EP.13

1041 คำ
อารัญลุกขึ้นยืนตระหง่านด้วยความสูงกว่า 190 เซนติเมตร ไม่สนใจฟังสิ่งที่กายจะรายงานเพิ่มเติม เพราะสิ่งที่เขาอยากรู้มีเพียงเท่านั้น ส่วนที่เหลือเขาจะ ‘ทำ’            ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ที่ริมกระจก ทอดมองไปจนสุดสายตาดุจจะมองไกลไปให้ถึงเธอคนนั้น คนที่อีกไม่นานเขาจะได้มองในระยะใกล้จนเห็นทุกรูขุมขน            “พรบุหลัน พรจากพระจันทร์ พรจากรัชนีกร”            อารัญพึมพำชื่อของคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับรัชนีกรอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมสีดำยาวสยายจนเต็มแผ่นหลัง เรือนร่างงดงามที่คิดว่าผอมบาง ทว่าเมื่อเห็นในระยะใกล้กลับเต็มตึงไปทุกสัดส่วน โดยเฉพาะใบหน้ารูปไข่นวลเนียนนั้น แม้ไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางใดๆ ก็มีเครื่องหน้าที่เด่นชัดจนเขาจดจำได้ดี            หน้าผากเกลี้ยงเกลาที่มีลูกผมชื้นไปด้วยเหงื่อแนบอยู่อย่างประปราย แนวคิ้วโก่งสวยได้รูป ดวงตาหวานล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนหนา แต่เจือแววโศกเพราะฉ่ำชื้นด้วยรอยน้ำตา จมูกโด่งพองามดูจะรั้นจนเขาอยากจะบีบและขยี้เล่น จนมาถึงริมฝีปากสีแดงระเรื่อเป็นกระจับน้อยๆ นั่นก็ดูอวบอิ่ม จนเขาอยากจะบดเบียดความร้อนรุ่มเอาแต่ใจลงไปหา อารัญสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อมโนภาพของเธอมีผลต่อความตื่นตัวอย่างไม่น่าเชื่อ กรามแกร่งบดเบียดกันแน่นจนเป็นสัน ฝ่ามือกำเข้าหากันก่อนจะทุบที่บานกระจกหนา            เขาให้คำตอบตัวเองได้ว่าสิ่งที่ก่อเกิดขึ้นในกายเนื้อของเขานี้เรียกว่า ‘ความใคร่’ ที่เกิดจากความต้องการตามธรรมชาติของสัตว์เพศผู้ ที่ย่อมต้องการปลดเปลื้องกับสัตว์เพศเมีย ก็แค่สิ่งที่ร่างกายเรียกร้องเมื่อสิ่งเร้ากระตุ้นก็เท่านั้นเอง เป็นความใคร่ที่เกิดขึ้นได้แม้แต่กับคนแปลกหน้าหรือคนที่ ‘เกลียด’            “อดใจไว้อารัญ อีกไม่นานจะมีคนมาใช้หนี้ ฮึ!”            เสียงแค่นหัวเราะดังออกมาจากชายร่างสูงใหญ่ที่ทาบฝ่ามือกับพนักเก้าอี้ ดวงตาคมเข้มวาวโรจน์เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอต้องชดใช้ แรงอารมณ์ถูกระบายจากฝ่ามือลงไปบนผืนหนังสีดำ ดั่งพนักเก้าอี้นี้คือที่ระบายความอัดอั้นทั้งหมดเพื่อรอคอยสิ่งนั้นมาถึง เขาแค่รอคอยเวลาให้ปลาฮุบเหยื่อ!            เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะกินไม่ให้เหลือแม้แต่ก้าง ให้สาสมกับความเจ็บปวดหัวใจที่เขาได้รับมาตลอดสิบห้าปีเต็ม เขาจะจับเธอเลาะเกล็ดสีชมพูทีละเกล็ด ทีละเกล็ด ให้เจ็บปวดร้าวรวดไม่ต่างจากเนื้อหัวใจที่ถูกแล่เป็นแผ่นบางๆ ทีละชิ้น ทีละชิ้น ชนิดที่ว่าจะตายก็ไม่ตาย ต้องอยู่อย่างทรมานเท่านั้น            เรือยนต์ขนาดเล็กแล่นเฉื่อยไปกลางแม่น้ำอย่างไม่เร่งรีบ เพราะต้องการให้ผู้โดยสารได้รับความสบายใจอย่างที่สุด ให้ความสบายใจส่งผ่านไปถึงคนจากไป คนที่จะก้าวล่วงไปสู่สายน้ำอันเย็นเฉียบฉ่ำใจ คนที่ผู้เป็นลูกสาวอยากให้ไปสู่สุคติ ไปสู่ภพภูมิที่ดีตามความเชื่อของชนชาวพุทธว่า สายน้ำฉ่ำเย็นนี้จะทำให้ผู้ล่วงลับได้รับความร่มเย็นเป็นสุข ดุจสายน้ำที่ให้ความชุ่มฉ่ำอยู่เป็นนิตย์            และเมื่อเรือแล่นมาหยุดที่กลางแม่น้ำ ใบหน้าที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าจึงหันมองคนขับ ดั่งจะบอกให้รู้ว่าเธอยังไม่พร้อม            “ไม่เป็นไรจันทร์ วันนี้เกดจองเรือไว้ทั้งวันนั่นแหละ จันทร์จะอยู่จนถึงเย็นก็ได้ เอาตามที่จันทร์สบายใจเลยนะ เมื่อไหร่ก็ได้ เกดไม่รีบ เกดจะได้คุยกับพี่กรเรื่องสอนไปด้วย”            เสียงหวานแต่สำเนียงการพูดแบบห้วนๆ นั้น จากคนขับเรือที่แต่งกายทะมัดทะแมงคล้ายผู้ชาย ทว่าใบหน้ากลับดูน่ารักจิ้มลิ้มรับกับผมซอยสั้นแบบทอมบอย และดวงตาหมวยๆ ปากนิดจมูกหน่อยดูรั้นเอาเรื่อง เพราะนี่คือ เกศรา สาวไทยเชื้อสายจีนขนานแท้ แต่เพราะกิจการของครอบครัวทำให้สาวหมวยอย่างเธอออกจะมีบุคลิกที่กล้าจนเกินงามไปสักหน่อย            ธุรกิจเรือเล็กให้เช่าของครอบครัวเกศรานั้นมีไว้บริการนักท่องเที่ยวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นนั่งเรือชมแม่น้ำ จัดเลี้ยงสังสรรค์เป็นหมู่คณะ หรือแม้กระทั่งเช่าเหมาลำเพื่อนำเถ้ากระดูกผู้ล่วงลับมาลอยอังคาร พ่อของเกศราก็รับทั้งหมด            ในวันนี้เธอขอพ่อไว้เป็นกรณีพิเศษเพื่อให้เวลาแก่พรบุหลันมากที่สุด เธออยากให้เพื่อนรักของเธอคนนี้สบายใจและพร้อมที่จะปลดปล่อยให้แม่ไปอย่างสบายใจ ให้ความผ่อนคลาย ความเย็นใจนำพาครูรัชนีกรไปสู่ที่ที่สงบสุขอย่างแท้จริง แต่ใบหน้าเศร้าๆ ของพรบุหลันก็ทำให้เกศราต้องหันไปขยิบตากับภากร เพราะอยากให้เขาช่วยยืนยันอีกคน            “ใช่จันทร์ ไม่ต้องรีบหรอกนะ พี่จะคุยกับเกดอยู่ตรงนี้แหละ เนอะเกด เอ่อ...แล้วว่าไงล่ะเรื่องโรงเรียนที่พี่แนะนำ เกดสนใจหรือเปล่า และของบริจาคของพี่ด้วย สรุปเกดหาอะไรได้บ้าง”            ภากรรับมุกของเกศรา รีบเปลี่ยนไปคุยเรื่องโรงเรียนที่เกศราจะไปสอน รวมทั้งของบริจาคที่เกศราบอกว่าจะนำไปให้เด็กยากไร้ด้วย            “ของพี่กรที่ไหนกัน ของเด็กๆ ต่างหาก หรือพี่กรจะขี้ตู่ อุ๊ย! จันทร์ เกดขอโทษนะที่พูดเล่น ขอโทษจริงๆ เกดลืมไปว่าไม่ใช่เวลา”            เกศราหน้าเสียที่เผลอพูดเล่นกับภากรจนเป็นนิสัย จนลืมไปว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสักนิด มานึกขึ้นได้ก็เมื่อเห็นแสงแดดสะท้อนจากผืนน้ำขึ้นมากระทบใบหน้าของพรบุหลัน จนเห็นวาวน้ำตาเอ่อล้นได้ชัดเจน แต่พรบุหลันก็ยังมีรอยยิ้ม แม้ในขณะเศร้าที่สุดก็ตาม             
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม