7

4598 คำ
                นับตั้งแต่วันที่พี่ไทระเปิดอินสตาแกรมให้ วาก็ไม่ได้เข้าไปเคลื่อนไหวอะไรอีกเลย ไม่ใช่ว่าเขายุ่งจนไม่มีเวลาเล่น ไม่ใช่เพราะยังไม่มีรูปที่อยากลง แต่เพราะว่าคุณไฟกดติดตามวาในอินสตาแกรมต่างหาก เขาถึงได้ไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรจนกระทั่งตอนนี้                 ตั้งแต่ที่พี่ไทระยืนยันว่าคุณไฟกดติดตามแค่วา ความสงสัยมากมายก็ผุดขึ้นในหัวของเขา วาแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่รู้ว่าคุณไฟเจออินสตาแกรมกัน                 จริงอยู่…การที่อีกฝ่ายจะ‘บังเอิญ’เจออินสตาแกรมกัน มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เพราะคุณไฟมาเจอตั้งแต่วันแรกที่วากลับมาเล่น ไหนจะเรื่องที่คุณเขาไม่ได้กดติดตามใครไว้อีก มันจึงกลายเป็นเรื่องแปลก เพราะมีอยู่ไม่กี่ช่องทางเท่านั้นที่อีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้ ถ้าคุณไฟไม่เลื่อนดูในหน้าสำรวจ อีกฝ่ายก็ต้องกดเข้าไปในอินสตาแกรมของพี่ไทระ ถึงจะได้รู้ว่าวามีอินสตาแกรมแล้ว                 นี่ถ้าหากคุณไฟกดติดตามคนอื่นไว้ด้วย วาก็คงกล้าที่จะลงรูป กล้าที่จะลองเล่นสตอรี่ดู แต่ทว่าอีกฝ่ายกดติดตามแค่เขาคนเดียว นั่นหมายความว่าเวลาที่วาโพสต์อะไร คุณไฟก็จะเห็นทั้งหมด วาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งการกดติดตามคุณเขากลับ                 วาเปิดอินสตาแกรมมาได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้ ยอดผู้ติดตามเขาก็ได้พุ่งทะลุไปเกินสามหมื่นคน ทั้ง ๆ ที่ในนั้นก็มีแค่รูปเดียว นั่นก็คือรูปที่พี่ไทระลงให้และรูปที่อีกฝ่ายแท็กมาหาเท่านั้น                   ขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดตัวเอง เสียงหัวเราะของคุณไฟก็ดังขึ้น เมื่ออีกฝ่ายกำลังอัดรายการอยู่ แล้วพิธีกรสาวก็ปล่อยมุกแซวเจ้าตัว                 แม้วาจะเข้ามาทำงานกับอีกฝ่ายได้ไม่ถึงปี แต่เขาก็พอมองออกว่านั่นเป็นการหัวเราะแบบการแสดง คุณไฟไม่ได้หัวเราะเพราะว่ามันขำ อีกฝ่ายไม่ใช่คนหัวเราะง่ายขนาดนั้น แต่ที่แสดงออกเช่นนั้น คงเพราะต้องการสร้างบรรยากาศและลดความเกร็งระหว่างเจ้าตัวกับผู้ร่วมงานต่างหาก                 ในระหว่างที่คุณไฟกำลังถ่ายรายการอยู่นั้น วาผู้มีสถานะเป็นผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวก็คอยนั่งดูอยู่ไม่ห่าง  ซึ่งหน้าที่หลักของเขาเวลาที่อีกฝ่ายมาอัดรายการแบบนี้ คือการต้องคอยฟังว่าพิธีกรถามอะไรบ้าง คำถามไหนมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดประเด็นหรือเปล่า ซึ่งถ้าหากว่ามี วาก็ต้องเข้าไปคุยกับโปรดิวเซอร์รายการ ก่อนที่เทปนั้นจะถูกออกอากาศ                 ขณะที่คุณไฟกำลังทำงานอยู่นั้น อีกฝ่ายก็ได้ฝากข้าวของส่วนตัวไว้กับวา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือโทรศัพท์… จู่ ๆ ความคิดบ้า ๆ ก็ผุดขึ้น เมื่อสายตาของวามองเห็นโทรศัพท์ที่คุณไฟวางทิ้งไว้กับเขา                 แทนที่จะให้ความสนใจกับงานตรงหน้า กลับกลายเป็นว่าตอนนี้วาเทความสำคัญมาให้โทรศัพท์ของคุณไฟแทน หลังเขามีความคิดว่าในระหว่างนี้จะแอบเข้าโทรศัพท์ของอีกฝ่าย เพื่อไปกดยกเลิกการติดตาม                  วาลังเลอยู่นานมาก จนกระทั่งโทรศัพท์เครื่องสวยถูกหยิบไป….โดยผู้เป็นเจ้าของเครื่อง                   “เอ่อ….วันนี้คุณไฟจะกินข้าวข้างนอกหรือว่าจะทำอาหารกินเองครับ” เมื่อสิ่งที่กำลังจ้องอยู่ ถูกหยิบไปในพริบตา นั่นจึงทำให้วาเผลอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตั้งสติแล้วเอ่ยปากถามอีกฝ่าย หลังเห็นว่าคุณไฟได้อัดรายการเรียบร้อยแล้ว                 “เดี๋ยววันนี้กินข้าวข้างนอก แล้วนายก็ต้องไปกินด้วย”                   “อ๋อ…ได้ครับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น วาก็ตกปากรับคำอย่างว่าง่าย                 นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณไฟพูดเช่นนี้ เพราะนับตั้งแต่วันที่วาปฏิเสธการทานอาหารร่วมกับอีกฝ่ายและคุณพิมในครั้งนั้น  คุณไฟก็สั่งให้วาไปกินข้าวกับเจ้าตัวแทบทุกวันที่มีงาน คล้ายจะแก้เผ็ดกันยังไงไม่รู้                 เพราะอีกฝ่ายยังออกอาการเหมือนเคือง ๆ กันอยู่ วาจึงไม่อยากมีปัญหามากนัก สิ่งไหนที่คุณเขาต้องการ ถ้าหากว่ามันไม่มากเกินไป วาทำได้เขาก็อยากทำให้… อย่างเช่นการไปกินข้าวมื้อนี้ด้วยกัน                 “เดี๋ยวนายบอกทางคนขับด้วย ให้เขาแวะไปส่งนายก่อน” คุณไฟพูดขึ้น หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จและพร้อมจะแยกย้ายกันกลับที่พักแล้ว                 “อ๋อ ได้ครับ” วาริชพยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะเริ่มทำการบอกเส้นทางตั้งแต่จากร้านอาหารไปจนถึงหอพักตนเองให้ลุงคนขับฟัง                   “ไฟล์ทไปอุบลพรุ่งนี้ เจ็ดโมงเช้านะครับคุณไฟ”  ก่อนจะลงจากรถ วาก็ไม่ลืมที่จะเตือนอีกคน เรื่องไฟลท์บินไปอุบลในวันพรุ่งนี้เช้า                 “อืม” คุณไฟพยักหน้ารับ ในขณะเดียวกันนั้นสายตาของอีกฝ่ายก็ยังไม่ผละออกจากหน้าจอสมาร์ทโฟน                 “เดี๋ยวผมจะเข้ามาหาคุณไฟ….สักประมาณตีห้า”                 “ตีสี่ครึ่ง”                 “ครับ?”                 “นายต้องมาตีสี่ครึ่ง เข้ามาปลุกฉันก่อน เผื่อฉันไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก” คุณเขาอธิบายต่ออย่างใจเย็น                 “อ๋อ ได้ครับ” วาพยักหน้ารับแต่โดยดี ก่อนที่เขาจะพูดต่อ “วันนี้ขอบคุณมากสำหรับอาหารมื้อเย็น แล้วก็…ฝันดีนะครับ”                 “….เช่นกัน”                   ไม่บ่อยครั้งนักที่คุณไฟจะมีงานอีเวนต์ต่างจังหวัด เพราะโดยปกติงานของคุณไฟมักจะเน้นไปทางด้านการแสดงเป็นหลัก ต้องอยู่ในช่วงโปรโมตละครเท่านั้น คุณเขาถึงจะมารับงานอีเวนต์และไปออกรายการ                 เพราะมันเป็นความต้องการของคุณไฟ…. นั่นจึงทำให้วาได้มายืนอยู่ที่หน้าห้องคุณเขาอีกครั้ง ในเวลาตีสี่ครึ่ง                 เมื่อเปิดเข้าไปในห้องของดาราหนุ่ม วาก็ทำทุกอย่าง ๆ ที่เขาเคยทำมาโดยตลอดและในเวลาต่อมาวาก็บุกเข้าห้องนอนคุณไฟต่อ หลังเขามั่นใจแล้วว่าในเวลานี้อีกคนยังไม่ตื่น                 แม้อุณหภูมิในห้องนอนจะเย็นมาก จนทำให้วาแอบสั่นเทา แต่คนที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม กลับสวมใส่แค่เสื้อกล้ามบาง ๆ เท่านั้น ซึ่งพอวามาเห็นว่าคุณไฟนอนแบบนี้เกือบทุกคืน เขาก็แอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อย เกรงว่าสักวันหนึ่งอีกฝ่ายจะป่วยเอา                 หลังจากปิดแอร์ให้คุณไฟแล้ว วาก็เตรียมปลุกคนต่อ ซึ่งขั้นตอนการปลุกนี้ เขาอาจต้องใช้แรงเสียหน่อย แต่ทว่ามือที่กำลังจะเอื้อมไปปลุกอีกคน ต้องชะงักค้างกลางอากาศ เมื่อเป็นอีกครั้งที่วาได้มีโอกาสเห็นคุณไฟยามหลับ เพราะในขณะนี้ อีกฝ่ายดูไม่มีพิษมีภัยอะไร นั่นจึงทำให้เขาเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองค้างไว้นาน ๆ                 ยามที่คุณไฟหลับดูไร้เดียงสาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ใครจะรู้กันว่าคุณเขาอารมณ์ร้ายเหลือทน….                 “คุณไฟครับ ตื่นได้แล้ว” เมื่อถึงเวลาพอสมควร วาก็เอ่ยปลุกอีกคนเสียงนุ่ม พร้อมกับเขย่าแขนคุณไฟเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว เขาปลุกอีกฝ่ายแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คุณไฟก็ตื่นขึ้นโดยพลัน                 “ตีไหนแล้ว” อีกฝ่ายเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง                 “จะตีห้าแล้วครับ”                 “งั้นขออีกห้านาทีได้ไหม”                 “….”                 “นะ…ลุกไม่ไหว” คราวนี้วาริชชะงัก ไม่บ่อยครั้งนักที่คุณไฟจะต่อรอง นั่นจึงทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อคืนนี้ อีกฝ่ายนอนตอนไหนกันแน่ ไอ้อาการอิดออดไม่ยอมลุกเช่นนี้ คงแปลว่าอีกฝ่ายนอนไม่พอ                 วารู้จักคุณเขาดี…                 “ก็ได้ครับ แต่ให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะครับ เดี๋ยวจะตกเครื่องเอา” เพราะคำนวณแล้ว เวลาเรายังมีเหลือเฟือ สุดท้ายวาริชถึงยอมตามใจคุณไฟอีกสักครั้ง                                 เรามาถึงจังหวัดอุบลในเวลาแปดโมงเช้า แต่ทว่างานอีเวนต์ของคุณไฟจะเริ่มขึ้นในช่วงบ่ายสอง นั่นจึงทำให้เรามีเวลามากพอที่จะแวะเข้าโรงแรมก่อน แถมยังพอมีเวลาเหลือจะไปตะลอนกินของอร่อยในจังหวัดได้ด้วย                 โชคดีที่ผู้จัดรายนี้เปิดโรงแรมไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวาน เราจึงไม่ต้องเสียเวลา มารอเช็กอินเข้าที่พักในช่วงเที่ยงและเมื่อมาถึงสนามบินอุบล วาก็จัดการเป็นธุระทุกอย่างให้คุณไฟตามหน้าที่ของเขา                 เพราะผู้จัดงานเปิดห้องไว้ให้เราสองห้อง เราจึงแบ่งกันคนละห้อง ซึ่งหลังจากแยกย้ายเข้าห้องพักตัวเองแล้ว วาก็จัดการชาร์จแบตโทรศัพท์และเอาเสื้อผ้าบางส่วนออกจากกระเป๋าเดินทาง                 การมาอุบลครั้งนี้ แม้เราจะอยู่เพียงไม่กี่วัน แต่วากลับมีแพลนมากมาย ซึ่งเขาก็ตั้งใจว่าหลังจากชาร์จโทรศัพท์เสร็จ ก็จะออกไปข้างนอกเสียหน่อย                   “ก็ไปด้วยกันสิ” คุณไฟเอ่ย หลังวาตัดสินใจเดินไปเคาะห้องของอีกฝ่าย เพื่อที่จะบอกว่าเขาจะออกไปข้างนอก  ไปทำอะไรแล้วจะกลับเข้ามาอีกทีตอนไหน                 “ถ้าคุณไฟจะออกไปด้วย งั้นผมจะรอคุณที่ล็อบบี้แล้วกันนะครับ” วาพูดต่อ                 “อืม ฉันขอเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าสิบนาที แล้วจะรีบตามลงไป”                 “ได้ครับ”                 การมาทำงานที่ต่างจังหวัดโดยปราศจากพี่ว่าน มันไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่วาแอบกังวล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้จัดงานมีความเป็นมืออาชีพสูง อีกฝ่ายอำนวยความสะดวกให้เราหลายอย่าง ทั้งการจองโรงแรมไว้ให้สองคืน แถมยังเตรียมรถตู้ส่วนตัวพร้อมคนขับไว้ให้อีก มันจึงเหมือนเรามาเที่ยวเล่นมากกว่ามาทำงานด้วยซ้ำ                 “เดี๋ยวเรากลับเข้ามาโรงแรมสักประมาณสิบเอ็ดโมงดีไหมครับ? เพราะทางผู้จัดเขาบอกว่าจะส่งช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมเข้ามาประมาณเที่ยงนิด ๆ”                 “แบบนั้นก็ได้” คุณไฟพยักหน้ารับ ก่อนจะถามต่อ “แล้วออกมาข้างนอกนี่ นายมีแพลนอะไรหรือยัง?”                 “มีแล้วครับ” วาตอบทันที                 “….”                 “คือเมื่อคืนนี้ ผมลองหาในเน็ตดูว่าของขึ้นชื่อของที่นี่ มีอะไรบ้าง ซึ่งพวกของฝากทั้งหลาย มันก็มีพวกหมูยอ กุนเชียงแล้วก็พวกอาหารญวนครับ… เพราะงั้นเราไปกินก๋วยจั๊บญวนกันไหมครับ” ความต้องการจริง ๆ ของวามันอยู่ตรงนี้  ไอ้ที่พูดแรก ๆ มันก็แค่การเกริ่นเท่านั้น แต่จุดประสงค์หลักของเขาก็คือการออกไปกินก๋วยจั๊บญวน                 ไม่ใช่ว่าวาไม่เคยกิน ตอนที่แม่เขายังมีชีวิตอยู่… ท่านก็มักจะทำให้กินอยู่ไม่เสมอ เนื่องจากเป็นอาหารโปรดของแม่ด้วย พอแม่เสียไป วาก็ยังกินอยู่ตลอด ๆ เห็นร้านตามข้างทางเปิดขายทีไร เขาก็มักจะหยุดซื้อทุกครั้ง แต่ที่อยากมากินของอุบล ก็เพราะเขาอยากรู้ว่าก๋วยจั๊บญวนของที่นี่แตกต่างจากของกรุงเทพไหมก็เท่านั้น                 “หรือว่าคุณไฟอยากกินอย่างอื่นครับ?” เพราะไม่อยากดูเอาแต่ใจมากเกินไป วาจึงไม่ลืมที่จะถามคนที่มาด้วยกันด้วย                 “นายอยากกินไม่ใช่เหรอ ก็เอาตามนั้นแหละ เพราะฉันก็ไม่ได้กินนานแล้วเหมือนกัน”                 “โอเคครับ” และแล้วคำตอบของคุณไฟ ก็ทำให้วาริชถึงกับยิ้มแฉ่ง                เพราะความตั้งใจสำเร็จตั้งแต่มาถึง พอเข้าสู่เวลาทำงาน วาจึงตั้งใจทำทุกอย่างยิ่งกว่าที่เคยให้สมกับที่คุณไฟใจดีกับเขา                 นอกเหนือจากการดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้กับนักแสดงหนุ่ม วายังมีอีกหนึ่งหน้าที่นั่นก็คือการเข้าไปพูดคุยกับผู้จัดงาน สอบถามเรื่องคิว สคริปต์และการบรีฟต่าง ๆ  ซึ่งตรงนี้เขาจะต้องคุยกับผู้จัดให้เข้าใจ เพื่อที่วาจะได้มาสรุปเนื้องานให้คุณไฟฟังอีกที                 “เดี๋ยวช่วงท้ายงาน มีถ่ายรูปกับผู้บริหารด้วยนะครับ” วาเอ่ยบอก หลังเขาสรุปเนื้องานของวันนี้ให้คุณไฟฟังเรียบร้อยแล้ว                 “แล้วนี่เขามีที่ให้แจกลายเซ็นหรือถ่ายรูปไหม”                 “อ้อ!มีครับ ทางผู้จัดการเขาเตรียมที่ไว้ให้แล้วครับ”                 “โอเค” คุณไฟพยักหน้ารับ                 นอกจากออกกองถ่ายละคร ก็ไม่บ่อยครั้งนักที่คุณไฟจะได้ออกต่างจังหวัด นั่นจึงทำให้เวลาที่อีกฝ่ายมีงานอีเวนต์ต่างจังหวัด คุณเขาก็มักจะแจกลายเซ็นหรือให้ถ่ายรูปด้วยทุกครั้ง ซึ่งโดยปกติหากงานอีเวนต์ถูกจัดขึ้นในกรุงเทพ คุณไฟก็จะไม่ค่อยให้ได้อะไรแบบนี้เท่าไรนัก เนื่องด้วยเวลาและความสะดวกของที่นั่น ไม่ยืดหยุ่นเท่าที่ต่างจังหวัด                   รอยยิ้มของคุณเขาราวกับแสงสปอรต์ไลท์….                  ยามที่คุณไฟอยู่บนเวทีหรือกำลังทำการแสดงอยู่หน้ากล้อง อีกฝ่ายมักจะทำให้วาเหมือนหลุดเข้าไปในโลกใบหนึ่ง รอยยิ้มหวาน ๆ ของคุณเขามักจะสะกดสายตาของผู้คน รวมถึงตัววา…ผู้ที่ได้มีโอกาสคลุกคลีอกับคุณเขามากกว่าแฟนคลับทั่วไป             “คุณไฟ น้ำครับ” หลังคุณเขาถ่ายรูปกับผู้บริหารและเดินลงจากเวทีแล้ว วาก็รีบยื่นแก้วน้ำส่วนตัวให้อีกฝ่ายทันที เพราะเขารู้ดีว่าเวลานี้คุณไฟจะต้องคอแห้งแน่ เนื่องจากเมื่อกี้นี้มีสคริปต์ที่ค่อนข้างพูดเยอะและยาว                 “ขอบคุณ” หลังจากรับแก้วน้ำและดื่มเสร็จ คุณไฟก็ยื่นกลับมาให้วาพร้อมกับคำขอบคุณ ก่อนที่คุณเขาจะเดินไปยังโซนที่มีไว้ให้อีกฝ่ายได้พบปะกับแฟนคลับโดยเฉพาะ                   “พรุ่งนี้เราได้ไฟล์ทบินกลับกี่โมง” หลังจากจบงานอีเวนต์ เราก็ไปกินอาหารมื้อเย็นกันต่อ ซึ่งขณะที่เรากำลังเดินเข้าร้านอาหารอีสานอยู่นั้น คุณไฟก็เอ่ยถามวาอีกครั้ง                 “สิบเอ็ดโมงเช้าครับ”                 “โอเค ยังพอตื่นสายได้ ว่าแต่นายอยากแวะไปไหนอีกหรือเปล่า?” อีกฝ่ายถามอีก                 “ไม่แล้วครับ”                 “งั้นพรุ่งนี้ก็จัดการอะไรให้เสร็จ ตั้งแต่เก้าโมงแล้วกัน”                 “ได้ครับ”                 อาหารมื้อเย็นรอบนี้ถูกเสนอโดยคุณไฟ เพราะคุณเขาออกปากเองว่าอยากกิน วาจึงเห็นด้วยอย่างว่าง่าย ซึ่งครั้งนี้เราไม่ได้ตะเวนหาร้านเด็ดกินเหมือนอย่างตอนก๋วยจั๊บญวน แต่เลือกกินร้านใกล้ ๆ โรงแรมเน้นความสะดวกและความสะอาดเสียมากกว่า                 “ขอโทษนะครับ ขอเพิ่มตำไทย ไม่ใส่ผงชูรสอีกจานด้วยนะครับ” หลังอาหารทยอยมาเสิร์ฟหมดแล้ว ก่อนที่พนักงานเสิร์ฟจะเดินจากไป วาก็รีบสะกิดบอกเธอ หลังเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรบางอย่าง ๆ ไม่น่าให้อภัย                 “นายจะกินเหรอ” คุณไฟถาม                 “ก็สั่งมาให้คุณไฟนั่นแหละครับ” วาตอบตามตรง ไม่ใช่ว่าเขาอยากทำให้ทุกอย่างมันยุ่งยาก แต่เพราะว่าวาไม่เคยเห็นคุณไฟกินปลาร้ามาก่อน เขาจึงเกรงว่าถ้าร่างกายอีกฝ่ายไม่เคยชิน พอกินเข้าไปก็อาจทำให้ท้องเสียได้             แล้วถ้าหากท้องเสียจนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล คนซวยไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นวาริชคนนี้นี่แหละ…                 “ทำไมล่ะ อันนี้ฉันก็กินได้” คุณไฟไม่ว่าเปล่า แต่ยังคว้าช้อนไปตักส้มตำปลาร้ากินโชว์กันด้วย                 “แน่ใจนะครับ” วาถามอีกฝ่ายให้แน่ใจอีกครั้ง                 “แน่สิ ฉันไม่เคยฝืนตัวเองอยู่แล้ว”                 “ถ้างั้นไม่เอาแล้วนะครับ ขอโทษด้วย” เพราะคุณไฟยืนกรานว่าตัวเองกินส้มตำปลาร้าได้จริง ๆ วาจึงหันไปบอกกับพนักงานเสิร์ฟอีกครั้งแล้วส่งยิ้มขอโทษเธอไปหนึ่งหน                                 งานอีเวนต์ต่างจังหวัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พรุ่งนี้ก็เหลือแค่เช็กเอาท์ออกและบินกลับกรุงเทพเท่านั้น หลังจากที่เราทานมื้อเย็นกันเสร็จ เราสองคนก็ต่างแยกย้ายเข้าห้องพักของตัวเอง ซึ่งเมื่อกลับเข้ามาในห้อง วาก็รีบอาบน้ำ เขาตั้งใจจะรีบเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ เนื่องจากในวันพรุ่งนี้วาจะต้องตื่นมาเก็บสัมภาระ เคลียร์ข้าวของตัวเองตั้งแต่เช้าตรู่                 ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!             “ครับ แป๊บหนึ่งนะครับ” วาริชตะโกนบอกคนหน้าห้อง หลังเขาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำและกำลังทาครีมอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นพอดี                 ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!                 “ครับ ๆ เสร็จแล้วครับคุณไฟ” วาตะโกนบอกอีกครั้ง พร้อมกับเร่งมือจัดการธุระตรงหน้า เพียงไม่ถึงนาทีวาก็ทาครีมเสร็จ เขารีบลุกขึ้นตั้งใจจะเดินไปเปิดประตูให้คุณไฟ เผื่ออีกฝ่ายมีธุระสำคัญจะคุยด้วย โดยวาไม่ลืมที่จะส่องตาแมวก่อน เพื่อเช็กความปลอดภัย แต่ทว่า….                 หน้าห้องของเขา กลับมีแต่ความว่างเปล่า                 เพียงแค่เห็นว่าหน้าห้องไม่มีใคร วาริชก็ถึงกับใจเสียทันที ขนของเขาลุกชันไปทั่วร่าง อาการกลัวผีเริ่มกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจเต้นถี่รัว วากลัวจนแทบไม่กล้าหายใจ                 เมื่อกี้เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นถึงสองครั้ง ซึ่งเพียงไม่ถึงนาทีวาก็ลุกขึ้นไปดูแล้ว มันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณไฟจะเดินกลับห้องเร็วขนาดนั้น อีกทั้งวารู้จักนิสัยคุณเขาดี คุณไฟไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้ ถ้าหากว่าวาไม่เปิดประตูให้ อีกฝ่ายก็จะเคาะจนกว่าเขาจะเปิด ไม่มีทางที่จะเดินกลับห้องไปแบบนี้แน่                 แม้ตอนนี้จะหวั่นใจค่อนไปทางกลัว แต่เรื่องนี้ต้องได้รับการพิสูจน์ เพราะถ้าไม่เช่นนั้น คืนนี้วาคงนอนไม่หลับแน่ เขาคงเอาแต่คิดว่าเสียงเคาะเมื่อครู่นี้เป็นคนหรือผี                 หลังคิดได้เช่นนั้น วาก็ไม่รอช้า เขารีบสวมสลิปเปอร์แล้วเดินไปเคาะห้องคุณไฟทันที วายืนรอคุณเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณไฟจะเปิดประตูออกมาทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายกำลังสวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่                 “มีอะไร?” คุณไฟถามเสียงห้วน                 “เมื่อกี้….คุณไฟได้มาเคาะห้องผมหรือเปล่าครับ” วาถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก                 “ไม่ นายก็เห็นนี่ว่าฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ”                 ชัดเลย… คุณไฟตอบแบบนี้ แสดงว่าวาเจอดีแล้วแน่ ๆ                 “งั้นคุณไฟรอผมก่อนนะครับ อย่าเพิ่งปิดประตูนะครับ!” เพียงแค่ได้ยินเช่นนั้น วาก็รีบละล่ำละลักบอกอีกคนทันที  ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งกลับห้องตัวเอง เก็บเอาข้าวของจำเป็นบางส่วนออกมาด้วยความรวดเร็ว ซึ่งในระหว่างที่วากำลังเก็บของอยู่นั้น เขาก็รู้สึกไม่เหมือนเดิม… ไม่รู้ว่านั่นเป็นอาการหลอนไปเองหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ วารู้สึกว่าเขากำลังถูกจ้องจากที่มุมใดมุมหนึ่งของห้อง                   “ขอนอนด้วยนะครับ”                 หลังหอบข้าวของพร้อมกับหมอนหนึ่งใบออกมาได้แล้ว วาก็เดินกลับมาที่หน้าห้องคุณไฟอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเว้าวอน                 “อะไรกัน ห้องมีตั้งสองห้องนะ” คุณไฟว่าอย่างไม่เข้าใจ                 “คือที่ห้องผม…มันไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไรครับ”                 “แล้ว?”                 “ผมขอนอนด้วยนะครับคุณไฟ นอนพื้นก็ได้ครับ ผมไม่เกี่ยง ผมสัญญาว่าจะไม่ส่งเสียง ไม่รบกวน ไม่ทำให้รำคาญและผมก็ไม่ใช่คนนอนกรนด้วย” วาอ้อนขอ อย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อนและนั่นก็ทำให้คุณไฟนิ่งไปครู่หนึ่ง อีกฝ่ายจ้องหน้าวาด้วยสายตาเรียบนิ่งเหมือนกำลังตัดสินใจว่าจะยอมดีไหม                 “เฮ้อ ตามใจนาย” สุดท้ายคุณไฟก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย พร้อมกับเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อให้วาได้เข้าไปในห้อง                 “ขอบคุณมากครับ!”                   “ห้องนาย มันมีอะไร” หลังคุณไฟปิดประตูห้องแล้ว อีกฝ่ายก็เดินกลับเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยถามวา พร้อมกอดอกไปด้วย                 “คือเมื่อกี้ที่ผมเดินมาถามคุณไฟ เพราะว่ามีคนมาเคาะห้องครับ”                 “….”                 “เขามาเคาะสองครั้ง ผมก็ขานรับไปทั้งสองครั้ง เพราะคิดว่านั่นเป็นคุณไฟ แต่ก่อนที่ผมจะเปิดประตูให้ ผมก็ได้ส่องตาแมวดู แล้วก็….ไม่เห็นใครอยู่หน้าห้องครับ” เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ และวายังใจสั่นอยู่ เขาจึงเล่าเหตุการณ์นั้นให้คุณไฟฟังด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก                 “ยังกลัวผีเหมือนเดิมเลยนะ” เมื่อคุณไฟรับฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว อีกฝ่ายก็แค่พูดออกมาเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบชุดนอนแล้วกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง ทิ้งให้วาอยู่กับความเงียบเพียงลำพัง                                 “ไม่ต้องนอนพื้นหรอก ขึ้นมานอนบนเตียงก็ได้” คุณไฟเอ่ยขึ้น หลังวากำลังตบหมอนใบใหญ่ให้เข้าที่ เตรียมจะนอนพื้นอย่างที่ให้คำสัญญากับอีกฝ่ายไปเมื่อครู่นี้                 “เอ่อ ไม่เป็นไรครับ”                 “ทำไม? ...หรือว่านายรังเกียจฉัน?”                 “ไม่ใช่นะครับ!” วารีบปฏิเสธ ก่อนจะอธิบายเหตุผล “คือ…ผมก็แค่กลัวว่าคุณไฟจะอึดอัดก็เท่านั้น”                 “เตียงก็ตั้งกว้าง นอนด้วยกันแค่คืนเดียว ไม่ทำให้ฉันอึดอัดหรอก”                 “แต่ว่า…”             “ขึ้นมา นี่คือคำสั่ง”                 เพราะเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น นั่นจึงทำให้ทั้งวาและคุณไฟต่างทำตัวไม่ถูกกันทั้งคู่ เมื่อเราต้องมานอนร่วมเตียงเดียวกัน                 “ค—คุณไฟจะปิดไฟนอนเลยไหมครับ” วาริชเอ่ยถามคนข้างกาย หลังเขาเป็นคนที่อยู่ใกล้สวิตช์ไฟมากที่สุดและก็เห็นว่าอีกฝ่ายได้ขึ้นมาบนเตียง เตรียมพร้อมที่จะเข้านอนแล้ว                 “ปิดเลยก็ได้” คุณไฟตอบ                 “โอเคครับ”  และหลังจากนั้นความเงียบและความมืดก็เข้าปกคลุมเราทั้งคู่….                   ไม่รู้ว่าระหว่างการเจอผีกับการที่ต้องนอนข้างคุณไฟ อันไหนจะเลวร้ายมากกว่ากัน เพราะแทนที่วาจะได้พักผ่อนอย่างที่ใจนึก กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขาไม่สามารถข่มตาลงได้ด้วยซ้ำ เนื่องจากร่างกายของวาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและเขาก็เผลอสะดุ้งทุกครั้งที่คุณไฟขยับตัว                 แม้ในเวลานี้จะเข้าสู่ช่วงพักผ่อนของเราทั้งคู่แล้ว แต่ทว่าต่างฝ่ายต่างไม่มีใครหลับสักคน คุณไฟขยับตัวอยู่หลายครั้งหลายครา คล้ายกับจะหาท่านอนที่ใช่ จนกระทั่งอีกฝ่ายพลิกตัวนอนหันหน้ามาทางวา ทุกอย่างถึงได้หยุดเคลื่อนไหว                 เพราะคุณไฟจ้องวานานเกินไป นั่นจึงทำให้คนที่ถูกมองอดไม่ได้ที่จะหันมองกลับ เพื่อที่จะพบว่าเขาได้คิดผิดอย่างมหันต์                 ความอึดอัดระหว่างเราหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อวาหันกลับไปมองคุณไฟอย่างไม่ได้ตั้งใจและก็กลายเป็นว่าเราสบตากันอยู่อย่างนั้น…..                 ดวงตาคมที่มักจะสื่ออารมณ์ได้ดี ในเวลานี้ได้ตรึงสายตาวาไว้อย่างอยู่หมัด เขาเหมือนหลุดเข้าในห้วงหนึ่ง ดำดิ่งไปพร้อม ๆ กับคุณเขา ก่อนที่วาจะได้สติ เมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาลูบแก้มกันอย่างแผ่วเบา ซึ่งมันทั้งอ่อนโยนและวาบหวาม                 ท่ามกลางความมืดมิด… ระยะห่างระหว่างเราก็กำลังแคบลงเรื่อย ๆ และในที่สุดริมฝีปากของเราก็เคลื่อนเข้าหากันและสัมผัสกันอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ วาคิดว่าตัวเองจะเก่งกว่านี้ แต่พอเขาถูกคุณไฟจูบ วากลับไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะเบือนหน้าหนีด้วยซ้ำ                 รู้ว่าควรจะปฏิเสธ แต่วากลับปล่อยให้คุณไฟจูบตัวเองอยู่อย่างนั้น….                 สัมผัสระหว่างเราลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ  เมื่อคุณไฟยื่นมือมาจับปลายคางวาเอาไว้ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้จูบอย่างถนัดถนี่ คุณไฟพยายามรุกล้ำด้วยการส่งท่อนลิ้นเข้ามาในโพรงปากวา ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นคุณเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาคร่อมวาอย่างเป็นธรรมดา             และในตอนนี้ก็มีสองทางให้วาต้องเลือก นั่นคือความถูกต้องและ….ความต้องการ             ขณะที่วากำลังคิด มือของคุณไฟก็ลูบไล้ไปทั่วร่างเขา ใบหน้าของอีกฝ่ายเคลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆและในเวลาเดียวกันนั้น กลีบปากอิ่มของคุณไฟก็พยายามพรมจูบตามสันกรามและซอกคอวาอย่างไม่เว้นจังหวะ             ยิ่งวาคิดนานมากเท่าไร คุณไฟก็ยิ่งพาถลำลึกมากขึ้นเท่านั้น อีกฝ่ายเหมือนเครื่องพร้อมติดตลอดเวลา จนกระทั่งวามารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่มือของคุณไฟสอดเข้ามาใต้เสื้อเขาแล้ว นั่นจึงทำให้วาต้องรีบตะครุบมืออีกฝ่ายไว้ทันควัน ก่อนที่คุณไฟจะเลิกเสื้อเขาขึ้น                 “ไม่ได้เหรอ?” คุณไฟถาม น้ำเสียงดูต่างจากทุกครั้ง                 “ไม่ได้ครับ” แม้บรรยากาศจะเป็นใจ แม้วาจะแอบเผลอไผลไปกับสัมผัสของคุณเขา แต่เรื่องความถูกต้องมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด                 เพราะคุณพิมไม่เคยทำอะไรให้วา อีกฝ่ายมอบทั้งความเอ็นดูและเมตตาให้เขา ฉะนั้นวาก็ไม่ควรที่จะทำร้ายเธอด้วยการทำแบบนี้                 วาไม่ควรทำร้ายคุณพิม ด้วยการแทงข้างหลังเธอ….             “ผมขอโทษ แต่มันไม่ได้จริง ๆ” วาปฏิเสธอีกหน แม้น้ำเสียงเขาจะไม่ได้เฉียบขาดอย่างที่ควรจะเป็น แต่คำตอบของวาก็ยังคงเป็นแบบเดิม                 “ไม่เป็นไร” และเมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้น คุณไฟก็นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนพูดอย่างว่าง่ายพร้อมกับลุกขึ้นจากตัวเขา                 และในวินาทีนั้น….วาถึงได้เห็นว่าคุณไฟได้ถอดเสื้อออกแล้ว                 “นายหลับไปก่อนเลยก็ได้ ฉันขอตัวไปทำธุระก่อน” คุณไฟพูดเสียงปกติ ราวกับเมื่อกี้มันไม่มีอะไร ก่อนที่อีกฝ่ายจะหุนหันเดินเข้าห้องน้ำไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม