นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว หลินเจียวเจียวยังคงใจไม่ดีเหมือนเดิม เธออยากจะไปดูให้รู้ไปเลยว่าพี่เฉินหยางจะเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ด้วยภาระและหน้าที่ของเธอที่นี่ทำให้เธอคิดไม่ตก 'ทำยังไงดีละ ตอนนี้ฉันอยากไปดูเขาเหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าฉันไปแล้วพวกวัตถุดิบละจะบอกทุกคนยังไง เห้อ ถ้าให้คนอื่นไปหาวัตถุดิบเองแล้วหามาไม่ได้ความไม่แตกเหรอเจียวเจียว'หลินเจียวเจียวยังคงนั่งทะเลาะกับตัวเองว่าจะเอายังไงดี
“พ่อคะ ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ว่ายังไง มีอะไรรึเปล่า” หลินเหวินเทาเองสังเกตว่าลูกสาวเหมือนจะมีเรื่องที่คิดไม่ตก
“ทำยังไงเราถึงจะเก็บวัตถุดิบจำพวกเนื้อสัตว์และผักสดไว้ได้นานๆ คะ ถ้าหากไม่มียังไฟฟ้าเหมือนหมู่บ้านที่เราอยู่” ถ้าหากหมู่บ้านนี้มีไฟฟ้าใช้เธอจะไม่ต้องมานั่งปวดหัวเลย
“พ่อเคยเห็นบางคนเขาทำห้องใต้ดินไว้นะลูก ก็มีแต่พวกมีเงินเท่านั้นแหละที่จะทำได้เพราะต้องใช้น้ำแข็งจำนวนมากเพื่อรักษาระดับความเย็นให้คงที่ พวกเนื้อสัตว์ก็อยู่ได้นาน แต่มันสิ้นเปลืองเพราะอย่าลืมว่าต่อให้ห้องนั้นเย็นแค่ไหน น้ำแข็งยังไงก็ละลาย พ่อถึงบอกไงว่ามีแต่คนมีเงินที่ทำกัน ว่าแต่เจียวเจียวถามทำไมเหรอลูก”
“พ่อแล้วบ้านใครมีห้องใต้ดินบ้างบ้านฉันไม่มี” หลินเจียวเจียวยังคงถามต่อ
“ถ้าไม่มีห้องใต้ดินก็ทำห้องดินขึ้นมาแทนไม่ได้เหรอครับคุณลุง ห้องใต้ดินถ้าหากว่าน้ำแข็งละลายแล้วน้ำไม่เจิ่งนองพื้นเหรอครับ” ชุนเผิงถามขึ้น
“ได้นะมันได้แต่อย่าลืมว่ามันมีแสงแดดส่องลงมาถ้าหากว่าเป็นหน้าร้อน ต่อให้ทำห้องดินดีขนาดไหนน้ำแข็งก็ละลายเร็วอยู่ดี”
“บ้านพี่มีนะเจียวเจียวห้องใต้ดิน” ซ่งฮ่าวหยูบอก บ้านของพ่อตาแม่ยายนั้นมีห้องใต้ดินแบบคนโบราณอยู่
“ดีเลยพี่ใหญ่แต่ว่ามันต้องมีดินประสิวนี่สิถึงจะทำน้ำแข็งได้” หลินเจียวเจียวรู้ว่าในห้างสรรพสินค้านะมี แต่ลองถามออกมาก่อนลองดูว่าใครมีบ้านจะได้เอามาลองทำดู
“แล้วเจียวเจียวถามมาทั้งหมดนี่เพื่ออะไร พ่อไม่เข้าใจ” หลินเหวินเทาถามด้วยความสงสัย
“ฉันอยากทำห้องน้ำแข็งไว้เก็บเนื้อกับวัตถุดิบให้ทุกคน ฉันตั้งใจว่าจะไม่อยู่ประมาณสองอาทิตย์”
“จะไปไหน” ทุกคนถามพร้อมกัน
“คือว่าฉันฝันไม่ค่อยดี ฝันว่าพี่เฉินหยางได้รับบาดเจ็บ ฉันไม่รู้หรอกว่าจริงหรือเปล่า แต่ไปดูก็ไม่เสียหาย หากว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีไป แต่ถ้าพี่เฉินหยางบาดเจ็บขึ้นมาจริงๆ ฉันจะได้พาเขากลับมาไงละ”
“ส่วนวัตถุดิบแต่ละอย่าง ฉันมีคนรู้จักจัดเตรียมไว้ให้ก็จริง แต่ฉันกลัวว่าถ้าคนอื่นไปเอาเขาจะไม่ขายให้นะสิ ดีไม่ดีเขาระแวงขึ้นมาแล้วไม่ขายให้ฉันอีกคนทีนี้ละงานเข้าเลย” หลินเจียวเจียวไม่อยากที่จะโกหกใคร ได้แต่พูดในใจ 'ท่านเทพเจ้าขาหนูไม่ผิดใช่ไหม หนูไม่ได้โกหกนะ หนูซื้อเหมือนกันเพราะมันอยู่ในห้างสรรพสินค้า เพียงแค่หนูไม่ได้จ่ายเงินเท่านั้นเอง'
“เจียวเจียวจะเดินทางคนเดียวเหรอลูก” จางย่าเจียวถามลูกสาว เธอไม่อยากจะห้าม เพราะรู้ว่าห้ามไม่ได้ อีกทั้งเจียวเจียวจะได้สบายใจด้วย
“ค่ะแม่ คงต้องฝากเด็กๆ ไว้แม่ คงต้องให้แม่มานอนกับหลานๆ ที่นี่นะคะ ฉันรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงแต่ฉันเดินทางได้ อย่าลืมสิคะว่าเราทุกคนยังมีหน้าที่ที่ต้องทำกัน”
“ถ้าหากว่าฉันไม่เห็นกับตาว่าพี่เฉินหยางปลอดภัยฉันคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ ทุกคนคงจะเข้าใจฉันนะ” ถ้าเธอไม่ติดใจ เธอก็คงไม่ไปเพราะงานที่บ้านก็มีมากมายเหลือเกิน
“ช่วงที่ฉันไม่อยู่ถ้าเหนื่อยมากก็หยุดขายที่ตลาดนัดก็ได้นะ ทำส่งเพียงร้านของคุณจ้าวอย่างเดียว” เจียวเจียวกลัวว่าทุกคนจะเหนื่อยเลยอยากให้หยุดขายที่ตลาดจนกว่าเธอจะกลับมา
“ไม่ต้องหรอก พี่ไปขายให้เอง”หลินตงหนิงบอกน้องสาว
“ใช่ เดียวพี่ไปช่วยตงหนิงเอง ให้พี่ฮ่าวหยูอยู่ช่วยที่บ้าน” ชุนเผิงบอกอีกคน
“พี่ทั้งสองคนแน่ใจนะว่าไหว” หลินเจียวเจียวไม่อยากให้ทั้งสองคนฝืน จึงได้ถามย้ำ
“ไหวสิ ไม่ต้องเป็นห่วงแต่ว่าเราจะไปเมื่อไหร่” หลินตงหนิงกล่าวย้ำเพื่อไม่ให้น้องสาวกังวล
“ห้องแช่ของเสร็จเมื่อไหร่ ฉันก็ไปทันทีพี่ เวลายิ่งเดินฉันยิ่งใจไม่ดี”
“เรื่องห้องน้ำแข็งพี่จัดการให้เอง ดินประสิวพี่พอจะหาได้ เจียวเจียวรู้วิธีทำใช่ไหม จดรายละเอียดมาให้พี่หน่อย พรุ่งนี้ก็น่าจะเสร็จแล้ว” ซ่งฮ่าวหยูบอก เพราะดินประสิวนั้นเขาพอจะหาจากสหายที่อยู่หมู่บ้านข้างๆ นี้ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็อีก สามวันฉันจะเดินทาง แต่พี่ฮ่าวหยู ถ้าเจอสองพี่น้องบ้านฟางบอกให้ทั้งสองคนมาช่วยทำงานนะ จ่ายค่าแรงให้เธอตามปกติ ฉันกลับมาค่อยว่ากัน เผื่ออาจะทำขนมกุ๊ยช่ายขายเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง จะได้จ้างทั้งสองคนถาวรเลย” หลินเจียวเจียวสงสารทั้งสองคนพี่น้องจึงอยากหารายได้ให้
“อืม ได้สิพี่จะบอกให้” หลินตงหนิงเป็นคนตอบไม่ใช่ซ่งฮ่าวหยู
“แล้วพี่รองเกี่ยวอะไรด้วยละ ฉันบอกพี่ใหญ่ไม่ได้บอกพี่สักหน่อย” หลินเจียวเจียวรู้สึกว่าพี่รองเธอกระตือรือร้นแปลกๆ ตั้งแต่อาสาจะไปขายของที่ตลาดแล้ว
“ก็พรุ่งนี้พี่ฮ่าวหยูต้องทำห้องน้ำแข็งให้เราไม่ใช่เหรอ พี่กับชุนเผิงเป็นคนไปขายของ พี่ต้องเจอสองคนพี่น้องนั่นอยู่แล้วไหมล่ะ” ไม่ใช่หลินตงหนิงคนเดียวแต่ชุนเผิงก็เป็นไปด้วยอีกคน
“เอาตามนั้นก็แล้วกันนะคะทุกคน” แต่ละคนพยักหน้าให้กับหลินเจียวเจียว
“แม่ขา แม่จะไปหาพ่อเหรอคะ” ซ่งเหมยจูถามขึ้นก่อนที่เธอและน้องชายจะเข้านอน
“ใช่จ้ะลูกรัก แม่ฝันเห็นว่าพ่อไม่สบาย แม่เลยจะไปดู แล้วก็จะรับกลับมาบ้านด้วยไง ลูกๆ ไม่ดีใจเหรอที่พ่อจะกลับมาบ้านแล้ว”
“ดีใจค่ะ/ดีใจครับ”
“แต่ว่าหนูขอไปด้วยได้ไหมคะ หนูอยากเจอพ่อเร็วๆ” ซ่งเหมยจูบอกแม่อย่างน่าสงสาร
“ผมด้วย” ซ่งจื้อผิงเองก็อยากไปด้วย
“ฟังแม่นะลูกรักทั้งสองคน การเดินทางมันลำบาก ต้องนั่งรถไฟไป อีกอย่างแม่ยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง ลูกทั้งสองคนรอไปครั้งหน้าได้ไหม แม่สัญญาว่าถ้าครั้งต่อไปหากว่าแม่ไปหาพ่ออีกแม่จะพาลูกทั้งสองคนไปด้วยดีไหมจ๊ะ เหมยจู จื้อผิง”
หลินเจียวเจียวไม่ต้องการที่จะพาลูกเดินทางไปด้วย เธอกลัวว่าลูกจะลำบาก อีกทั้งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามีของเธอ
“แล้วถ้าลูกทั้งสองคนไม่อยู่ใครจะอยู่เล่นกับพี่ๆ ลูกของลุงใหญ่ละจริงไหม”
“ได้ค่ะ แต่ครั้งหน้าแม่ต้องพาหนูกับน้องไปด้วยนะ แม่สัญญาแล้ว”
“ได้จ๊ะ แม่สัญญา วันนี้คนเก่งทั้งสองคนมีใครอยากไปนอนกับแม่บ้างไหม แม่นอนคนเดียวทุกคืนเหงาจะแย่ อีกทั้งแม่ไปตั้งหลายวันจะมีใครคิดถึงแม่บ้างไหมน้า” คืนนี้หลินเจียวเจียวถามเด็กน้อยว่ามีใครอยากนอนกับเธอบ้าง ทุกๆ คืนเธอก็ถามเหมือนกันแต่ไม่มีใครมา พอเธอถามว่าทำไม ลูกๆ ตอบว่าพ่อบอกว่าโตแล้วไม่ควรนอนกับพ่อแม่ คนที่ยังนอนกับพ่อแม่มีแค่เด็กเล็กๆ เท่านั้น
“ได้ค่ะ แต่คืนนี้เดียวนะคะ หนูกับน้องจะไปนอนกับแม่ ถ้าหากว่าพ่อกลับมาแม่ก็ต้องนอนห้องเดียวกับพ่อนะ” เหมยจูตอบตกลงว่าเธอและน้องจะไปนอนด้วย
หลินเจียวเจียวไปไม่เป็นเลยกับคำตอบของลูกสาวก่อนจะจูงมือลูกน้อยทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องนอน
หลินเจียวเจียวใช้เวลาสามวันคุ้มค่าที่สุด พี่สามีก็ทำห้องน้ำแข็งได้ถูกใจเธอจริงๆ วันถัดมาหลินเจียวเจียวก็ออกมาซื้อของเหมือนปกติเช่นทุกครั้ง และแวะเอาของมาส่งอ้ายหนิงพร้อมกับบอกว่าเธอไม่อยู่สองอาทิตย์ ครั้งนี้หลินเจียวเจียวจึงเอาของมาให้สหายมากกว่าครั้งก่อนๆ อ้ายหนิงเองก็บอกกับสหายว่าเธอหย่าแล้วกับอาตง อาตงเองก็ย้ายกลับไปอยู่บ้านแม่แต่ยังคงวนเวียนมาหาพร้อมกับเริ่มจีบอดีตภรรยาอีกครั้ง
หลินเจียวเจียวเหมาเกวียนเล่มเดิมกลับมาบ้าน ครั้งนี้เธอเอาของมาให้พอดีกับวันที่เธอไม่อยู่ เธอสอนแม่และพี่สะใภ้แล้วว่าผสมอะไรเท่าไหร่ และทั้งสองคนสามารถทำรสชาติออกมารสเดียวกันกับเธอ เธอจึงไม่ห่วงเรื่องนี้ ตลอดทางก็มีชาวบ้านหันมามอง หลายคนสงสัย แต่ไม่มีใครพูดอะไรเพราะคิดว่าคงไปเอามาจากร้านคุณจ้าว อีกทั้งมีผ้าคลุมเกวียนปิดทั้งหมด เลยไม่รู้ว่าหลินเจียวเจียวเอาอะไรมา
โรงพยาบาลในกรมทหาร
บนเตียงคนป่วยตอนนี้มีซ่งเฉินหยางนอนอยู่ บาดเจ็บครั้งนี้เขาไม่ได้เจ็บหนักมา ถึงแม้ว่าเขาจะโดนยิง สามนัดซ้อน โดนยิงที่แขนซ้าย หนึ่งนัด กลางลำตัว สองนัด แต่เขาใส่เสื้อที่ภรรยาส่งมาให้ กระสุนเลยไม่เจาะเข้าไปโดนเนื้อ ผู้พันเฟยหลงเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าลูกน้องที่กระโดดเข้ามาช่วยโดนยิงสามนัดซ้อน แต่ก็แปลกใจเมื่อเห็นว่าเฉินหยางบาดเจ็บที่แขน
“เฉินหยางนายเป็นไงบ้าง” อาเทียนถามขึ้น
“อืม อย่างที่เห็น”
“หมอให้นายนอนพักที่โรงพยาบาลสองอาทิตย์ หลังจากนั้นนายจะกลับบ้านหรือว่ารักษาตัวอยู่ที่นี่ก่อน”
“กลับบ้าน”
“ตอบให้มันยาวๆ หน่อยได้ไหม นี่สหายนะไม่ใช่หญิงสาว ไม่ต้องเย็นชาขนาดนั้นก็ได้มั้ง ฉันแค่กินขนมนายไปไม่กี่ชิ้นเองนะ นายทำยังกับฉันไปปล้นบ้านนายอย่างนั้นแหละ”
ซ่งเฉินหยางเหลือบมองหน้าสหาย ก่อนจะเบือนหน้าหนี 'ไม่กี่ชิ้นกับผีนะสิ ในกระปุกเหลืออยู่ไม่ถึง ห้าชิ้น ถ้าไม่ติดว่าแขนยังใช้งานไม่ได้นะ เขาจะชวนเจ้านี่ไปซ้อมแล้วจะอัดให้น่วมเลย รอเขาหายก่อนเถอะ'
บ้านหลินเจียวเจียว
“ฉันไปก่อนนะพ่อ แม่ และทุกคน ฉันฝากงานทางนี้ด้วยนะ แล้วจะรีบกลับมานะคะ ฝากลูกๆ ด้วยนะ” เช้านี้ลูกๆ ของเธอยังไม่ตื่นนอนเธอได้แต่เข้าไปเพียงหอมแก้มของทั้งสองคนเท่านั้น
“ดูแลตัวเองดีๆ นะ” จางย่าเจียวบอกกับลูกสาว
“ค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงฉันนะ ทุกๆ คนด้วยฉันดูแลตัวเองได้” หลินเจียวเจียวพูดเสร็จก็รีบออกจากบ้านเพื่อให้ทันเกวียนเที่ยวแรก เมื่อทุกคนเห็นว่าหลินเจียวเจียวเดินไปจนสุดสายตาแล้วก็เข้ามาในบ้านต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเช่นทุกวัน
********************