ตอนที่ 1 ตะวัน&เมษา
ตะวัน Talk:>
ตึก ตึก ตึก
ที่พวกคุณได้ยินอยู่นี้ไม่ใช่เสียงกลองหรือเครื่องดนตรีอะไรหรอกนะครับ มันเป็นเสียงของหัวใจของผมเอง ที่กำลังแข่งขันกันเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะเพราะกำลังรอลุ้นว่าผมจะได้ในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันมานานแล้วหรือเปล่า
ผมชื่อ ตะวัน ชื่อเล่นซัน ครับ อายุ17 ปี อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่ก็ 18 แล้วแหละ และที่กำลังมายืนลุ้นอยู่นี้ ไม่ใช่ผลลอตเตอรี่หรอกนะ แต่แค่เป็นของบางอย่างเท่านั้น
ซึ่งอันที่จริงด้วยระดับฐานะทางครอบครัวที่มีอันกินตามประสาครอบครัวนักธุรกิจอันดับหนึ่งของประเทศ กับแค่เปียโนเครื่องเดียวมันไม่เท่าให้ขนหน้าแข้งของคุณพ่อกับคุณแม่ของผมร่วงหล่นอยู่แล้ว
แต่ด้วยนิสัยของนักธุรกิจ การจะเสียเงินให้กับอะไรนั้นหมายความว่าพวกเขาต้องได้สิ่งที่คุ้มค่าตอบแทนกลับมาเสมอ ถึงแม้ผมจะเป็นลูกชายคนเดียวของท่านก็เถอะนะ
ดวงตาที่เป็นสีน้ำตาลเข้มของผมมองใบกระดาษสีขาวสะอาดตา ที่คุณพ่อเพิ่งวางมันลงกับโต๊ะ ตัวหนังสือที่แบ่งเป็นช่องและในท้ายของทุกช่องปรากฏเลข 4.00 แทบทุกช่อง หากจะต่ำกว่านั้นก็ไม่มากเท่าไรนั่นแหละครับการแลกเปลี่ยนของผม เกรดเฉลี่ย 4.00 มันได้มาง่ายๆ เสียที่ไหนกันล่ะ
"คุณพ่อครับ"
ผมเรียกเบาๆ เมื่อเห็นว่าท่านนิ่งเงียบไปหลังจากที่ดูผลการเรียนแล้ว
"เอาๆ ถ้าอยากได้นักเดี๋ยวพ่อจะพาไปซื้อ"
ทันทีทึได้ยินแบบนั้นผมกระโดดตัวลอยแบบสุดชีวิตเลยละครับ
เยส! ในที่สุดหลังจากที่พยายามมานาน
"แต่!"
เสียงของคุณแม่เบรกผมอย่างจังจนต้องหยุดอาการดีใจไว้ก่อน เห็นป่ะ นักธุรกิจย่อมต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน
"แกต้องทำตามสัญญาของแม่และพ่อให้ได้"
"ว่ามาเลยครับ"
"ข้อแรก การเรียนของแกต้องไม่ตก และสอง ถ้าเล่นเป็นเมื่อไหร่ต้องออกงานสังคมกับพ่อและแม่ ทำได้ไหม"
สบายมาก! ผมมีอะไรให้ลังเลล่ะครับก็ตอบตกลงน่ะสิ และหลังจากนั้นพวกท่านก็พาผมไปเลือกซื้อเปียโนทันที
เมื่อมาถึงร้านขายเครื่องดนตรีบนห้างดังแห่งหนึ่ง แน่นอนสิ่งที่ทำให้ผมตื่นตาตื่นใจย่อมเป็นเจ้าเปียโนชนิดต่างๆ ที่วางเรียงรายกันให้เลือก
แต่นั้นไม่ใช่ที่สุดหรอกครับ เพราะตอนนี้สิ่งที่น่ามองกว่าเปียโนก็เห็นจะเป็นคนขายนี้ล่ะ ใบหน้าหวานปนเซ็กซี่นิดๆ ทำให้ผมมองแทบไม่อยากละสายตาเลยละ ดวงตากลมโตกำลังดี จมูกโด่งรั้นและริมฝีปากอิ่ม ทุกอย่างช่างรับกันราวกับถูกปั้นแต่งมาอย่างในอย่างนั้น แล้วยิ่งรูปร่างที่ได้สัดได้ส่วนโดยเฉพาะหน้าอกที่น่าจะกำลังพอดีมือนั้นทำให้ผม…
บ้าน่านี้ผมจะมาคิดลามกกับพี่เขาแบบนี้ได้ไงเนี่ย สนใจเปียโนสิเจ้าซัน เปียโน!
ผมเพิ่งจะรู้จากการที่คุณแม่ผมชวนเธอคุยว่าพี่เขาชื่อ เมษา เรียนจบจากมหาวิทยาลัยดัง และตอนนี้ก็เป็นครูสอนดนตรีสากลอยู่ที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง เธอจะมาทำงานที่นี่เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ และช่วงปิดเทอมเท่านั้น งั้นแสดงว่าผมก็ยังพอโชคดี อยู่บ้างน่ะสิที่เลือกมาวันเสาร์แบบนี้น่ะ
“ไม่ทราบว่าคุณน้าอยากได้แบบไหนคะ”
เสียงพี่เขาถามขึ้นหลังจากที่คุณแม่ชวนคุยมาสักระยะหนึ่ง มันก็น่าแปลกนะครับที่แม่ผมคุยกับคนที่เพิ่งเจอกันอย่างสนิทสนมแบบนี้ สงสัยจะอยากได้ลูกสาว มากกว่าลูกชายอย่างผมมั้ง
“เอาตัวที่ดีที่สุดนะหนู เอาแบบที่พอออกแสดงตามงานแล้วไม่น้อยหน้า หรืออายใครน่ะ”
เธอยิ้มรับ ยิ้มอย่างที่เรียกได้ว่าโลกทั้งใบสดใสเลยล่ะ
“ตัวที่ออกงานได้ ก็มีหลายราคาค่ะ ตั้งแต่ หลักหมื่นไปจนถึงแสน ไม่ทราบคุณน้ามีพื้นฐานมาก่อนไหมคะ”
“น้าไม่ได้ซื้อเองหรอกจ้ะ”
มาซื้อให้ลูกชายนู้นแม่ชี้มาทางผม เก๊กหล่อสิครับรออะไร แล้วเธอก็ยิ้มอีกครั้ง
“เล่นเป็นมาก่อนไหมคะ”
พระเจ้า! เธอคุยกับผมด้วยละ
“มะ..ไม่เป็นครับ เห็นเขาเล่นลงคลิปแล้วเท่ดีผมเลยอยากลอง”
เธอยิ้มให้ผมหนึ่งที่ ก่อนจะหันไปคุยกับแม่ผมต่อราวกับผมมีหน้าที่แค่ตอบคำถามแค่นั้น
“งั้นฝันขอแนะนำเป็นตัวนี้เลยค่ะ มียี่ห้อการันตีว่าคุณภาพยอดเยี่ยม ถ้าไม่ติดเรื่องราคาหนูว่าก็เหมาะนะคะ แล้วถ้าคุณน้าชื้อตอนนี้ หนูมีของแถมให้ค่ะ นั้นก็คือหนูจะสอนให้ฟรี 8 ชั่วโมง ไม่ทราบว่าคุณน้าสนใจไหมคะ”
“แล้วราคาเท่าไหร่จ๊ะ”
“เก้าแสนหกค่ะ”
โธ่แค่นี้เอง อย่างที่บอกขนหน้าแข้งพ่อผมไม่ร่วงหรอก!
เมษา Talk:>
ฉัน เมษาเองค่ะ ที่ฉันเสนอไปแบบนั้นไม่ใช่ว่าฉันพูดมั่วๆ หรอกนะคะ ฉันสามารถใช้วิชาที่ตัวเองเรียนมาทำให้ร้านเกิดประโยชน์ได้ ซึ่งคุณน้าของฉันก็คือเจ้าของร้านนี้เองค่ะ
คุณน้ามีสามีเป็นชาวต่างชาติ และเพราะน้าเขยนี้แหละที่ทำให้ฉันได้เข้าเรียนต่อในมหาลัยที่ฉันฝันไว้มานาน น้าเขยของฉันเป็นคนที่เล่นดนตรีเก่งมากค่ะ เขาสอนฉันเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิด นั้นจึงทำให้ฉันกล้าพอที่จะคิดว่าฝีมือของตนสอนเด็กคนนี้ได้แน่นอน
และอย่าว่าอย่างงั้นอย่างนี้เลยนะคะ จากที่ดูแล้วครอบครัวนี้คงจะร่ำรวยใช่ย่อย และถ้าฉันสามารถขายเปียโนตัวนี้ที่แม้แต่ฉันยังไม่กล้าแม้จะแตะด้วยซ้ำได้ คุณน้าทั้งสองก็คงจะมีกำไรมากพอตัว ฉันอยากช่วยพวกท่านทั้งสองค่ะ ที่ผ่านทั้งสองพยายามเต็มที่ เพื่อจะสานฝันการเป็นนักดนตรีมืออาชีพแบบน้าเขยของฉัน แม้ว่าฐานะของเราจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย…
“เก้าแสนหกค่ะ”
ไม่มีสีหน้าตกใจจากลูกค้ากลุ่มนี้แม้แต่น้อย อย่างว่าแหละคนมีเงินทำอะไรก็ได้นี้เนอะ
หลังจากที่พวกเขาจัดก*********นเสร็จ ซึ่งแน่นอน เงินสดค่ะ ฉันก็ตามพวกเขาไปที่บ้านเพราะต้องตั้งสายเปียโนให้ เพราะฉันไม่อยากเสียเวลาที่จะต้องมาสอนพรุ่งนี้ค่ะ แบบว่ามาแล้วเรียนเลยอะไรแบบนั้น
แต่คุณคะ คุณเชื่อไหมที่ฉันต้องมานั่งยิ้มอยู่ที่โซฟารับแขกท่าเดิมมาค่อนชั่วโมงไปแล้ว เพราะปัญหาการหาที่ตั้งเปียโนตัวละเหยียบล้านนี้ไม่ได้
“ฉันว่าเอาไว้ที่ห้องรับแขกนี้ละคะ จะไปได้ตั้งโชว์ไปในตัวด้วย”
คุณนายเจ้าของบ้านเสนอคำเดิม ทว่าก็ถูกขัดเช่นเคย
“ผมว่าเดี๋ยวผมทำห้องซ้อมไปเลยดีกว่า ก็ใช้ห้องรับแขกของเราเสียห้องหนึ่งมาดัดแปลงใหม่ก็สิ้นเรื่อง”
ค่ะ! ถ้ารวยจริงทำแบบนั้นก็ไม่ขัดเลย แต่เจ้าลูกชายของทั้งสองก็ขัดขึ้นอีก
“แต่ผมอยากเอาไว้ในห้องนอนครับ”
ในเมื่อสามคนสามความคิดที่ต่างกัน เสียงโต้แย้งก็เกิดขึ้นอีกรอบ
โอ๊ย!!! จะได้ตั้งไหมคะ เสียงน่ะ
“หนูขออนุญาตเสนอนะคะ!”
ช่วยไม่ได้ค่ะ ฉันต้องตัดบทเสียเองเลย ไม่อย่างนั้นเกรงว่าวันนี้ทั้งฉันและพี่ๆ ที่มาทำการติดตั้งคงไม่ได้กลับบ้านแน่ๆ
“หนูว่าเราเอาไปไว้ในห้องนอนของน้องตะวันก่อนก็ได้ค่ะ แล้วพอห้องซ้อมเสร็จเราค่อยย้ายเข้าไปอีกที ดีไหมคะ เพราะฝันว่าการย้ายจากชั้นสองไปชั้นสองมันคงง่ายกว่าการย้ายจากชั้นล่างไปชั้นบน จริงไหมคะ อีกอย่างถ้าตั้งไว้ตรงที่รับแขกนี่หนูเกรงว่ามันคงไม่มีสมาธิเท่าไหร่นะคะ”
เมื่อฉันออกความคิดทุกคนก็ได้ข้อสรุป โล่งเลยค่ะที่นี่ จะได้จบๆ เสียที ฉันยืนมองพี่ๆ ติดตั้งเปียโนและตั้งเสียงจนเสร็จ ก่อนกลับก็ไม่ลืมนัดลูกค้าวีไอพีไว้
“หนูขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฝันจะมาสอนให้ตอนแปดโมงนะคะ” เด็กที่ชื่อตะวันยิ้มรับ
ในตอนนั้นฉันเองไม่ทันได้คิดว่าการเสนอให้ตั้งเปียโนในห้องของคนอายุ สิบเจ็ด ที่ฉันมองว่ายังเป็นเด็ก ม.ปลายอยู่เลยนั้น มันจะเป็นอะไรที่โคตรคิดผิด!