแค่ไหนแต่มันคือทางเดียวที่จะทำได้ในสถานการณ์นี้ “....เหมือนคนละคนเลย” ซิลเวียพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมมองมาเรียด้วยสายตานิ่งเฉย มาเรียกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สายตาของเพื่อนรักช่างน่ากลัวสุดๆ เธอจะโดนจับได้ไหมนะ “อ่า...ฉันปวดหัวจัง ซิลขอฉันพักผ่อนก่อนนะ เธอเองช่วงนี้ก็น่าจะยุ่งกับการเตรียมงานนี้หน่า” มาเรียเอ่ยปัดๆ เพราะคิดว่าอีกไม่นานก็ถึงงานแต่งของทั้งคู่แล้ว “นั้นสิ!! ฉันลืมไปเลย งั้นเธอเองก็พักผ่อนมากๆนะ อย่าหักโหมละ อีกไม่กี่วันคิเอลจะกลับมาแล้ว เขาเองก็เป็นห่วงเธอเหมือนกัน ไว้เรามาทานข้าวด้วยกันนะ” ซิลเวียจับมือมาเรียก่อนที่จะโอบกอดเธออย่างเคยชิน อีตาคิเอลนั้น....ไม่มีทางเป็นห่วงฉันแน่นอน แค่พูดเพื่อทำคะแนนนั้นแหละ พอรู้แบบนี้แล้วน่าหมั่นไส้ชะมัด “ขอบคุณมากนะ” มาเรียยิ้มหวานก่อนจะโบกมือลา ให้สาวผมทองที่เดินลับประตูออกไป อ๊ากกกก ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ใครมันจะไปทำได้กันฟะ!! ให้ฉันมาโผล่ตอนจบแบบนี้ แล้วนายควินท์นั่นก็กลายเป็นหมาบ้าแบบนั้นก็เพราะฉันอีก!! “.....ฉันจะต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดเลยสินะ” มาเรียบ่นพึมพำเบาๆ โดยไม่รู้เลยว่ามีสาวผมทองยืนฟังอยู่หน้าห้อง ในความมืดที่ไม่มีใครเห็น สายตานิ่งเรียบของซิลเวียช่างเย็นชากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม